ตอนที่แล้วบทที่ 126 หูเคอผู้รู้ทุกอย่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 128 ความตรงไปตรงมา

บทที่ 127 คนที่น่าผิดหวัง


บทที่ 127 คนที่น่าผิดหวัง

 

 

ถึงแม้ว่า Seven Kills หรือนักฆ่าทั้งเจ็ดจะได้ถอนตัวจากเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาแพ้การเดิมพันกับเย่เฉิ่น ศัตรูของจ้าวเทียนฮ้าวก็เลยทำอะไรได้ไม่ง่ายนัก

 

 

 

นี้เป็นการการันตีทางอ้อมว่า จ้าวเทียนฮ้าวตัวเขาเองไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะเหตุผลที่ Seven Kills จะถอนตัวไม่ใช่มันเป็นเพราะพวกเขาแพ้การเดิมพันของเย่เฉิ่นอย่างเดียว ซึ่งนักฆ่ามักไม่ค่อยทำผิดคำสัญญาต่อกัน

 

 

 

และเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือเนื่องจากจ้าวเทียนฮ้าวเป็นเป้าหมายที่ผิดกับหลักในการดำรงอยู่ของพวก Seven Kills เพราะพวกนั้นจะไม่ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดโดยใช่เหตุ

 

เย่เฉิ่นแอบโห่ร้องในใจคนเดียว เขาควรจะคิดได้ก่อนหน้านี้สะ ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งอมพะนำอยู่อย่างนี้

 

จ้าวหยารีบส่ายหัวเมื่อได้ยินคำถามนี้ เธอรีบตอบว่า "ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน" เธอตอบแบบนี้ นั้นอาจกล่าวได้ว่าจ้าวหนาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของบ้านตัวเอง นั้นคือบริษัทเครือ Tian Ya Conglomerate ทั้งหมด

 

 

จ้าวหยากลายเป็นเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกทันที เพราะเธอไม่รู้เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังของพ่อเธอเลยแม้แต่นิด ในความรู้สึกของจ้าวหยา เธอคิดมาตลอดว่าพ่อของเธอเป็นเพียงนักธุรกิจธรรมดาเท่านั่น

 

"ลุงจ้าวเป็นหนึ่งในผู้นำของ Hongmen" ชินเย่วเริ่มที่จะพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อครู่

 

เย่เฉิ่นแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะจ้องมองไปยังใบหน้าของเธอ และไม่ได้แสดงความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย แต่แกล้งทำเสียงให้ดูเหมือนว่าเขาตื่นเต้นกับการได้ยินข่าวนี้ "ว้าว เซี่ยงไฮ้เป็นประเทศที่มีภัยมหันเยอะมากจริงๆเลยนะ" เย่เฉิ่นแกล้งอุทานออกมา

 

หูเคอยิ้มก่อนและพูดต่อว่า "ไม่ใช่แค่มีภัยพิบัติเท่านั้นหรอกนะ ยังเป็นที่ฝังศพด้วย ตอนนี้กลุ่ม บริษัทขนาดใหญ่ทั้งสามแห่งมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีและสงบ แต่ทุกคนเข้าใจกันเองว่าสันติภาพแบบนี้มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ทั้งๆที่การต่อสู้อาจจะเกิดขึ้นมาตอนไหนก็ได้ โดยธรรมชาติแล้วคนกลุ่มหนึ่งอาจจะคิดว่าตัวเองค้นพบว่านี่เป็นโอกาสที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอันตรายที่เลวร้ายมาก เพราะมันไม่ต่างอะไรจากสงครามเลยสักนิด ถ้าเกิดสงครามที่ว่ามาทั้งหมดเกิดขึ้นจริงระหว่างทั้งสามบริษัทนี้ล่ะก็ ต้องเกิดภัยพิบัติแน่” หูเคอกล่าวอย่างจริงจัง

 

 

เมื่อทั้งหมดได้ฟังพร้อมกัน และเสียงก็เงียบลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ชินเย่วจะเริ่มกล่าวว่า "ความขัดแย้งระหว่าง Hongmen และ Qing Gang เริ่มรุนแรงมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้ลุงจางได้บอกฉันว่าแก๊งชิงกำลังจะประกาศสงครามกับ Hongmen อย่างเป็นทางการ“ขณะที่พูดอยู่ ตาของเธอหันไปหาเย่เฉิ่นแลกล่าวว่า” เย่เฉิ่นคุณไม่อยากรู้เรื่องของฉันบ้างเลยรึไง? วันนี้ฉันจะบอกความจริงให้นะ ว่าฉันเป็นใคร ฉันคือลูกสาวคนโตของฉินเทียน”

 

"เธอ... " เย่เฉิ่นฟังอย่างนั้นก่อนจะตื่นและพงะกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบังคับลมหายใจให้เต้นเป็นปกติได้ ..

 

 

เขารู้อยู่แล้วว่าอัตลักษณ์และรูปลักษณ์ ลักษณะใจคอของชินเย่วนั้นเดาได้ไม่ยากว่าเธอต้องเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลด้านใดด้านหนึ่ง แต่เมื่อได้ยินว่าเธอเป็นลูกสาวคนโตและทายาทของ Hongmen นั้นทำให้เย่เฉิ่นตกใจมากจนเขามึนเหมือนกับเห็นดาวเลยทีเดียว

 

 

 

เย่เฉิ่นรู้มาตลอดว่า อำนาจและพลังของชาว Hongmen ยิ่งใหญ่มากขนาดไหน และมีขนาดใหญ่มากเพียงใด ในประเทศจีน Hongmen มีอำนาจมหาศาลมากจนไม่สามารถบอกได้ว่า ขยายไปถึงจุดไหนแล้วบ้าง กลายเป็นว่าชินเย่วเป็นทายาทแห่งนรกหรือแห่งความมืด

 

หูเคอแทบจะหัวเราะออกมา และเข้าใจอย่างชถ่องแท้ว่าเอกลักษณ์ของชินเย่ว ไม่ไช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสักนิดว่าเธอควรเป็นลูกใคร

 

 

 

จากนั้นเย่เฉิ่นก็เริ่มรู้ตัวและรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างและรีบถามด้วยความร้อนรนว่า "ก่อนหน้านี้มีชายชุดดำมาดักรอผมที่หน้าประตูมหาลัย พวกมันบอกว่านายของมันอยากเจอผม เขาคือพ่อของเธอใช่ไหม? " เย่เฉิ่นถามอย่างตกใจ

 

ชินเย่วจ้องมองเขาพลางกรอกตาขึ้น ดูเหมือนว่าเย่เฉิ่นจะตกใจกับสถานะของเธอมากเกินไป จนเธอคิดว่าเธอคิดถูกแล้วใช่ไหม ที่บอกเขาตอนนี้

 

 

และอีกอย่างการที่ลุงจางเซียงของเธอรู้ว่าเย่เฉิ่นเป็นใคร นั้นก็เพราะป็นฝีมือของฉินเฟิง น้องชายของเธอที่ปากมากเล่าทุกอย่างจนสร้างปัญหาให้เธอมาตลอด และชินยเ่ยคิดว่าพ่อของเธออาจจะต้องรู้ด้วย ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเย่เฉิ่นเป็นยังไง ชินเย่วถอนหายใจก่อนจะตอบอย่างสัตย์จริง "ฉันไม่รู้ ที่ฉันรู้คือเจ้าของรถที่คุณขโมยไปเป็นใคร "

เย่เฉิ่นเริ่มยิ้มด้วยความละอายที่ทำตัวโวยวายใส่เธอ จึงรีบพูดว่า "ฮ่าๆพะดีตอนนั้นผมรีบน่ะเลยจำเป็นต้องยืมไปก่อน แต่พอเสร็จภารกิจแล้วผมจะคืนให้เจ้าของคนเดิมแน่ คุณพอจะช่วยให้ผมเจอเขาแบะกล่าวคำขอโทษได้ไหม? " เย่เฉิ่นพูดอย่างตาใสใส่ชินเย่ว

 

ชินเย่วมองหน้าเย่เฉิ่นอย่างเหลือเชื่อ ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ชายที่อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน จนเธอตามไม่ทันแล้ว ชินเย่วจึงตอบว่า "ลุงจางไม่โกรธนายหรอก" ชินเย่วพูดขึ้นอย่างไม่แยแสก่อนจะถามเขาอีกว่า "เย่เฉิ่น ฉันถามอะไรหน่อยสิว่า ถ้าเกิดสงครามขึ้นระหว่าง Hongmen กับ Qing Gang คุณคิดว่าตัวเองจะสามารถเริ่มต้นทำอะไรได้บ้าง?" ชินเย่วจ้องหน้าเย่เฉิ่นพลางหลี่ตามองเขา

 

เย่เฉิ่นนิ่งไปก่อนจะตอบ "คุณอยากให้ผมพูดเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกล่ะ?" เย่เฉิ่ย้อนถามอย่างเจ้าเล่ห์

 

"แน่นอนว่าฉันต้องการความจริงอยู่แล้ว" ชินเย่วยักไหล่นิดหน่อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

 

เย่เฉิ่นหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะยักไหล่และตอบว่า "จากความสัมพันธ์ของเรา ผมก็ต้องยืนข้างคุณอยู่อลเว แต่ถ้าให้พูดตามความจริงถ้าแก๊ง Hongmen ในจีนและแก๊งชิง เริ่มสงครามกันจริงๆล่ะก็ ผมจะไปหาที่นั่งบนภูเขาและเฝ้าดูการต่อสู้ของเสือทั้งสองเลยล่ะ ใครชนะหรือแพ้อาจจะไม่มีผลกับผมอยู่แล้ว แต่ก็นั้นแหละ ผมคิดว่าคุณทั้งหมดที่คุณได้รู้จักผมทั้งต่อหน้าและลับหลังนั้น ผมเชื่อว่าบางส่วนคุณได้เข้าใจมันถูกแล้วล่ะ แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าคุณได้ข้อมูลของผมมาจากที่อื่น คุณได้อะไรบ้างรึยัง คุณอาจจะรู้แล้วว่าผมไม่ใช่แค่ผู้คุ้มกันธรรมดาหรือเป้าหมายของผมไม่ใช่แค่การกินดื่มและตายเท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรทั้งนั้นและไม่เคยหวังจะมองไปในตัวคุณ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลนะว่าผมจะใช้เหตุผลบ้าๆเพื่อมาได้ใกล้ชิดกับคุณด้วย แบบเห็นแก่ตัว เพราะไม่ว่าจะเป็นแก๊ง Hongmen หรือแก๊งชิง พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับผมทั้งนั้น แม้พวกเขาจะสู้รบกันจนตายไปข้าง แต่ผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย แต่ถ้ามีผู้ชนะ ผมจะสนับสนุนพวกเขา เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ผมได้ประโยชน์ " เย่เฉิ่นตอบอย่างสบายๆ

 

คำพูดของเย่เฉิ่นนั้นเป็นความจริงอย่างถ่องแท้ ชินเย่วและหูเคอ รวมถึงจ้าวหยาเมื่อได้ฟังดังนั้นเองก็เชื่อว่าคำตอบของเย่เฉิ่นไม่ผิดเพี้ยนแน่ ถ้าเขากำลังยืนอยู่กรานว่าถ้า Qing Gang และ Hongmen เริ่มต้นทำสงครามกันจริงๆมันต้องมีผลประโยชน์มากมายเกิดขึ้นกับเขา

หูเคอที่เงียบอยู่นานจึงยิ้มบางๆ และพูดขึ้นว่า "เย่เฉิ่นฉันคิดว่าคุณมากเกินไปแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่าอิทธิพลของ Hongmen และ Qing Gang ใหญ่มากแค่ไหน? แล้วคุณรู้หรือไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทั้งสองฝ่ายจะทำสงครามกัน? อำนาจใต้ดินและภายใต้รัฐบาลของประเทศใดที่มีความสัมพันธ์กันนั้น แก๊งชิงและชาวHongmen ทั้งสองแก๊งมีส่วนควบคุมอำนาจส่วนใหญ่ของจีนหาก ทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นทำสงคราม แล้วสุดท้ายไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะขึ้นมา นั้นเทียบเท่ากับว่าให้อำนาจอื่น ๆนอกเหนือจากนี้มีโอกาสทำคะแนน ประเทศจะเกิดความสับสน และะวุ่นวายไปถึงอำนาจในต่างประเทศด้วย นอกจากนี้พวกมันอาจจะใช้ผชประโยชน์จากโอกาสนี้ เพราะแก๊งชิงและความแข็งแกร่งของชาว Hongmen จะต้องทนทุกข์ทรมานแน่ และพวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น เย่เฉิ่น คุณเคยคิดบ้างไหมว่ามันจะเป็นแบบนี้? "

หูเคอถามเย่เฉิ่นด้วยความขบขัน

 

 

เย่เฉิ่นพยามนึกถึงสิ่งที่บอก แต่เขาฟีวแล้วก็ยังไม่กระจ่างว่าเหตุนี้จะมีผลต่อเขายังไง เขาจึงแค่ยักไหล่และตอบว่า "แล้วมันเกี่ยวกับผมตรงไหนล่ะ?"

หัวไหล่ของหูเคอย่นลงเล็กน้อยอย่างหมดแรงที่จะพูด ใบหน้าของเธอค่อนข้างจะเหนื่อยอ่อน เธอยืนขึ้นและมองไปที่เย่เฉิ่นด้วยแววตาแข็งกร้าว "ฉันนี่มันทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ!" หลังจากเธอพูดจบ หูเคอก็เดินก้าวออกจาก้องนั่งเล่นไปยังชั้นบนโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

 

 

เย่เฉิ่นเกาศรีษะด้วยความงงงวย เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะกลายเป็นทุกข์สะเอง ดวงตาของเขามองอย่างซื่อๆตามแผ่นหลังของหูเคอที่กำลังเดินขึ้นชั้นสอง เขาจึงพึมพำ "ก็มันไม่เดี่ยวอะไรกับเราเลยนี่หว่า"

 

เย่เฉิ่นคิดมาตลอดว่าเขาไม่ใช่วีรบุรุษของประเทศตัวจริงเสียงจริงอะไรแบบนั้น สิ่งพวกนี้ไม่ใช่ความห่วงใยตราบเท่าที่ไม่ใช่พระ หรืออะคาร์ดินัล หรือไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีและภัยคุกคามแห่งชาติอะไรทำนองนั้น แล้วทำไมเขาต้องเอาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมีอำนาจใต้ดินตีกันด้วย? นั้นคือหายนะที่แท้จริงถ้าเกิดเขาเอาเท้าไปสอดแบบนั้น

 

 

จ้าวหยาเองก็เริ่มจะโมโหกับการที่เย่เฉิ่นตอบแบบนี้เช่นกัน เธอยืนขึ้นอีกคนและจ้องหน้าเย่เฉิ่น และพูดว่า"นายมันแย่ที่สุด! นายทำให้พี่เคอโกรธ! ไอบ้า!"

ชินเย่วส่ายหัวของเธออย่างหมดหนทาง แต่เธอก็ลองพูดมันดูอีกครั้ง "เย่เฉิ่น ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น" เธอกล่าว

คำคำนี้แทบทำให้เขาหัวเราะออกมา เย่เฉิ่นเหลือบมองชินเย่วและยิ้ม เขารู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจมากเกินไป ขี้เกียจที่จะต้องไปกังวลเกี่ยวกับกิจการของรัฐที่เขาไม่ยุ่งด้วย สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือก็คือการปกป้องเพื่อน ๆ และญาติพี่น้องของตัวเอง ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ควรจะเป็นอันตรายอะไรทั้งสิ้น สำหรับการบุกรุกต่างประเทศเหล่านั้น แน่นอนว่าเย่เฉิ่นเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

 

 

ความคิดแนวทางเดียวของเขาคือการกำจัดโอหยางเชิง โดยที่ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต้องปลอดภัย การทำลายพวกมัน อาจจะทำให้เซี่ยงไฮ้สงบสุขขึ้นก็เป็นได้…

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

Talk กับผู้แปล ::

 

ช่วงนี้จะลงดึกหน่อย อย่าว่ากันนะค่ะ พะดีติดธุระเน้อ เกี่ยวกับการเรียนของข้าพเจ้าเอง ขอให้ทุกคน enjoy กับการอ่านทุกตอนนะค่ะ ใครที่ชอบก็ต้องคอยติดตามเรื่อยๆนะค่า จะตั้งใจแปลให้ดีที่สุดค่า

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด