ตอนที่แล้วบทที่ 113 เด็กหนุ่มผู้ฟ้องร้องชาวต่างชาติ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 115  คนที่สามารถกินข้าวในเล้าหมูได้ (อ่านฟรี)

บทที่ 114  บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่ (อ่านฟรี)


บริษัท โลจิสติกส์เฟิงหยู่ จำกัดเป็นบริษัทที่เฝิงหยู่เพิ่งจดทะเบียนขึ้นมาใหม่ แต่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของแต่อย่างใด บริษัทนี้เป็นของหลี่ซื่อเฉียง

ตระกูลหลี่รู้ดีว่าที่ทุกวันนี้พวกเขามีกินมีใช้ได้อย่างสุขสบายก็เป็นเพราะเฝิงหยู่ ว่าแต่มีที่ไหนกันที่ปล่อยให้น้องเขยต้องมาหางานให้? หลี่ซื่อเฉียงอยากที่จะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองหลังจากที่ได้รับเงินปันผล

ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เฝิงหยู่อยากที่จะก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์ และมีรถบรรทุก หลี่ซื่อเฉียงจึงบอกเฝิงหยู่ว่าเขาอยากจะดูแลบริษัทโลจิสติกส์แห่งนี้ และไม่ต้องการหุ้นจากบริษัทไท่หัวอีกต่อไป

เฝิงหยู่ก็เห็นด้วย แต่เขาบอกหลี่ซื่อเฉียงว่าเขาได้จดทะเบียนเป็นชื่อบริษัท โลจิสติกส์เฟิงหยู่ แล้ว เขาอยากสร้างพันธมิตรของตราสินค้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอนาคต และด้วยเหตุนี้ เฝิงหยู่จึงยอมจ่ายเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้หลี่ซื่อเฉียง

หลี่ซื่อเฉียงตกลงอย่างไม่ลังเล เขาไม่ได้สนใจชื่อบริษัท และไม่จำเป็นต้องให้เงินชดเชยเขาด้วย เฝิงหยู่เปลี่ยนเจ้าของบริษัทให้เป็นหลี่ซื่อเฉียงและให้เงินปันผลแก่หลี่ซื่อเฉียงเป็นจำนวน 1 ล้านหยวน หุ้นของบริษัทการค้าไท่หัวก็เปลี่ยนเป็นชื่อของเฝิงหยู่แทน ตอนนี้เฝิงหยู่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งบนนามบัตรของตัวเองให้เป็นผู้จัดการทั่วไปได้แล้ว

ในที่สุดเฝิงหยู่ก็อายุครบ 16 ปีบริบูรณ์และมีบัตรประชาชนเรียบร้อย ตอนนี้คงเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นสำหรับเขาในการจัดการเรื่องต่างๆ

กรมการขนส่งของเมืองมีความสัมพันธ์อันเก่าแก่กับเขา แค่ให้ซองแดงกับหัวหน้า เอกสารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทะเบียนรถทุกคันพร้อมใช้งานภายในหนึ่งสัปดาห์

มีการพ่นโลโก้ใหม่ตรงประตูของรถบรรทุกทั้งหมด แม้แต่ฝากระโปรงหน้ารถก็มีการพ่นโลโก้ของบริษัทเฟิงหยู่ หลี่ซื่อเฉียงว่าจ้างคนขับรถซึ่งเป็นอดีตทหารมากลุ่มหนึ่ง ถ้าคนพวกนี้ทำงานอยู่ที่หน่วยงานเดือนหนึ่งจะหาเงินได้เท่าไรกันเชียว แต่ถ้ามาทำงานที่บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่ พวกเขาจะได้รับเงินมากกว่า เงินเดือนปัจจุบันสูงถึง 50% แถมยังอาจจะมีโบนัสด้วย

เพียงไม่นานก็มีคนขับรถมากกว่าร้อยคนมาสมัครทำงานนี้ หลี่ซื่อเฉียงทำตามคำแนะนำของเฝิงหยู่โดยดำเนินการทดสอบผู้สมัครดังกล่าว ไม่เพียงแต่ทดสอบทักษะด้านการขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตระหนักถึงความปลอดภัยและความรับผิดชอบของพวกเขาด้วย

เฝิงหยู่บอกว่าในอนาคตบริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่จะสามารถครอบครองได้อย่างน้อย 3 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอาจจะครอบครองตลาดได้ไกลถึงปักกิ่งด้วย คนขับรถพวกนี้ส่วนใหญ่จะต้องอยู่นอกบริษัทพร้อมกับสินค้าที่บรรทุกเต็มคันรถ ถ้าคนขับรถหายตัวไปพร้อมกับสินค้าละจะทำยังไง?

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่มาเล่าขู่ให้หลี่ซื่อเฉียงรู้สึกกลัว แต่เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว เฝิงหยู่เคยอ่านข่าวกรณีแบบนี้ทางอินเตอร์เนตมาก่อน ซึ่งต่อมาอีกหลายปีกว่าจะจับผู้กระทำความผิดได้

แต่หลี่ซื่อเฉียงดีกว่าที่เฝิงหยู่คิดไว้มาก เขาไม่เพียงแต่ทดสอบพวกคนขับรถในเรื่องที่เฝิงหยู่บอกเขาเท่านั้นแต่ยังทดสอบความคุ้นเคยและเคยชินกับเส้นทางบนถนนด้วย หลังจากการทดสอบดังกล่าว คนขับรถ 80 คนและพนักงานขาย 10 คนก็ได้รับว่าจ้าง

หลี่ซื่อเฉียงตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานขายตอนที่เขายังอยู่ในบริษัทการค้าไท่หัว ถ้าบริษัทไม่มีพนักงานขายคอยออกไปหาลูกค้า และมัวแต่นั่งรอให้ลูกค้ามาหาเองที่บริษัท บริษัทจะต้องปิดกิจการภายในหนึ่งถึงสองปีนี้แน่นอน

เฝิงหยู่ก็ช่วยเขาทำโฆษณาด้วย เฝิงหยู่มีสัญญาการทำโฆษณากับสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เขาช่วยบริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่ทำโฆษณาเล็กน้อยเพื่อสร้างการรับรู้และทำให้คนรู้มากขึ้นว่าตอนนี้ในเมืองปิงมีบริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่งซึ่งมีรถบรรทุก Gaz จำนวน 80 คันพร้อมให้บริการการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่พร้อมให้บริการขนส่งในทุกฤดูกาล!

สโลแกนโฆษณาสั้นๆ ใช้เวลาเพียงแค่สามวัน คนส่วนใหญ่ก็จำได้หมดแล้ว

บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่กลายมาเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในเมืองปิง เมื่อก่อนสำนักงานของบริษัทการค้าไท่หัวเช่าอยู่ภายในบริเวณคลังสินค้า และหลี่ซื่อเฉียงก็คุ้นเคยกับหลายบริษัทที่นั่น

หลี่ซื่อเฉียงเข้าไปเยี่ยมชมทุกบริษัทในบริเวณคลังสินค้าดังกล่าว เมื่อพวกเขารู้ว่าหลี่ซื่อเฉียงก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์และมีรถบรรทุก 80 คัน ซึ่งสามารถรับงานจากเมืองปิงไปยังเมืองจี๋และเมืองเซิ่นได้ หลายบริษัทก็ตกลงเซ็นสัญญากับเขาทันที ต่อไปพวกเขาจะให้บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่คอยจัดการเรื่องการขนส่งของพวกเขาในอนาคต

นอกจากนี้ เฝิงหยู่ยังช่วยหางานขนส่งสินค้าจากโรงงานมอเตอร์และโรงงานเครื่องจักรให้หลี่ซื่อเฉียงด้วย รวมถึงการขนส่งสินค้าเล็กน้อยจากบริษัทการค้าไท่หัว แค่นี้บริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่ก็จะไม่ขาดทุนในอนาคตแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้ารถบรรทุกเดินทางด้วยสินค้าบรรทุกเต็มคันรถไปยังจุดหมายปลายทางและกลับมาด้วยรถเปล่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ขาดทุน แต่ก็จะไม่ได้ผลกำไรถึงที่สุด เฝิงหยู่เตือนให้หลี่ซื่อเฉียงจัดตั้งบริษัทสาขาในเมืองจี๋และเมืองเซิ่น วิธีสามารถนี้จะทำให้สามารถใช้งานรถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งขาไปและขากลับ ตอนนี้พวกเขาต้องสร้างชื่อเสียงที่ดีเพื่อให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

จัดตั้งบริษัทสาขา? หลี่ซื่อเฉียงรู้สึกว่ามีปัญหาแน่ๆ แค่บริษัทเดียวเขาก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว ตอนนี้เขายังต้องจัดตั้งบริษัทสาขาอีกหรอ? ความคิดของเฝิงหยู่คือการการจัดตั้งบริษัทสาขาในเมืองจี๋และเมืองเซิ่นก่อน จากนั้นจึงค่อยจัดตั้งสำนักงานในทุกๆ เมืองในจังหวัด แล้วค่อยๆ ขยายเข้าไปใน 3 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและในกรุงปักกิ่งด้วย นี่คือการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์แบบ

แม้ว่าวิธีนี้จะไม่ก่อให้เกิดระบบผูกขาด แต่ด้วยเครือข่ายโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์แบบก็จะทำให้การประกอบธุรกิจยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีบริษัทเอกชนมากมายใน 3 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นจะต้องมีการขนส่งสินค้าจำพวกของป่า สินค้าเกษตรจำนวนมากแน่นอน

พอได้ฟังเรื่องดังกล่าว หลี่ซื่อเฉียงก็รู้สึกเป็นกังวล ในอนาคตเขาจะต้องจัดตั้งบริษัทอีกกี่สาขาเนี่ย? ถ้างั้นเขาต้องจ้างพนักงานมากกว่าร้อยคนเป็นอย่างต่ำงั้นหรือ? แล้วรถบรรทุกหนึ่งคันสร้างรายได้เพียงพอต่อการจ่ายค่าจ้างให้พนักงานอย่างน้อย 2-3 คน แล้วแบบนี้เขาจะทำกำไรได้อย่างไรกัน?

เฝิงหยู่ค่อยๆ อธิบายข้อดีข้อเสียให้หลี่ซื่อเฉียงฟัง สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงแรก และถ้าต้องขาดทุนบ้างเล็กน้อยเขาก็โอเค ความต้องการโลจิสติกส์กำลังเพิ่มขึ้น แต่เขาจะไม่รู้สึกแบบนั้นแม้ว่าจะมีงานขนส่งจำนวนมากก็ตาม แต่อีกสองปีต่อมา คนอื่นๆ ก็จะเริ่มก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์เหมือนกัน และเมื่อถึงเวลานั้น ก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาด นอกจากนี้ ด้วยเครือข่ายโลจิสติกส์ที่จัดตั้งขึ้น จะทำให้คนที่อยากส่งสินค้า ก็จะต้องนึกถึงบริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่ก่อนเป็นอันดับแรก นั่นละถึงจะเป็นช่วงที่เราได้ผลกำไร แถมรับรองว่าจะต้องทำเงินได้เยอะแน่นอนเพราะรถบรรทุกของเราทุกคันบรรทุกสินค้าเต็มคันรถทุกวัน

หลี่ซื่อเฉียงยังคงลังเล แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่เฝิงหยู่พูดนั้นมีเหตุผล แต่เขาก็ยังคิดว่ามันไม่ค่อยฉลาดสำหรับตัวเขาที่จะต้องลงทุนมากมายในตอนนี้ ทำไมไม่รออีกสองปีก่อนละแล้วค่อยว่ากัน เฝิงหยู่อาจจะคุ้นเคยกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการทำการค้า แต่โลจิสติกส์เป็นอะไรที่แตกต่างจากสิ่งเหล่านั้นมาก จัดตั้งบริษัทสาขาในเมืองงั้นหรอ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? ในเมืองเมืองหนึ่งจะมีธุรกิจโลจิสติกส์อะไรได้ พวกคนท้องถิ่นต่างก็ขนส่งสินค้าด้วยรถสามล้อกันทั้งนั้น

เฝิงหยู่ถอนหายใจและหันไปพูดกับหลี่ซื่อเฉียงว่า “คุณอาจจะทำแฟรนไชส์แทนก็ได้ถ้าไม่อยากจัดตั้งบริษัทสาขา ร้านแฟรนไชส์ก็จะได้รับอนุญาตให้ใช้ยี่ห้อโลจิสติกส์เฟิงหยู่ในการรับใบสั่งซื้อ และบริษัทโลจิสติกส์เฟิงหยู่จะเป็นผู้ดำเนินการขนส่งเอง สิ่งที่หลี่ซื่อเฉียงต้องทำก็แค่ให้ค่านายหน้ากับร้านค้าดังกล่าว

แบบนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาการวิ่งรถเปล่าสำหรับขากลับเข้าเมืองแล้ว นอกจากหลี่ซื่อเฉียงจะไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมแล้ว อีกสองปีต่อมาเขาก็จะได้เรียกเก็บค่าแฟรนไชส์อีกต่างหาก แต่สำหรับตอนนี้ ถ้าเขาเรียกเก็บค่าแฟรนไชส์ คงไม่ค่อยมีใครอยากมาร่วมทำร้านแฟรนไชส์กับเขาสักเท่าไร

เมื่ออธิบายและแนะนำแบบนี้แล้ว หลี่ซื่อเฉียงก็เข้าใจ แบบนี้เป็นความคิดที่ดีมาก เขาก็จะได้ประหยัดเงินและไม่ต้องจ้างพนักงานขายจำนวนมากด้วย

หลี่ซื่อเฉียงรีบจัดการให้พนักงานขายทำการขายทางโทรศัพท์ และให้พนักงานที่เหลือไปแจกใบปลิวและแปะแผ่นประกาศโฆษณาบนเสาไฟฟ้าและเสาโทรเลข ซึ่งล้วนเป็นวิธีการที่เฝิงหยู่แนะนำทั้งสิ้น ในสมัยนั้น ไม่มีใครใส่ใจกับการแปะโฆษณาขนาดเล็กๆ ตามเสาแบบนี้ตราบใดที่ไม่ได้ไปแปะไว้บนกำแพงบ้านคนอื่น

เฝิงหยู่มองดูหลี่ซื่อเฉียงที่กระตือรือร้น และรู้สึกว่าแบบนี้แหละถึงจะเป็นพี่เขยคนเดิมที่เขาเคยรู้จักในอดีต

หลี่ซื่อเฉียงมีความสุข แต่เฝิงหยู่กลับรู้สึกหดหู่ หลี่ซื่อเฉียงกำลังทำธุรกิจของตัวเองในบริษัทโลจิสติกส์ แต่เฝิงหยู่กลับต้องหาคนใหม่มารับผิดชอบดูแลบริษัทการค้าไท่หัว แถมเขายังต้องไปเรียนอีก……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด