ตอนที่แล้วตอนที่ 54 พ่อของ มิส เบลด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 56 เตาหลอมหัวใจวานร

ตอนที่ 55 7สิ่งที่ฆ่า


ดิ๊ง ด๋อง!

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

 

ในที่สุดการตรวจสอบการเซ็นสัญญาธุรกิจก็ออกผล"ไม่ผ่านการตรวจสอบ การลงนามบุคคลเข้าทำงานเป็นนักสะกดจิตโดยไม่มีใบอนุญาติประจำตัวนักสะกดจิตไม่สามารถทำได้ เราจะทำการตรวจสอบให้เร็วที่สุดเเละติดต่อภายหลัง"

 

ชู ซาน ใจหล่นวูบก่อนจะหัวเราะออกมา"ฉันลืมเรื่องนี้ไปสนิท เธอลงชื่อเข้าใช้ข้อมูลประจำตัวของนักสะกดจิตซึ่งมันไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นเธอจะต้องมีใบอนุญาตินักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มเสียก่อน"

 

"งั้นพักเรื่องนี้ไว้ก่อน!"เจียง หลี่ ส่ายศรีษะ"ผมจะไปขอทดสอบพรุ่งนี้ เเต่ผมอยากได้ผลไม้เเห่งชีวิตตอนนี้ หวังว่าคุณจะเห็นใจ!"

 

"เธอจะจ่ายเงิน 3.5 ล้านเหรียญก่อนใช่หรือไม่? ด้วยเครดิตของเธอเเน่นอนว่าบริษัทสามารถให้เธอยืมก่อนได้ 500,000 เหรียญ ฉันจะเป็นคนดำเนินเรื่องให้เอง!"ชู ซาน กล่าว

 

เจียง หลี่ เซ็นสัญญากู้ยืมเงินในทันที

 

หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง ชู ซาน ก็ สั่งให้คนไปเอาผลไม้เเห่งชีวิตมา

 

มันเป็นขวดเเก้ว เเละในขวดเเก้วนั้นมีเม็ดเเยมสีเเดงสดอยู่ภายในขวด มันประกายเเววาวมาก ถ้ามองอย่างรอบคอบจะเห็นอนุภาคของพันธุ์กรรมเล็กๆจำนวนมากมันกำลังก่อตัวรวมกัน

 

มันเป็นผลไม้ขนาดเล็กที่หนักเพียงไม่กี่กรัม เเต่มันกลับมีความมหัศจรรย์มาก

 

"การผลิตผลไม้เเห่งชีวิตนั้นเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงของมนุษยชาติพวกเขาได้มันมาจากเรือรบขนาดใหญ่ที่ตกลงมา มันสามารถใช้รักษาบาดเเผลได้หลายอย่าง"ชู ซาน กล่าว"เธอลองมันก่อนเเล้วกัน ดูว่ามันสามารถรักษาเธอได้ดีรึไม่ หลังจากนั้นก็ค่อยทดสอบศักยภาพ เธอจะต้องกลายเป็นนักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มเสียก่อนเเละค่อยกลับมาทำงาน งานหลักของเธอคือสะกดจิตให้กับลูกค้า ซึ่งเราเรียกเก็บเงิน 1,000 เหรียญในเเต่ละครั้ง ทุกครั้งเราจะจ่ายให้เธอ 800 เหรียญดวงดาว!"

 

"800 เหรียญ ผมสามารถสะกดจิตคนได้มากสุด 1 วันต่อ 10 ครั้ง รวมเเล้วเป็นเงิน 8,000 เหรียญ ผมสามารถใช้หนี้คุณใน 2 เดือนได้ "เจียง หลี่ คำนวณ"ผมจะต้องเสียภาษา 20 % จากรายได้ 800 เหรียญ นั่นก็คือผมจะเหลือ 640 เหรียญต่อครั้ง"

 

หน่วยรักษาความปลอดภัยของ เมือง ซิง ฮัว นั้น ต้องทำงานอย่างหนัก เเละ นักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มนั้นก็มีน้อยเกินไป ลูกค้าทุกคนต้องนัดหมายล่วงหน้าเเละใช้จ่ายถึง 1,000 เหรียญทุกครั้ง เเน่นอนว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะได้ส่วนเเบ่งเล็กน้อยจากนักสะกดจิตเหล่านั้น

