ตอนที่21 เทือกเขาไทหลง
***** ตอนนี้ผมได้แก้ไขคำผิดของตอนก่อนๆให้แล้วนะครับ แล้วตอนนี้ผมเปิดฟรีให้อ่านตอนที่1ถึง10แล้วนะครับ อยากให้มาลองอ่านกันเยอะๆนะครับ ขอบคุณครับ><*****
******************************
ในเมืองยูนโจวแห่งจักรวรรดิจิน ในเทือกเขาไทหลง มันเหมือนมังกรยักษ์ที่แบ่งออกเป็นครึ่งๆ
เทือกเขาไทหลง นั้นยาวหลายพันไมล์ มันเป็นที่ตั้งของสำนักเต๋า ที่เป็นสำนักชั้นนำในจักรวรรดิจินและมันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ ทุกคนในจักรวรรดิจินต้องการที่จะฝึกที่นั้น
ในจักรวรรดิจินจะแบ่งศิลปะการต่อสู้ออกเป็นสามสายหลักคือ
สายวรยุทธสำนักเต๋า
สายวรยุทธเส้าหลิน
สายนิกายเพลิงอัคคี
ในบรรดาสายเหล่านั้น สำนักเส้าหลินจะเป็นผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งของราชวงศ์จินและมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับสมาชิกของตระกูลจิน แม้แต่อาจารย์บางคนในสำนักเส้าหลินนั้นมีเชือสายของตระกูลจินอยู่ด้วย จึงทำให้สำนักเส้าหลินนั้นเป็นผู้หนุนหลังใหญ่ในราชวงศ์จิน ในขณะที่ลัทธิเต๋านั้นมีประวัติอันยาวนานในอดีต แม้ว่าพวกเขาจะไม่สนิทกับราชวงศ์จิน แต่ลัทธิเต๋านั้นสนิทกับหลายๆตระกูลที่เป็นชนชั้นสูงในจักรวรดิจิน ลัทธิเต๋านั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้คนในท้องถิ่นในจิน
เมื่อเทียบกับนิกายเพลิงอัคคีนั้นเป็นความเจ็บปวดของราชวงศ์ อิทธิพลของพวกเขานั้นหยั่งรากลึกลงไปในชนบทในจิน ในประวัติศาสตร์ได้เกิดการจราจลจำนวนมากต่อราชวงศ์จินที่มีความเชื่อมโยงต่อกันอย่างยาวนานกับนิกายเพลิงอัคคี เพราะฉะนั้นนิกายนี้ถือเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงและในตอนนี้ยังมีการปราบปรามอย่างรุนแรงด้วยความรุนแรงนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก มันเหมือนเป็นการจุดประกายไฟในกองฟาง และในคำทำนายได้กล่าวไว้ว่า ในเวลาเพียงสิบปีนิกายเพลิงอัคคีจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง มันเป็นเหมือนวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและไม่มีเมฆ นกสองตัวได้บินอยางอิสระ ทุกอย่างดูสงบและรมรื่น
ในซางจง แห่งหุบเขาไทหลง ชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีเขียวนั่งเท้าคางและได้ตัดเนื้อส่วนขาของแกะ จากนั้นก็ขว้างไปตรงหน้าเขา
หมาป่าตาเดียวที่ตอนนี้เชื่องอย่างกับลูกวัว ได้นอนอยู่ข้างๆเขา หากสิงห์น้อยได้อยู่ที่นี่เขาคงจะคิดว่าหมาป่าตาเดียวในตำนานแห่งหุบเขาหมอก ในตอนนี้มันเป็นเหมือนกับหมาป่าธรรมดาๆในหุบเขาที่เคยเห็นกันทั่วไป
หมาป่าตาเดียวที่อารมณ์ไม่ค่อยดีด้วยความหิวในขณะนี้มันเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง หมาป่าตาเดียวนั้นได้กระโดดงับเนื้อที่ชายหนุ่มโยนให้ และมันได้กัดกินอย่างรวดเร็วและเพลิดเพลิน
“เจ้านี่มันตะกละตะกลามจริงๆ!” ชายหนุ่มได้กล่าวขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะโยนเนื้อขาแกะอีกข้างให้
จู่ๆก็มีกลิ่นหอมได้กระจายออกมาจากด้านหลังชายหนุ่ม ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ
“หัวหน้า ข้าได้ข่าวมาว่าตระกูลวู่นั้นอยู่ที่นี่!”
ผู้มาใหม่เป็นหญิงสาว เธอสวมผ้าคลุมใบหน้าของเธอ แต่ผ้าบางส่วนนั้นได้ปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นผ่านผ้าคลุมได้ เธอเป็นหญิงสาวที่สวยงามและดูลึกลับนิดๆ
หญิงสาวคนนี้ได้ก้มให้ชายหนุ่มเบาๆทีหนึ่ง และได้อ่านสารให้ชายหนุ่มทราบเพียงไม่กี่คำ หลังจากเสร็จสิ้นการอ่านสาร หญิงสาวคนนี้ก็ได้เผยสีหน้าออกมาเล็กน้อย
“ดี เจ้าไปได้!”ด้วยการปัดมือของเขาสารนั้นก็หายไปกับสายลม หญิงสาวคำนับและได้หันไป
“หัวหน้าเหลย?!”
เช่นเดียวกันนั้นหญิงสาวได้หันไปมองรอบๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเธอก็ต้องหยุดชะงัก มีชายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวตรงหัวมุม เธอตกใจอย่างเห็นได้ชัดและรีบลดศีรษะลงเพื่อคำนับ
“หืม!”ชายคนนั้นไม่ได้สนใจเธอแค่พยักหน้ากลับเล็กน้อย เขาเดินตรงไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโขดหิน ไม่มีคำพูดใดๆกับหญิงสาว
เมื่อหญิงสาวได้หายไปในม่านหมอก ชายคนนั้นก็กล่าวขึ้น “การเพาะปลูกของเจ้าดีขึ้นเรื่อยๆเลยนะ ขนาดข้าระวังตัวมากแล้วนะ เจ้าก็ยังจับสังเกตข้าได้!”
“กลิ่นเลือดของเจ้ามันมากขนาดนี้ คราวนี้เจ้าไปฆ่าใครอีก ท่าทางจำนวนไม่น้อยทีเดียว ข้ายังรู้สึกถึงวิญญาณที่พยาบาทเหล่านั้นที่ตามเจ้ามาได้เลย!”ชายหนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส
“โอ้ใช่! ข้าพึ่งจะไปฆ่าคนจำนวนหนึ่งมาเมื่อเร็วๆนี้!!”ชายคนนั้นพยักหน้าและมองอย่างไม่ค่อยพอใจ
ชายสูงใหญ่และดูแข็งแกร่งผู้นี้อายุประมาณ26ไม่ก็27ปีได้ เขามีคิ้วหนาทึบดวงตามีขนาดกว้าง เขาสวมชุดเครื่องแบบที่ทีแขนยาวที่ไร้รอยใดๆ มีหนวดเคราเล็กน้อยที่เหลือจากการโกนมา ร่างกายของเขามีสายคาดสีแดงประดับอยู่ ในทางตรงกันข้ามชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโขดหินนั้นดูไม่มีอะไรเลย ดวงตาของเขาหงุดหงิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งราวกับว่าพวกเขาเป็นงูพิษซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
ไม่มีใครรู้สึกสบายใจแน่นอน เมื่อได้เห็นดวงตาเหล่านั้น
เมื่อได้เห็นสายตาเช่นนี้ คนอย่างหัวหน้าเหลยก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด พวกเขารู้จักกันมาหลายทศวรรษแล้ว ถ้าเขาไม่สามารถทนมันได้ป่านนี้เขาคงสู้กันตายไปข้างหนึ่งแล้ว
“ข้าว่าสิ่งที่เจ้าสนใจในตอนนี้ก็คงเป็นสิ่งที่ข้าได้มาจากแท่นบูชาของพวกนิกายเพลิงอัคคีนะ!”
เขาพูดในขณะที่ควักสิ่งๆหนึ่งที่คล้ายกับหนังสือออกมาจากหน้าอกของเขาและได้มอบให้กับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มได้หยิบหนังสือมาแล้วได้เก็บใส่ในอกโดยไม่ได้ดูใดๆเลย
“เจ้าไม่คิดว่าตัวเจ้าเองไม่หมกมุ่นอยู่กับพวกวรยุทธลับเหล่านั้นมากไปหน่อยรึ? ระวังสิ่งเหล่านั้นจะหันกลับมาทำร้ายพลังของเจ้าเองนะ!”
“ข้าเชื่อว่าเส้นทางที่ข้าเลือกย่อมดีที่สุด!”ชายหนุ่มกล่าว “เจ้าไม่ควรเลียนแบบพวกหัวโบราณพวกนั้น แล้วเจ้าล่ะ? ได้เจออะไรที่น่าสนใจบ้างไหม?”
“ไม่เจออะไรเลย!”หัวหน้าเหลยได้กล่าวขึ้นมาและนั่งลงบนพื้นโคลน “มันก็เหมือนทุกๆครั้ง ฆ่าเสร็จก็กลับมาจุดๆเดิม!”
“แต่คนที่เจ้าฆ่าไปไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ ข่าวนี้อาจจะแพร่กระจายออกไปไกลจรมาถึง เทือกเขาไทหลงแห่งนี้ ทั้งนิกายพวกนั้นก็ยังพูดถึงเรื่องของเจ้าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าได้ทำลงไปมันใหญ่กว่าที่เจ้าคิดนะ ผู้นำคนต่อไปของลัทธิเต๋าเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้า” ชายหนุ่มตอบอย่างเย็นชา
หัวหน้าเหลยไม่หลงในชั้นเชิงของชายหนุ่มผู้นี้
“อย่าพูดแบบนั้นเลยข้าทั้งคู่รู้ว่าความจริงนั้นมันก็แค่ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ แต่มันเป็นพวกหัวโบราณที่ตั้งใจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าต้องการตำแหน่งเจ้าก็สามารถที่จะสู้ได้ แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการ เจ้าก็ไม่ควรล้อเลียนข้า เจ้าไม่คิดว่าเจ้าใจร้ายไปหน่อยรึ? เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการอย่างอื่นนอกจากตำแหน่งสินะ!?”
“อย่างไรก็ตามสำหรับตำแหน่งนั้นก็ต้องตกเป็นของใครคนใดคนหนึ่งในเราทั้งสาม!”ชายหนุ่มกล่าว
“เจ้าก็รู้นี่ว่ามันไม่ใช่ความใฝ่ฝันของข้า ข้าไม่ต้องการ แต่ตอนนี้มีคนต้องการที่นั่งของเจ้าและมันก็กำลังช่วยเจ้าอยู่ ข้าไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อตัวข้า จริงไหม?”
“หืม มันไม่ได้ส่งผลอะไรถึงเจ้าใช่ไหม?” หัวหน้าเหลยเปลี่ยนสีหน้าไป
“พวกนั้นทำอะไรกับเจ้า!?”
“เจ้าไม่ได้สังเกตเลยรึ? ว่าข้าอยู่ในเทือกเขาซางเชี่ยงนานขนาดไหน ข้าแนะนำให้ไปสังเกตพวกนิกายเหล่านั้น และดูสิ่งที่เจ้าพวกนั้นพูดเกี่ยวกับข้า และส่งคำพูดเหล่านั้นไปยังพวกหัวโบราณตามที่ข้าบอกไป อ้อ..แล้วฝากบอกพวกนั้นด้วยละว่าอย่าหักโหมเกินไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่าา!”หัวหน้าเหลยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ดี ข้าจะไปบอกพวกเขาในสิ่งที่เจ้าพูด แต่ข้าอยากรู้จริงๆตั้งแต่บัดนี้ดูเหมืแนเจ้าจะเริ่มเป็นห่วงชื่อเสียงของตนเองแล้วงั้นรึ? แบบว่าเจ้าได้เจอหญิงในฝันแล้วได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อเธออะไรแบบนี้งั้นรึ?”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเจ้าชู้เหมือเจ้างั้นรึ?” ชายหน่มได้จองไปยังหัวหน้าเหลย “ข้าไม่สนใจชื่อเสียงอะไรนั้นหรอก แต่ข้าไม่ต้องการให้คนมาเกลียดข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าไม่ต้องการให้ใครตายก่อนวัยอันควรเพราะเข้า มันจะทำให้ชื่อข้าแปดเปื้อน”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะแจ้งให้ทราบล่ะกัน” หัวหน้าเหลยพยักหน้า และกลาวอีกว่า
“อ้อใช่ เราไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเวลาครึ่งปีได้ ว่าไงมาประลองกันสักตั้งไหม? แล้วดูเหมือนเจ้าจะพบวรยุทธลับเมื่อเร็วๆมานี้?”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่สบอารมณ์อย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ ข้าขอผ่านละกัน” ชายหนุ่มตอบอย่างชัดถ่อยชัดคำโดยหันไปทางหัวหน้าเหลย
“โอ้ น่าสนใจ ที่เป็นครั้งแรกที่เจ้าทำให้ข้าผิดหวังในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาดูเหมือนว่า อัจฉริยะระดับสูงแห่งลัทธิเต๋าจะได้พบวรยุทธใหม่ที่น่ากลัว!”
“ฮึ!” ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก เขาได้ลุกขึ้นยืนและหายตัวไปในป่าที่หนาถึบพร้อมกับหมาป่าตาเดียว ทำให้หัวหน้าเหลยนั่งอยู่คนเดียวพร้อมรอยยิ่มบนใบหน้า
สายลมอันเยือกเย็นได้พัดเขามาทำให้ใบไม้กระจายออกไป
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าเจ้าหมกหมุ่นอยู่กับการพัฒนาความแข็งแกร่งจริงทำไมถึงไม่ค้นคว้าหาเทคนิคพิเศษที่สามารถเป็นหนึ่งกับสวรรค์และโลกได้ แต่เจ้านั้นกลับให้ความสำคัญกับการเรียนรู้วรยุทธลับแทน!?”