ตอนที่แล้วบทที่ 64: เคล็ดวิชาปรับแต่งเครื่องกลไก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 66: คดีฆาตกรรมวัดชิงเฟิง

บทที่ 65: ลองปรับแต่งอาวุธครั้งแรก


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 65: ลองปรับแต่งอาวุธครั้งแรก

โดยปกติแล้ว นอกเหนือจากการฝึกตนและควบแน่นปราณจิตวิญญาณ ผู้ฝึกตนจะฝึกทักษะต่าง ๆ สำหรับการต่อสู้เล็กน้อย แน่นอนว่าหนึ่งคนสามารถฝึกฝนหลายทักษะได้ แต่ต้องเข้าใจทุกทักษะอย่างลึกซึ้ง เพราะการฝึกฝนสิ่งอื่นมากเกินไปมักจะขัดขวางการฝึกฝนหลัก ดังนั้นเหล่าอัจฉริยะจะฝึกฝนมากกว่าผู้อื่น แต่สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปจะเลือกเพียงหนึ่งหรือสองเท่านั้น

ทักษะการต่อสู้หมายถึงทักษะการใช้ดาบ เวทมนตร์สายฟ้า เวทมนตร์ประจำธาตุทั้งห้า และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับทักษะเสริมคือการปรุงแต่งยา ปรับแต่งอาวุธ อุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายหลายประเภท และทักษะบางอย่างต้องใช้ความสามารถหลายแขนงมารวมกัน เคล็ดวิชาการปรับแต่งเครื่องกลนั้นเป็นประเภทปรับแต่งอุปกรณ์

การฝึกตนของเจ้าอ้วนนั้นมั่นคงดีอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังมียาอายุวัฒนะอีกมากมาย ความเร็วการฝึกตนของเขานั้นรวดเร็วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องฝึกฝนยี่สิบชั่วโมงต่อวันอีกต่อไป เพราะมิฉะนั้นมันจะเกิดอันตรายกับร่างกายของเขาเอง เมื่อเป็นเช่นนี้นอกเหนือจากเวลาที่เขาฝึกฝนปฐมบทแห่งความโกลาหลและสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เขายังมีเวลาเหลือเฟือซึ่งสามารถทำให้ฝึกฝนทักษะเสริมเพิ่มเติมได้

ในตอนนี้เจ้าอ้วนมีเวลาแล้ว เขาสามารถฝึกฝนทักษะการปรับแต่งเครื่องกลไกได้ คงเป็นเพราะมิติลึกลับของเขาเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการปรับแต่งอุปกรณ์ มันไม่เพียงแต่มีวัสดุมากมายเท่านั้น อุปกรณ์ที่ล้มเหลวสามารถนำมาย่อยสลายได้อีกครั้ง ซึ่งลดอัตราการสูญเสียได้อย่างดี จากสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าอ้วนสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ระดับสูงได้โดยไม่มีข้อจำกัด

ผู้ฝึกตนอื่นไม่มีความสะดวกสบายเช่นนี้ วัสดุไม่ใช่สิ่งของที่หาได้โดยง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยได้ฝึกฝนมากนัก และโอกาสที่มันจะสมบูรณ์ก็น้อยนิด จึงทำให้พวกเขาพัฒนาฝีมือได้ช้ายิ่งขึ้น

ไม่ว่าพวกเขาจะพิถีพิถันมากเพียงใดในช่วงเวลาที่ปรับแต่งบางอย่าง แต่มันก็ยังคงประสบความล้มเหลวอยู่มาก และอุปกรณ์ที่ล้มเหลวเท่ากับความสิ้นเปลือง มันเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าอาจารย์ปวดหัว

เจ้าอ้วนไม่ได้กังวลว่าอุปกรณ์จะเสียหายหรือไม่ เขาปรับแต่งอุปกรณ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุอะไร เขาจะดึงความสามารถของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เจ้าอ้วนนั้นต้องการที่จะเล่นแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่เขายังไม่เคยเรียนรู้เคล็ดวิชา

 

อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งอุปกรณ์นั้นเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้ง และเคล็ดวิชาที่วางขายในตลาดล้วนแต่เป็นการปรับแต่งระดับต่ำเท่านั้น ด้วยความมั่งคั่งของเจ้าอ้วน เขาไม่มีกระจิตกระใจจะไปสนใจขยะเหล่านั้น ถึงอย่างนั้นการปรับแต่งอุปกรณ์ระดับสูงนั้นเป็นเคล็ดวิชาที่หาได้ยากและมักถูกเก็บไว้เป็นความลับ และมันเป็นเรื่องของธุรกิจการค้า ดังนั้นแน่นอนว่าจะไม่มีใครนำมันออกมาขาย

สำนักเสวียนเทียนมีเคล็ดวิชาบางอย่างสำหรับปรับแต่งอุปกรณ์ที่ไม่เลวร้ายจนเกินไป แต่เคล็ดวิชาเหล่านั้นจะสามารถเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อช่วยเหลือนิกายมากพอ โดยธรรมชาติของเจ้าอ้วนแล้ว เขาจะไม่ยอมเสียแรงกับเรื่องราวในนิกายมากจนเกินไป

ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เคล็ดวิชาปรับแต่งอุปกรณ์ มันไม่เคยคาดคิดว่ามีผู้ใดนำมันมาหยิบยื่นให้แก่เขาในสถานที่รกร้างเช่นนี้

จากประวัติศาสตร์ต้นกำเนิดของเคล็ดวิชานี้ มันมิใช่ได้มาโดยง่าย มันถูกนิกายที่เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งนิกายนี้มีอายุยาวนานนับพันปี สามารถเทียบความแข็งแกร่งได้กับสำนักเสวียนเทียน แต่น่าเสียดาย เหล่านิกายได้ลดลงไปมากกว่าพันนิกายในช่วงพันปีที่ผ่าน ซึ่งนิกายเหล่านั้นเจ้าอ้วนไม่เคยทราบชื่อมาก่อน

เช่นคำที่ว่า ‘แม้แต่อูฐที่ผอม ยังมีขนาดใหญ่กว่าม้า’ แม้ว่านิกายจะลดจำนวนลง แต่ยังทิ้งสมบัติมากมายไว้เบื้องหลัง อย่างเช่นคันธนูยักษ์และนาวายักษ์

ใครจะล่วงรู้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นมีสถานะเช่นไรในนิกาย ไม่เพียงแต่เขาจะมีอุปกรณ์ที่เป็นเลิศ เขายังมีเคล็ดวิชาที่คัดลอกมาอีกด้วย มันอาจเป็นเพียงเคล็ดวิชาพื้นฐานที่ไม่ได้บันทึกสิ่งใดที่แข็งแกร่งไปกว่าคันธนูยักษ์ แต่ทว่าเพียงเท่านี้ก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ในตอนนี้เจ้าอ้วนก็ไม่ได้มีความสามารถมากพอจะปรับแต่งคันธนูยักษ์ และในตอนนี้เขาจะเริ่มจากธนูระดับต่ำก่อน

คันธนูทำจากเหล็กอ่อน เหล็กสีดำ และมีลมทองแดงเป็นส่วนประกอบหลักรวมกับสมบัติระดับกลางเล็กน้อย เจ้าอ้วนมีวัสดุครบครันภายในมิติลึกลับของเขา เขาตื่นเต้นอย่างไม่อาจอดกลั้นไว้ได้พร้อมกับปรับแต่งมันอย่างร่าเริง

เจ้าอ้วนยื่นมือซ้ายของเขาออกมา หมุนเวียนปราณจิตวิญญาณในมือของตนเอง เกิดเป็นเปลวไฟปฐมภูมิขึ้นมา เปลวไฟนี้ผู้ฝึกตนทุกคนสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เจ้าอ้วนฝึกฝนมันตามปฐมบทแห่งความโกลาหล เปลวไฟปฐมภูมิของเขาจึงเป็นสีเทา

ลูกไฟนี้อาจดูไม่น่าสนใจและน่าเกลียด แต่ความแข็งแกร่งของมันน่าทึ่ง เดิมทีเจ้าอ้วนไม่ได้มั่นใจในเปลวไฟของตนเองมากนัก แต่หลังจากที่เขาได้ใช้มัน เขาจึงรู้ว่าเปลวไฟของเขามันช่างอัศจรรย์ วัสดุระดับต่ำทั้งหมดถูกละลายได้โดยง่ายดาย

เขาเคยถามหานหลิงเฟิงถึงเปลวไฟของนาง และนางบอกกับเขาว่า “เปลวไฟของข้าเป็นแบบเฉพาะเจาะจง มันจึงแข็งแกร่งกว่าเปลวไฟของผู้ฝึกตนทั่วไป เพียงสิบลมหายใจ ข้าสามารถละลายเหล็กสีดำได้”

เมื่อเปรียบเทียบแล้ว เจ้าอ้วนตระหนักได้ว่าเปลวไฟปฐมภูมิของเขารุนแรงกว่าเปลวไฟของหานหลิงเฟิงอย่างมาก จึงสรุปได้ว่าปฐมบทแห่งความโกลาหลนั้นแข็งแกร่งกว่าการฝึกตนของหานหลิงเฟิง

หลังจากที่เขาใช้เปลวไฟปฐมภูมิ พร้อมกับจัดการจิตวิญญาณของตน เขาเริ่มปรับแต่งวัสดุต่าง ๆ ด้วยเปลวไฟปฐมภูมิ ภายใต้ความร้อนของเปลวไฟปฐมภูมิ วัสดุทั้งหมดถูกละลายเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน มือขวาของเจ้าอ้วนไม่ได้หยุดทำงานแต่อย่างใด เขาจารึกสัญลักษณ์ลงบนโลหะ โดยจารึกจิตวิญญาณของเขาลงไปในวัสดุ โลหะต่าง ๆ เริ่มยืดออกและเป็นรูปร่างขึ้นมา หลังจากนั้นสองชั่วโมงมันก็ได้เปลี่ยนรูปทรงเป็นคันธนูยักษ์

หลังจากจารึกครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น คันธนูสีเงินยาวหนึ่งฟุตปรากฏตรงหน้าของเจ้าอ้วน เขาไม่สนใจหยาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าพร้อมกับชื่นชมผลงานตัวเองทันที คันธนูสีเงินที่ปรากฏออกมาคล้ายคลึงกับที่แผ่นหยกได้จารึกไว้ นี่คงถึงเวลาที่จะทดสอบมันแล้วหรือไม่?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าอ้วนดื่มน้ำแห่งองค์ประกอบทั้งห้าพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นเขาหยิบเหล็กสีดำที่ปรับแต่งเป็นเกาทัณฑ์ยาวขนาดหนึ่งฟุตออกมา เจ้าอ้วนรู้สึกว่างานทั้งหมดในคราวนี้เสร็จสิ้นอย่างง่ายดายเพียงกระพริบตา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด