ตอนที่ 9 ผู้ส่งสารจากดินแดนของผู้บ่มเพาะ Part1
ตอนที่ 9 ผู้ส่งสารจากดินแดนของผู้บ่มเพาะ Part 1
เฟลิกซ์ยังคงนอนอยู่ในสระเลือดที่ตอนนี้ว่างเปล่า พยายามนึกถึงความรู้สึกสุดยอดที่เขาเพิ่งได้รับ ถึงแม้เขาจะฆ่าแรดยักษ์ได้แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกพอใจเท่าไหร่ สีหน้าของเขาแสดงออกชัดเจนถึงความผิดหวัง
"เข้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป ถ้าข้าไม่ได้เป็นอมตะ ข้าคงตายไปนานแล้ว แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ข้าควรเรียนรู้วิธีต่อสู้ให้มากขึ้น มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต”
“แต่ก่อนอื่น ข้าควรไปล้างเนื้อล้างตัวและหาอะไรกินก่อน”
เฟลิกซ์ลุกขึ้นยืนเริ่มเก็บข้าวของของเขาและเดินไปทางออกของป่า
ครั้งนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากหายไป 8 วัน ภายในบ้านของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ทำให้เขามีงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง หลังจาก ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดแล้ว เขาก็อาบน้ำหลังจากไม่ได้อาบมานาน หลังจากนั้นเขาก็นั่งพิจาณาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเงียบบนเตียง .....
"ข้าออกไปล่าสัตว์ 8 วัน ดังนั้นข้าจึงมีเวลาเหลืออีก 5 วันในการบ่มเพาะและให้ถึงระดับที่ 5 ขอบเขตกำเนิดปราณ ลองทดสอบดูก่อนว่า 8 วัน ที่ข้าเสียไปเพียงพอให้ข้าไปถึงระดับไหน ... "
เฟลิกซ์หยิบหินทดสอบพลังออกจากแหวนเก็บของและใช้มือถือไว้ หลังจากไม่กี่วินาทีผลลัพธ์ก็แสดงออกมา ...
* ขอบเขตกำเนิดปราณระดับ 6 *
"เฮ้อ ... ข้าเสียเวลาไปตั้งมากมายตายไปก็หลายครั้งทำไมเพิ่มขึ้นแค่ 5 ระดับเอง?" เฟลิกซ์บ่นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ได้ แต่ถ้ามีคนอื่นที่ได้คำพูดของเฟลิกซ์ พวกเขาคงตายเพราะความโกรธ
การเพิ่มขึ้นระดับ 5 ใน 8 วัน ทุกคนคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้ เฟลิกซ์จึงไม่ควรบ่นในเรื่องนี้
สมองของแกผิดปกติหรอ? แกบ้าไปแล้วหรอ? นั่นคือสิ่งที่คนอื่นจะพูดกับเขา
"ยังไงก็ตามที่ข้าอยู่ขอบเขตกำเนิดปราณระดับ 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณยายขอให้ข้าฝึกฝน ตอนนี้ข้าต้องรอให้เหล่าผู้บ่มเพาะมาถึง แล้วข้าจะได้ออกไปจากที่นี่สักที ข้าอยากมีเพื่อนสักพันคน"
เมื่อเฟลิกซ์พูดคำว่า 'เพื่อน' มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา สำหรับเด็กที่ไม่เคยมีโอกาสได้มีเพื่อนและยังไม่มีโอกาสได้พบกับมารดา คงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเมื่อเขาได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ
"แม่ข้าหวังว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ ข้าอยากพบท่านในสักวัน ..... ท่านจะยังรักข้าใช่มั้ย?"
ที่ไหนสักแห่งใกล้สุดขอบโลก,
พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยความมืดและเต็มไปด้วยกระแสลมปั่นป่วน
ภายในป่าหนาทึบมีปราสาทขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นอายของความเก่าแก่โบราณและกลิ่นอายปีศาจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้อมรอบปราสาทชวนเติมเต็มบรรยากาศชวนสยอง ป่าหนาทึบเต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีชีวิตซึ่งกำลังแกว่งกิ่งก้านไปมาด้วยแรงลม
ทั้งปราสาทสร้างขึ้นจากวัสดุที่ไม่รู้จัก แต่ทุกอย่างล้วนเป็นสีดำ จากหอสังเกตการณ์ไปจนถึงกำแพงทุกอย่างเป็นสีดำ
บางแห่งภายในปราสาทมีบุคคลสองคนกำลังโต้เถียงกันอยู่ หนึ่งคนเป็นเพศชายขณะที่อีกคนเป็นเพศหญิง แม้ว่าเพศชายดูแข็งแกร่งเพศหญิง แต่ในที่แห่งนี้กลับตรงกันข้าม ฝ่ายชายกำลังคุกเข่าในขณะที่ผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ ... อย่างใจเย็น ความรู้สึกที่เธอเปล่งประกายออกมาให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดินี
"น้องสาวข้า เจ้าจะต้องทบทวนการตัดสินใจของเจ้าอีกครั้งหรือมิฉะนั้น เผ่าพันธุ์ของเราจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่"
"คำพูดของข้ายังคงเดิมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"
"น้องสาวข้า เจ้าควรคำนึงถึงเผ่าพันธุ์ของเรา ข้าไม่คิดว่าบุตรชายของเจ้าจะยัง..... "
"เงียบ!" ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้พูดประโยคเสร็จ เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนจากผู้หญิง
ปราสาทซึ่งดูเหมือนจะแข็งแกร่งและไม่มีทางถูกทำลายได้จากภายนอกสั่นสะเทือนเมื่อเธอตะโกน เบื้องหลังพลังเสียงตะโกนของเธอนั้นเป็นอะไรที่เหนือสามัญสำนึกทั่วไป
"แกได้ยังไง ถ้าไม่ได้เพราะแกเป็นพี่น้องกับสามีที่รักของข้า ข้าคงฆ่าแกไปแล้ว ลูกชายของข้ายังมีชีวิตอยู่ และข้ารู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่ออายุ 15 ปี เพื่อรับช่วงต่อบัลลังก์อันนี้จนกว่าจะถึงตอนนี้ข้าจะปกป้องด้วยชีวิตของข้า ... ตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้ว "
"ได้ .... ได้ ... น้องข้า ... " หลังจากพูดได้สองสามคำ เขาก็รีบหันหลังกลับและออกจากห้อง ...
'ลูกชายข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่.......... ' ขณะที่เธอพูดน้ำตาก็เริ่มไหล
ขณะที่เธอพูดกับชายคนนั้น เธอต้องพยายามแสดงท่าทีแข็งแกร่งเพื่อให้เขาหวาดกลัว แต่ความจริงแล้วเธอไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่ไร้ซึ่งพละกำลัง และสูญเสียน้ำตาเพื่อต้องพลัดพลากกับบุตรที่รักของตน,
5 วันผ่านไป
เด็กชายวัย 9 ขวบ กำลังรออะไรบางอย่าง ขณะที่เขาเห็นรถเดินเข้ามาในหมู่บ้าน เขารีบวิ่งไปทางนั้นทันที
เนื่องจากความตื่นเต้นทำให้เขาสะดุดล้มจนไปขว้างหน้ารถม้า แต่โชคดีที่คนขับรถม้าหยุดรถได้ทัน
แต่หลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นสิ่งแรกที่เขาถามขึ้นมาคือ
"พวกคุณมาจากดินแดนของผู้บ่มเพาะใช่ไหมครับ?" หน้าตาของเด็กเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
กาลครั้งหนึ่งเคยมีคนพูดไว้ว่า "อย่ามีความสุขมากเกินไป ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปอีก"