Chapter 121: ความเจ็บปวดอันมากเกินที่จะทน
Chapter 121: ความเจ็บปวดอันมากเกินที่จะทน
วิลลี่*(เปลี่ยนจากวิลลี่ครับ)จ้องอย่างโกรธเคืองกับหวังหยู่ เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เขาไม่ต้องการจากหวังหยู่ซึ่งเขาไม่เพียงปฏิเสธเควส เขานั้นยังคงแสดงท่าทางอันหยิ่งยโส แล้วเขาก็จ้องมองไปอย่างหยิ่งยโส
“นายหยุดเขา ฉันจะไปหาก้อนหินปีศาจศักดิ์สิทธิ์!”
เมื่อเห็นวิลลี่นั้นกำลังจัดรูปแบบการต่อสู้ หยางนัวก็ให้หวังหยู่เกี่ยวกับชิ้นส่วนสุดในการแนะนำก่อนที่จะหันกลับไปเตรียมพร้อมที่จะจากไป
ในขณะที่เธอนั้นกำลังพูดอยู่ ผ้าคลุมของวิลลี่ก็พลิ้วไหวแล้วเขาก็ลอยเข้าหาหวังหยู่
ไอ้แก่ที่โง่เขลานั้นไม่ได้ฉลาดสักเท่าไหร่ ใครก็ตามก็สามารถอธิบายได้ว่าเขานั้นเป็นมอนสเตอร์ประเภทโจมตีไกลจากการดูสกิลของเขา แต่เขาก็ยังเข้ามาในระยะใกล้ของหวังหยู่ เลือกที่จะต่อสู้กันในการต่อสู้ระยะประชิด
รูปร่างของหวังหยู่สว่างวาบ และพุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าใส่วิลลี่ในขณะที่ใช้ [หมัดกระแทก]
วิลลี่นั้นก็ยกแขนขึ้นอย่างใจเย็น และทำให้หนังสือไบเบิลในมือของเขาลอยขึ้นด้านบนและป้องกันการโจมตีของหวังหยู่
หวังหยู่ก็มีปฏิกิริยากลับในทันที เขาบิดร่างกายเพื่อหลบหนังสือไบเบิลที่วิลลี่พ่นลำแสงสีขาวมาใส่เขา
หวังหยู่ก็บล็อคลำแสงด้วยมือซ้ายของเขา ในขณะที่มือขวาของเขานั้นยื่นไปจับกุมลำคอของวิลลี่อย่างดุเดือด
การจับไปที่ลำคอของคู่ต่อสู้นั้นเป็นท่าพื้นฐานในศิลปะการต่อสู้ แต่แม้ว่ามันจะเป็นท่าพื้นฐานมันก็ยังมีประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อมันถูกใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญแบบหวังหยู่ วิลลี่ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากกำมือของเขาได้ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนมากแค่ไหน
แม้ว่าเธอจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ หยางนัวก็ไม่สามารถที่จะเชื่อว่าหวังหยู่สามารถกดดันบอสได้ในเวลาอันสั้น
ยิ่งเป็นคุ้นเคยกับศิลปะการต่อสู้ พวกเธอก็สามารถที่จะเข้าใจถึงความลุ่มลึกของท่าของเขา
ถ้ามันเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เห็นการโจมตีของหวังหยู่ใส่วิลลี่ละก็ พวกเขาคงจะตั้งข้อสรุปว่าหวังหยู่นั้นมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วกว่าคนทั่วไปแค่เล็กน้อย
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นในสายตาของหยางนัว ที่รู้ว่ายิ่งเป็นท่าพื้นฐานที่ทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขนาดนั้น นั่นก็หมายความว่าหวังหยู่นั้นถึงระดับความเชี่ยวชาญสูงสุดในศิลปะการต่อสู้ของเขาแล้ว การประสานงานกันของทุกการเคลื่อนไหวของเขา เมื่อใครบางคนถึงระดับนั้น พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำกิจวัตรประจำวันอีกต่อไป แต่ก็จะปลดปล่อยพลังแห่งศิลปะการต่อสู้ออกมาทุกการเคลื่อนไหว
หวังหยู่นั้นถึงระดับที่มีอยู่ในเรื่องเล่าตั้งแต่เขาอายุยี่สิบ มันจึงไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเลยว่าเขานั้นเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่งบนโลก
ถ้าบอสสามารถที่จะผลักล้มได้อย่าง่ายละก็ นักออกแบบเกมก็จะเสียหน้าจำนวนมากอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะถูกจับกุมอยู่ วิลลี่ก็มีการแสดงออกที่ใจเย็นบนใบหน้าของเขาซึ่งทำให้หวังหยู่รู้สึกว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ
มันเป็นดังที่คิด ฝ่ามือของวิลลี่นั้นทำท่าพนมมือ ลูกปัดบนลำคอของผู้ที่สวดมนต์นั้นก็พุ่งออกมาและมันพันเข้าไปกับแขนของหวังหยู่
“เหี้...!”หวังหยู่อุทานและรีบปล่อยวิลลี่ลง
“หื้ม?”วิลลี่นั้นมีการแสดงออกที่สับสนบนใบหน้าของเขา
ลูกประคำบนคอของเขานั้นกำลังโจมตี แต่มือของหวังหยู่อยู่บนคอของเขา....การโจมตีนั้นยังไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่หวังหยู่นั้นจัดการที่หลบหลีกมันได้
“มันดุร้ายอะไรขนาดนั้น!”หวังหยู่จ้องไปที่วิลลี่ เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ไอ้หมอนั่นแม้งใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อวางกับดักฉัน! ถ้าเขานั้นโหดร้ายกับตัวเองขนาดนั้น มันจะไม่ทำตัวเลวร้ายกับคนอื่นอย่างงั้นเหรอ?”
วิลลี่มองไปที่ความหวาดหวั่นที่หวังหยู่แสดงออกมาด้วยความชื่นชมในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ถามหวังหยู่อีกครั้ง “นายไม่ต้องการที่จะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้างั้นเหรอ?”
หวังหยู่ยิ้มบางๆแล้วเขาก็ตอบกลับ “ข้ารับใช้ของพระเจ้านั้นไม่ได้แตกต่างไปจากทาส! ผมไม่มีเวลามาเล่นตลกกับนายหรอก!”
“ฮึ่ม!”หวังหยู่จ้องอย่างเย็นชาใส่หวังหยู่ “ไอ้นอกรีตโสมม นายพึ่งจะขุดหลุมฝังตัวเอง!”
วิลลี่ก็เหวี่ยงแขนขวาออกมาซึ่งทำให้หนังสือไบเบิลนั้นลอยขึ้นกลางอากาศและยิงเข้าใส่หัวของหวังหยู่
หวังหยู่ก็รีบหลบมัน แต่มันเหมือนกับว่าหนังสือไบเบิลนั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง มันก็กลับตัวกลางอากาศและพุ่งเข้าใส่หวังหยุ่อีกครั้งหนึ่ง และติดตามเขาไปทุกท่วงท่า
“นายนี่ขี้เกียจขนาดไหนกัน!”
หวังหยู่ขู่คำรามอย่างไม่มีความสุข นี่มันเป็นปัญหามากในการจัดการกับมัน...หวังหยู่ก็ก้าวไปด้านหน้าและเลือกที่จะเข้าไปในระยะใกล้ระหว่างวิลลี่และตัวของเขาเอง
แต่วิลลี่ก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน เขาก็รีบลอยห่างออกไปจากหวังหยู่ในทันที หมัดของหวังหยู่ปะทะเข้ากับหนังสือไบเบิลที่พุ่งหาเขากลางอากาศอีกครั้งหนึ่ง
หวังหยู่ยิง [ระลอกคลื่น] ออกมาจากมือซ้ายและใช้แรงผลักของมันตีลังกากลางอากาศแล้วเขาก็เตะหนังสือไบเบิลทิ้งไป
หนังสือไบเบิลก็มีแสงปกคลุมที่ตัวมันเหมือนกับว่ามันเตรียมที่จะโจมตีหวังหยู่อีกครั้งหนึ่ง แต่ในตอนที่มันจะโจมตีนั้นเอง หวังหยู่ก็ร่าย [การเคลื่อนย้ายแห่งพระอาทิตย์ตกดิน] ปรากฏขึ้นต่อหน้าของวิลลี่ ซึ่งเขานั้นไม่ได้ระวังตัว วิลลี่ก็ยกมือขึ้นมาป้องกันหมัดของหวังหยู่อย่างสิ้นหวัง
หวังหยู่หัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วเขาก็จับไปที่นิ้วของวิลลี่ด้วยมือซ้ายของเขาและบิดมันอย่างโหดเหี้ยม แล้ววิลลี่ก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและขาแข้งเขาก็สั่น เมื่อเขานั้นเห็นวิลลี่กำลังจะคุกเข่าลง หวังหยู่ก็ยกขาขึ้นและส่งลูกเตะอันรุนแรงเข้าใส่เข่าของวิลลี่ซึ่งทำให้เขาทรุดตัวลง ในขณะที่หวังหยู่ก็บิดข้อศอกของเขา
“ครึ้ก!”เสียงที่ดังออกมาเหมือนเสียงกระดูกแตกออกมาจากห้องโถง กระดูกหัวไหล่ของวิลลี่นั้นแหลกละเอียด ข้อศอกของเขานั้นห้อยลงมาด้านข้างใบหน้าของเขา
-2424
ตัวเลขสีเลือดลอยขึ้นบนหัวของวิลลี่
มันเป็นเรื่องที่ไม่เด่นชัดว่า NPC สามารถรู้สึกเจ็บปวดได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นไปตามที่หวังหยู่คาดไว้ แม้ว่าหลังจากที่กระดูกหัวไหล่ของเขาจะแตกละเอียดก็ตามที วิลลี่ก็จ้องมาที่เขาอย่างเย็นชาแล้วเขาก็พูดขึ้น “ไอ้นอกรีตหน้าด้าน! นายคิดว่าการโจมตีที่โง่เง่านั้นสามารถทำร้ายข้ารับใช้ของพระเจ้าแบบฉันได้งั้นเหรอ?”
การแสดงออกของวิลลี่นั้นทำให้หวังหยู่สั่น มันเป็นปีศาจร้ายจริงๆ...เมื่อคิดว่าพวกเขานั้นสามารถใช้ความศรัทธาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวของคนทั่วไปก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
โดยปราศจากการที่ให้หวังหยู่เหลือบมองอีกครั้ง วิลลี่ก็โบกแขนอีกข้าง และก็มีแสงสีขาวล่วงหล่นมาจากฟากฟ้า ในขณะที่เขาปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว อาการบาดเจ็บของวิลลี่ก็ค่อยๆฟื้นฟูขึ้นอย่างช้าๆ รวมทั้งพลังชีวิตของเขาที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นด้วย
“…”
หวังหยู่บ่นอย่างเงียบๆภายในหัวใจของเขา ระบบนั้นช่างไร้จิตใจเกินไปจริงๆ น้ำพักน้ำแรงทั้งหมดที่หวังหยู่ใส่ลงไปในการต่อสู้กับบอสนั้นมันแทบจะฟื้นฟูไปทั้งหมดเพียงแค่การโบกมือของวิลลี่
“รับผลกรรมของเทพเจ้าซะ!”
แล้วมันก็มีการแสดงออกอันหยิ่งยโสขึ้นบนใบหน้าของวิลลี่หลังจากที่เขาฟื้นฟูพลังชีวิตด้วยสกิลของเขา เขาก็ตะโกนอย่างโอ้อวดเข้าใส่หวังหยู่แล้วเขาก็ยกแขนของเขาขึ้นและทำมันเป็นรูปไม้กางเขน
หนังสือไบเบิลก็ลอยเข้ากลับมาหาด้านข้างของวิลลี่แล้วมันก็เปิดด้วยตัวของมันเอง และวิลลี่ก็ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองสว่าง
นี่เป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะเป็นธาตุแสง ไม่เพียงแต่การโจมตีของพวกเขานั้นจะเพิ่มขึ้น พวกเขาก็ยังคงได้รับผลกระทบอย่างอื่นด้วยเช่นกัน
เมื่อแสงสีทองเข้าปะทะเข้ากับหวังหยู่ เขาก็ตระหนักได้ว่าหลอดพลังชีวิตของเขาค่อยๆลดลง มันลดไป 1%แล้ว...โชคดีที่หวังหยู่ยังสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ตั้งแต่ที่อุปกรณ์ของเขานั้นมีโบนัสพิเศษเกี่ยวกับการดูดเลือด
“ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีอันโอ่อ่าแบบนั้นกัน? การโจมตีแบบนั้นเป็นการแสดงละครตลกงั้นเหรอ?”หวังหยู่บ่นอย่างไม่รีรอ
“รีบหนีเร็วเข้า! ลำแสงนั่นจะทำลายอาวุธของนาย!”หยางนัวรีบตะโกน
“หื้อ?”หวังหยู่ก็รีบก้มลงมองดู ความเศร้าโศกของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นดูทรุดโทรมมากกว่าปกติ…
“เหี้..!”
หวังหยู่ก็รีบกระโดดถอยหลังเพื่อหลบหลีกการโจมตี แต่ไม่ว่าเขาจะรวดเร็วขนาดไหน หวังหยู่ก็ไม่สามารถหลบหลีลำแสงสีทองที่มันสาดกระจายไปทั่วทั้งห้องโถงได้
เมื่อเห็นอาวุธที่รักของเขานั้นดูผุพังมากยิ่งขึ้น หวังหยู่ก็รีบถอดมันและโยนเข้าช่องเก็บของ
สำหรับการเป็นนักต่อสู้ พลังโจมตีพื้นฐานของหวังหยู่นั้นไม่ได้สูงมาก โดยปราศจากความสามารถของอาวุธของเขา นั้นเขาก็สามารถทำความเสียหายได้เพียงไม่มากซักเท่าไหร่ ครึ่งหนึ่งของเหตุผลที่หวังหยู่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้นั้นเป็นเพราะว่าพลังโจมตีที่สูงของความเศร้าโศรกของผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะศิลปะการต่อสู้อันสุดยอดของเขา
แต่เขาจะสู้กับบอสที่สามารถรักษาตัวเองได้ยังไง ถ้าเขานั้นไม่มีอาวุธ?
ต้องตระหนักก่อนว่าหวังหยู่นั้นกำลังอยู่ภายในโบสถ์แห่งแสงที่เป็นหัวใจของเมืองวาติกัน แม้ว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังอยู่ห่างออกไป มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะมาถึง โดยปราศจากอาวุธประเภทหมัดของเขาแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่หวังหยู่จะจัดการเขาได้....
“หื้ม นี่มันอะไร?”หวังหยู่ก็พยายามที่จะหาอาวุธแทนอาวุธประเภทหมัดของเขาในช่องเก็บของ มือของเขาก็ไปสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่าง….