ตอนที่ 80 บึงน้ำแห่งความสงบ (FREE)
....
สองวันถัดมา ฟาง เจิ้งจือ ได้เริ่มเตรียมการเดิมทางไปยังเมืองหลวงแห่งความสัตย์เพื่อเข้าร่วมการทดสอบกฎแห่งเต๋า
ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาได้ออกจากหมู่บ้านไปอย่างเงียบๆ คราวนี้ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวว่า ฟาง เจิ้งจือ จะออกเดินทางวันนี้ ต่างรีบตื่นแต่เช้า
พวกเขาพยายามยัดของกินและสิ่งของต่างๆลงในกระเป๋าของ ฟาง เจิ้งจือ
"เจิ้งจือ ไม่ต้องกังวล! เจ้ายังมีหมู่บ้านที่คอยห่วงใยเจ้าอยู่เสมอ ไม่ว่าเจ้าจะผ่านการทดสอบหรือไม่ ก็อย่าได้คิดมาก เจ้าทำดีที่สุดแล้ว! "
"ใช่ๆ สำคัญที่เจ้าทำดีที่สุดก็พอ เจ้ายังเด็กอยู่สองสามปีข้างหน้าเจ้าต้องทำได้แน่! "
ฉิน ซูเหลียน มองไปทั่วชาวบ้านที่กำลังพูดคุยกันอยู่ จากนั้นวางห่อสัมภาระไว้บนหลังม้าเกล็ดเงิน และเดินไปตรงหน้า ฟาง เจิ้งจือ
"เจิ้งจือ ทำให้ดีที่สุด! ถ้าไม่ผ่านก็อย่าได้อับอายไป เข้าใจไหม? "
ฟาง เจิ้งจือ เริ่มหม่นหมอง เขาเป็นถึงผู้ชนะการทดสอบกฎแห่งเต๋าทั้งสองด้าน แต่แม่กลับไม่เชื่อในตัวเขา? หรือจริงๆแล้วเขาจะถูกเก็บมาเลี้ยง?!
แต่เขาก็เข้าใจในทันที
เช่นเดียวกับตอนที่เขาขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขาครั้งแรก สิ่งที่ ฉิน ซูเหลียน กังวลมากที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาจะลั่ตว์ได้หรือไม่ แต่นางกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขามากที่สุด และนางไม่อยากให้ ฟาง เจิ้งจือ นั้นตึงเครียดเกินไป
บางที มันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าความรักอันบริสุทธิ์ที่นางมีให้ต่อลูกชาย
"เจิ้งจือ ระวังตัวด้วย! " ฟาง เฮ่าเตอ ยืนอยู่ข้างๆม้าเกล็ดเงินและกำลังใหอาหารม้าอยู่ เขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้งไม่อยากให้ลูกชายเดินทางจากไป
แต่ถึงเขาจะรู้สึกมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ เพราะเขาเป็นพ่อ
หลังจากบอกลาชาวบ้าน ฟาง เจิ้งจือ ถูกหยุดอีกครั้งโดย จาง หยางปิง
"เจ้ารับเงินเล็กน้อยนี้ไป เจ้าต้องมีค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง อย่าประหยัดมากเกินไปละ! " จาง หยางปิง โยนถุงเงินขนาดใหญ่ให้
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงแม้เขาจะมีเงินกระดาษอยู่ในกระเป๋าก็ตาม แต่ถุงเงินนี้แสดงให้เห็นถึงความหวังที่ จาง หยางปิง มีต่อตัวเขา
“ขอบคุณท่านลุงหยาง” ฟาง เจิ้งจือ แสดงความขอบคุณ
ฟาง เจิ้งจือ ดึงบังเหียนม้า ม้าเกล็ดเงินร้องตะโกนออกมาและพุ่งออกไปข้างหน้า
“เจ้าจงจำไว้ให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะผ่านการทดสอบหรือไม่ พวกเราก็ไม่ว่าอะไรเจ้า!”
เสียง จาง หยางปิง ดังมาจากข้างหลัง
ในทางหลับกัน ฟาง เจิ้งจือ กลับกระตุกปากขึ้น “สอบไม่ผ่าน?”
…
โดยปกติ ในหมู่ผู้เข้าสอบ พวกเขามักจะเดินทางไปด้วยกันหลายๆคน เพราะว่านอกจากพวกเขาจะได้สามารถช่วยเหลือกันได้แล้ว ยังมีเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย
จากเมืองฮวายอันเดินทางไปยังเมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์ ต้องใช้เวลาเดินทางบนหลังม้าถึงครึ่งเดือน ผ่านภูเขาและดินแดนรกร้างมากมาย
เพราะว่าเขาใช้เวลาเที่ยวเล่นในเมืองอีกสองถึงสามวันและเดินทางกลับหมู่บ้านทางเหนืออีกสองวัน ทำให้ตอนนี้เขาค่อนข้างเร่งรีบ
ตอนที่เขากลับไปดูในเมืองนั้นผู้เข้าสอบคนอื่นๆก็ได้จัดตั้งกลุ่มและเดินทางกันไปก่อนแล้ว
เขาจึงไม่มีทางเลือกต้องเดินทางเพียงลำพัง
ม้าวิ่งควบไปข้างหน้าฝุ่นควันโขมงไว้ข้างหลัง ถือว่าเป็นโชคดีของ ฟาง เจิ้งจือ เพราะหลังจากเดินทางไปได้ 8 วัน เข้าไดพบกับกลุ่มโจรภูเขาดักปล้น
“ปล้น!” โจรภูเขาสองสามคนวิ่งควงดาบมาทาง ฟาง เจิ้งจือ
ในเวลาเดียวกันที่พวกโจรที่วิ่งเข้ามากำลังแหกปาก โจรคนอื่นๆก็กำลังง้างธนูอยู่ในพุ่มไม้ทั้งสองข้างทาง
ลูกศรแต่ละลูกต่างเล็งไปที่ลำคอของ ฟาง เจิ้งจือ
บางที่..ถ้า ฟาง เจิ้งจือ พูดคำว่า “ไม่” ออกไปแค่คำเดียว ท้องฟ้าคงกลายเป็นฝนลูกธนูอันสวยงามในทันที...
ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังถูกปล้นอยู่นั้น เมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์ กำลังเต็มไปด้วยงานครื้นเครง
เมืองหลวงแม่น้ำแห่งความสัตย์นั้นเป็นต้นน้ำของแม่น้ำแห่งความสัตย์ที่อยุ่บนภูเขาสูง บนนั้นมีสระน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ ถูกเรียกว่าบึงน้ำแห่งความสงบเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำทั้งสาย ตรงกลางบึงน้ำมีรูปปั้นหยกขาวตั้งอยู่เป็นที่เคารพนับถือของเหล่านักปราชญ์ที่เดินทางมา
วันนี้นักปราชญ์ที่สวมชุดผ้าไหมล้อมรอบบึงน้ำแห่งความสงบ
บางคนเดินยิ้มอย่างมีความสุข บางคงขับร้องเพลง บางคนนั่งลงริมบึงน้ำเพื่อชื่นชมธรรมชาติอันสวยงาม
น้ำนั้นเหมือนจิตวิญญาณของการสรรค์สร้าง
ที่ใดก็ตามที่มีน้ำที่นั่นมักจะมีอารยธรรม สิ่งก่อสร้าง เมืองตั้งอยู่
มีวลีที่คนมักจะพูดกันว่า “ที่บึงน้ำแห่งความสงบมีน้ำที่แตกต่างจากที่อื่น” เพื่อเป็นการดึงดูดเหล่านักปราชญ์ให้มาซื้อน้ำที่นี่ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าที่อื่นหลายเท่า แต่มันก็มีคุณค่าด้านจิตใจ?
เหยียน ซิว ก็สวมเสื้อผ้าในชุดเดิมๆของเขา แตกต่างจากกลุ่มผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นพวกเจ้าบทเจ้ากลอน นักกวี แต่ว่า...เขามีเงิน
ดังนั้นจุดชมวิวที่ดีที่สุดริมบึงน้ำแห่งความสงบจึงถูกจับจองโดยเขา
และเขาจองมันไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว
หลังจากติดตามใครบางคนมานาน นิสัยของเขามักจะเปลี่ยนแปลงตามไป ตัวอย่างเช่นชายที่ดูแข็งแกร่งใบหน้าเต็มไปด้วยหนวด กำบังนั่งอย่างนิงขรึม ไม่มีความสุขหรือทุกข์
แน่นอนว่าเปรียบเทียบกับ เหยียน ซิว แล้วยังอ่อนด้วยกว่ามาก
ถายในศาลาใต้หลังคา สาวรับใช้ นั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะด้วยความเคารพ มือคอยรินชาให้ เหยียน ซิว อยู่เรื่อยๆ แต่ เหยียน ซิว กลับเอาแต่จ้องมองไปยังบึงน้ำและถอนหายใจออกมาเรื่อยๆ
ห่างออกมาไม่ไกล นักปราชญ์คนอื่นๆต่างจับหลุ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ดูนั่น เขาเป็นยอดฝีมือมีรายชื่อติดในทำเนียบมังกรซ่อน!”
“เจ้าพูดถึง คัง ซิงปิง งั้นหรือ? ถึงเขาจะมีชื่อเป็นอันดับแปดสิบในทำเนียบก็ตาม แต่เขาจะสู้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ในเมืองหลวงได้งั้นรึ?”
“ข้าไม่คิดว่าการทดสอบกฎแห่งเต๋าระดับเมืองหลวงจะดึงดูดผู้คนจากที่ห่างไกลมามากมายขนาดนี้! ถัง หยูเชิง อันดับสิบห้าในทำเนียบมังกรซ่อน ข้าได้ยินว่าการฝึกตนของเขาอยู่ในระดับประทับศักสิทธิ์ขั้นปลายแล้ว ใกล้จะเข้าถึงระดับผนวกดาราแล้ว!”
“โดยเฉพาะ ฮั่ว คังกัน! อันดับยี่สิบ เขาได้เข้าถึงระดับผนวกดาราแล้ว!”
นักราชญ์บางคนถึงกับถอนหายใจออกมา
“ดูเหมือนการทดสอบครั้งนี้จะหนักหนาเสียจริง ข้าควรจะไปสอบเมืองอื่นแต่ทีแรก!”
“ความคิดดี แต่จะเปลี่ยนเมืองหลวงตอนนี้เนี่ยนะ? แค่ระยะทางก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ถึงแม้ผู้คนที่มาเข้าร่วมการสอบครั้นี้จะมีมาก แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากเช่นกัน เจ้าคิดว่าทำไมพวกเขาถึงมารวมตัวกันที่นี่ละ?”
“พี่ชายพูดถูก ฮ่าฮ่าฮ่า...ข้าแค่ล้อเล่น ถ้พวกเราไม่ลองพยายามสักหน่อยจะมาที่นี่ทำไมกันละ?”
เหยีน ซิว นั่งฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ ท่าทีของเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม ไม่พูพอะไรออกมาสักคำ และไม่คิดให้ความสนใจใดๆ เขาหยิบพัดสีทองขึ้นมาในมือและพัดอย่างเงียบๆ
เพจหลัก : Gate of god TH