ตอนที่22 ผสานวรยุทธ ค้อนสะบั้นวายุและหมัดไทเก๊ก
หมัดไทเก๊กนั้นประกอบด้วยหยินและหยาง ทั้งคู่นั้นเกิดจากอนันต์ มันมีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและความเฉื่อย แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะเปลี่ยนแต่มันก็คือหลักการเดียวกัน
สิงห์น้อยไม่เคยรู้ถึงความลับของหมัดไทเก๊กเลย
เขาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในชีวิตก่อนหน้าของเขาและโดยธรรมชาติเขาไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ เขาศึกษาไทเก๊กเพียงเพื่อสุขภาพและประจบหัวหน้าของเขาแค่นั้น เขาไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้ แต่การที่จะเลียนแบบท่าในเพลงหมัดไทเก๊กเฉยๆนั้น มันไม่ได้อะไรเลย
เมื่อเขามาถึงโลกนี้เขาได้พบกับหวังเทียนเหล่ย และได้เรียนรู้ทักษะการต่อยและเทคนิคเกี่ยวกับการควบคุมพลังภายใน และเขายังได้ค้นพบประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของหมัดไทเก๊กโดยบังเอิญ หากโชคไม่ดีจริงคงไม่ถูกค้นพบแน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้ประโยชน์ของหมัดไทเก๊กเพียงเพราะควบคุมพลังภายในและจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของหมัดไทเก๊กได้
แม้ว่าหวังเทียนเหล่ย จะมีศิลปะการต่อสู้ที่ดีเทียบเท่ากับ จอมยุทธระดับ 2 ที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าจอมยุทธระดับ 2 นั้นพึ่งจะสัมผัสพลังภายในของตนเองได้และนำมาใช้ผสมกับศิลปะการต่อสู้
อะไรที่ทำให้หวังเทียนเหล่ย ถูกจำกัดพลังไว้ เช่น พลังภายในที่อยู่ในระดับต่ำ? หรือเป็นเพราะ วรยุทธที่เขารู้นั้นน้อยเกินไป? ดังนั้นสิ่งเหล่านี้อาจเป็นตัวที่ทำให้หวังเทียนเหล่ยประสบความสำเร็จไม่ได้เท่าที่ควร แม้ว่าความสำเร็จจะเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็แสดงถึงความแข็งแกร่งออกมาได้
เขาต้องเข้าใจถึงบางสิ่ง แต่ไม่รู้ว่านั้นคืออะไร เขาไม่เข้าใจจริงๆเกี่ยวกับเทคนิคการต่อย
แต่ในตอนนี้เขาได้รับคำแนะนำจาก เฒ่าฉิน แล้ว แม้ว่าเฒ่าฉิน จะไม่ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายของตระกูลวู่ เพื่อกลายเป็นศิษย์เอก แต่เขาก็ยังถูกเรียกว่า เป็นหนึ่งลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งแห่งตระกูลวู่
ในบรรดาลูกศิษย์ในตระกูลวู่นั้นล้วนมีแต่ยอดฝีมือที่มีฝีมือสูงมาก จนเรียกได้ว่า หวังเทียนเหล่ยไม่สามารถเทียบอะไรกับพวกเขาได้เลย
หวังเทียนเหล่ย ได้เรียนรู้วรยุทธตระกูลเพลงหมัดอยู่หลายกระบวนท่าก็จริง แต่เขาไม่เคยที่จะเรียนรู้ทฤษฎีเหล่านั้น และในบรรดาลูกศิษย์ตระกูลวู่บางคน ก็มีความเชี่ยวชาญวรยุทธด้านเพลงหมัด และมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมาก อาจกล่าวได้ว่า เฒ่าฉิน นั้นอาจได้ก้าวผ่านโลกแห่งวรยุทธมานานแล้ว
วรยุทธสะบั้นวายุ นั้นเป็นทักษะการสู้ที่หาได้ยาก ซึ่งบรรพบุรุษของตระกูลวู่ ได้เรียนรู้จากการตีเหล็กและการถลุง เฒ่าฉิน รู้เฉพาะเก้ากระบวนท่าแรกเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด แต่มันมีความสำคัญมากสำหรับการต่อยอดในฝึกกระบวนท่าต่อๆไปในการฝึก วรยุทธค้อนสะบั้นวายุให้สำเร็จ
และความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่าเมื่อ วรยุทธค้อนสะบั้นวายุ นั้นหากได้ฝึกฝนจนชำนาญนั้น มันจะนำไปสู่กระบวนท่าสุดท้าย กระบวนท่าค้อนสะบั้นนภา ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเก้ากระบวนท่าแรก
แน่นอนว่าสิงห์น้อยหรือแม้แต่เฒ่าฉิน ก็ไม่ทราบเรื่องนี้
ตอนนี้ กระบวนท่าทั้งเก้านั้นมีประโยชน์ต่อสิงห์น้อยเป็นอย่างมาก มันเป็นทักษะการตีเหล็กที่น่าทึ่ง
วรยุทธค้อนสะบั้นวายุนั้น นั้นเป็นการรีดและถลุงพลังธรรมชาติออกมาให้มากขึ้น และอีกส่วนนั้นก็คือ วรยุทธเพลงหมัดไทเก๊ก
เพลงหมัดไทเก๊ก นั้นประกอบด้วยทักษะการตอกทั้งสี่ ในอดีตสิงห์น้อยไม่เคยเข้าใจถึงศิลปะการต่อสู้และประโยชน์ของมันนอกจากเพื่อออกกำลังกาย แต่มันยังเสริมสร้างร่างกายและเสริมสร้างพลังในการปล่อยหมัด ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วย กรองพลังภายในให้บริสุทธิ์อีกด้วย
ทุกๆวันในตอนนี้มันต่างกัน หลังจากที่ได้ใช้ ทักษะการตอกเก้ากระบวนท่าแรก กับ เพลงหมัดไทเก๊ก เข้าด้วยกัน
มันจะแสดงผลเป็นรูปแบบการโจมตีได้ในเบื้องต้น กล่าวได้ว่า เพลงหมัดไทเก๊กไม่ได้ถูกจำกัด ใช้ในด้านการออกกำลังกายเท่านั้น แต่มันยังเป็นกระบวนท่าโจมตีอีกด้วย แน่นอนว่าพลังที่ออกมายังน้อยอยู่ แต่อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอสำหรับสิงห์น้อยในตอนนี้
“หูวว!” เขาค่อยๆผ่อนพลังของเขาให้เบาลง ดูเมื่อว่าเขาจะเสร็จสิ้นการฝึกแล้ว เขาค่อยๆผ่อนพลังอย่างระมัดระวัง เขาได้นึกถึงความรู้สึกขณะที่เขากำลังฝึกนั้น
เพลงหมัดไทเก๊กนั้นได้ผสานเข้ากับ ทักษะการตอกเก้ากระบวนท่าแรก และมันได้สร้างความตื่นเต้นให้กับสิงห์น้อยอยู่บ้าง
“ข้าเห็นทักษะการตอก และ หมัดไทเก๊ก นั้นพัฒนาขึ้น จากทักษะการตอกธรรมดาๆ มันได้แปรเปลี่ยนเป็นการตอกที่ใช้ทักษะหมัดไทเก๊ก และ พลังลงไป แต่ข้าไม่เข้าใจว่า ถ้าหากข้านำกระบวนท่าทั้งหมดของหมัดไทเก๊กลงไปผสมกับทักษะการตอกแล้วจะเป็นยังไง?”
“ข้าว่ามันอาจพัฒนาความแข็งแกร่งของเจ้าให้เร็วขึ้นไปอีก!”
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้เขาไม่สามารถช่วยให้ข้ามีความสุขได้ เขารู้ว่าเขาจะสอนทักษะการข้ามขีดจำกัดไปยังระดับ กระดูกแข็งดั่งเหล็ก ได้ซึ่งมันไม่น่าแปลกใจที่ตระกลูวู่ นั้นเป็นตระกุลที่มีชื่อเสียง
และคนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ เฒ่าฉิน ได้นั้น ควรจะต้องมีทักษะการตอกขั้นพื้นฐาน แม้ว่าทักษะการข้ามขีดกำจัดที่เขาปฎิบัติอยู่นั้นจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
นอกจากนี้ยังมีทักษะการต่อยที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ทักษะนี้มันอยู่ในระดับที่เหนือกว่า เพลงหมัดหมีดำ
แต่ก็น่าสังเวชตัวเองที่แรงของข้านั้นมีขีดจำกัด อายุและสภาพร่างกายในตอนนี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า! เขาได้แหงนหน้ามองขึ้นไปและได้มีผ้าเปียกๆคลุมอยู่บนหัวเขา ซึ่งไม่สามารถทำให้เขาหัวเราะได้ “เอาเถอะ! อย่าไปคิดมาก สิ่งที่ข้าควรทำตอนนี้คืออาบน้ำและไปนอน!”
“ข้าไม่สามารถรู้ได้ว่า เฒ่าฉิน กำลังคิดอะไรอยู่กับพวกเด็กฝึกงานคนอื่นๆ แต่พวก้ขาควรยอมรับในฝีมือของตนเองด้วย!” สิงห์น้อยกำลังคิดอยู่ขณะที่เดินเข้าห้องอาบน้ำของเด็กฝึกงาน
เขาเป็นคนแรกที่ใช้ค้อนผ่าไม้ได้และเขายังเป็นคนแรกที่ย้ายเข้ามาในห้องที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะสำหรับเด็กฝึกงานด้วย
ดีกว่าที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีคนอยู่ร่วมด้วยถึงสี่คน เขาได้อาศัยอยู่ที่นี้เป็นเวลาสองเดือนเท่านั้น และเขามองไปยังความพัฒนาของเด็กฝึกงานคนอื่นๆ
จากนั้นเขาก็คิดว่า เขาคงต้องอยู่ในห้องนี้คนเดียวอีกอย่างน้อยหนึ่งปี
แต่เขาไม่ได้คาดว่า เฒ่าฉิน จะรับลูกศิษย์มาเพิ่มอีกเจ็ดคน หลังจากสองเดือนที่ผ่านมา
แม้ว่าในกลุ่มเด็กฝึกงานเหล่านี้จะเป็นผลงานที่ดีที่สุดเจ็ดคน แต่ก็ไม่ถึงเกณฑ์ที่ทำให้ เฒ่าฉินสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม สิงห์น้อยรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อมีคนอื่นอยู่ เฒ่าฉิน ก็ปฎิบัติกับเขาอย่างเสมอภาคและเคร่งครัดมาก แต่เมื่อบางครั้งเฒ่าฉินพบความผิดพลาดของสิงห์น้อย เขาจะสอนและแนะนำสิงห์น้อยตัวต่อตัว
สิงห์น้อยรู้สึกไม่ค่อยกังวลกับสิ่งนี้
“ทำไมเขาถึงทำตัวเช่นนี้? เขารู้สึกลำบากใจและต้องการออกห่างจากข้างั้นรึ?”
เหตุผลเดียวเท่านั้นที่อธิบายได้ว่า ทำไม เฒ่าฉินจึงดูแลข้าในที่สาธารณะ กับที่ส่วนตัว แตกต่างกัน? แต่เฒ่าฉินเป็นบุคคลสำคัญในร้านเครื่องเหล็กของตระกูลวู่ในตลาดเทียนหย่าง
ดังนั้นทุกการกระทำจะถูกจับตามองตลอด ถ้าจะมีคนสามารถรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงได้ก็คงมีแต่ หัวหน้าพ่อบ้านหลิน เท่านั้น
...มันเป็นไปไม่ได้! หัวหน้าพ่อบ้านหลินเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อในร้านเครื่องเหล็กนี้ แต่เขาเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการขาย ไม่ใช่ส่วนการฝึก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกเน้นย้ำเป็น เฒ่าฉิน
ทั้งสองคนได้รับปัญหาในเวลาเดียวกัน?
คำถามนี้ห่อหุ้มหัวใจของเขาตั้งแต่ เฒ่าฉิน และ หัวหน้าพ่อบ้านหลิน กลับมา แต่พวกเขาแทบไม่ใช่คนที่จะใจกว้าง เขาคงจะไม่คิดว่าถ้าเขาไม่สามารถรับมันได้ เขาได้แต่พูดกับตัวเองสองถึงสามคำเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
สิงห์น้อยเดินเข้าห้องอาบน้ำอย่างเงียบๆ เขาได้หย่อนตัวเองลงในถังน้ำร้อนและเริ่มอาบน้ำ
เขาเคยฝึก ไทเก๊ก อยู่ในบ้าน แต่เนื่องจากเด็กฝึกงานอีกสามคนเดินเขาออกอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงต้องหาที่ฝึกซ้อมอื่น และเขาได้พบที่ซ่อนในลานข้างหลังร้าน
ในระหว่างวันนี้ เขาได้จับเทคนิคอะไรบางอย่างของจาก ตอนนี้ฝึกหมัดไทเก๊ก ควบคู่ไปกับ วรยุทธค้อนสะบั้นวายุ
เขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากในตอนอาบน้ำ ถ้าเขาไม่เกรงใจอีกสามคนที่กำลังนอนอยู่ เขาคงจะร้องเพลงไปด้วยแล้วระหว่างแช่น้ำ
“ปัง!”
สิงห์น้อยตกใจกับเสียงที่ได้ยินในระหว่างแช่น้ำอย่างมาก เขาได้ยินดังอย่างกับเสียงระเบิด หลังจากนั้นได้ตื่นตูมอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นและ ได้ปีนออกมาจกถังน้ำและวิ่งไปกลับทันที
เขาตะโกนขณะวิ่งว่า“ข่วยด้วย! มีคนถูกฆ่า มีใครบางคนถูกฆ่า!”
เสียงร้องไห้อย่างโหยหวนได้ทะลุออกมาจากอากาศละได้ทำลายความเงียบของตลาดเทียนหย่าง ลงไปในทันที