 

เพราะนักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มนั้นมีจำนวนที่น้อยมาก ดังนั้นลูกค้าจึงต้องรอคิว กลุ่มรักษาความปลอดภัยเองก็ต้องแบ่งกันทำงานโดยไม่ลดละพวกเขาจะต้องรับรองความปลอดภัยให้พวกนักสะกดจิต

 

เจียง หลี่ ปวดขวดเเละเอาผลไม้เเห่งชีวิตออกมาโดยตรง เขาต้องการจะกินมัน

 

หลังจากที่ เจียง หลี่ กินมัน เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาอุ่นสบาย ความเหนื่อยล้าก็กลันหายไปหมด ผลของมันอยู่ถึง 3 ชั่วโมงเต็มก่อนที่จะหยุดลง

 

เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่ารางกายของเขาผ่อนคลายมากความคิดของเขาก็เฉลียวฉลาดมากขึ้น

 

"ถ้าฉันไปตรวจสอบตอนนี้อายุของฉันจะเพิ่มขึ้นหรือไม่?บางทีมันอาจฟื้นตัวเยอะทีเดียว!"เจียง หลี่ ไม่อาจรอที่จะกลับไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลได้

 

นี่เป็นบัตร หน่วยรักษาความปลอดภัยของเรา ฉันจะใช้ข้อมูลนี้เพื่อติดต่อเธอในอนาคต!"ชู ซาน ยื่นชิปให้ เจียง หลี่"เธอจะต้องรับการทดสอบขอใบรับรองหลังจากนั้นก็กลับมาเซ็นสัญญา"

 

เจียง หลี่ เอาชิปมา เขาอยากจะไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลให้ได้

 

"มันยากจะเชื่อว่าเซลล์ของเธอฟื้นตัวเร็วมาก! หลังจากตรวจสอบเเล้วเธอน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 70-80 ปีทีเดียว!"

 

ในโรงพยาบาลคุณหมอได้ตรวจผลร่างกายของ เจียง หลี่ ด้วยรูปลักษณ์ที่ประหลาดใจ

 

"ผมกินผลไม้เเห่งชีวิตเข้าไป!"เจียง หลี่ พยักศีรษะรับ

 

"ผลไม้เเห่งชีวิต?"หมอคนนั้นเอะใจในทันที"ไม่เเปลกใจเลย นี่เป็นหนึ่งในความลับของเทคโนโลยีชั้นสูงของมนุษยชาติมันสังเคราะห์จากวิทยาศาสตร์เเละออกมาในรูปของผลไม้ มันมีราคาที่เเพงมาก อีกทั้งยังไม่สามารถหาซื้อได้ในเมือง ซิง ฮัว"

 

"หมอ ผมต้องใช้ผลไม้เเห่งชีวิตมากเท่าไหร่ถึงจะกู้คืนเซลล์ให้กลับมาสมบูรณ์ได้?"เจียง หลี่ ถาม เขาไม่มีความรู้เท่าเเพทย์คนนี้เเน่นอนว่าเขาจะต้องถามพวกมืออาชีพโดยไม่ปิดบังความต้องการ

 

"ผลไม้เเห่งชีวิตถือเป็นยารักษาโรคของย่านชั้งสูง หลังจากที่ต่อสู้กับศัตรูเเล้วพวกเขาจะใช้มันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เเน่นอนว่ายังเพิ่มศักยภาพอีกด้วย เเต่สิ่งนี้มีเเต่คนย่านชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่อนุญาติให้มีการจัดส่งในย่านทั่วไป"หมอคนนั้นกล่าวส่ายหัว"คุณจะต้องใช้อีกผล 1 เพื่อที่เซลล์จะรักษาอย่างสมบูรณ์"

 

"เเสดงว่าฉันยังต้องการเงินอีก 4 ล้านกว่า..."เจียง หลี่ รู้สึกตกใจมาก ร่างกายของเขาตอนนี้รู้สึกปลอดโปร่ง เเต่เขาก็ยังเป็นหนี้บริษัทอีก 500,000 กว่าเหรียญ เขาจะไปเอาเงินอีก 4 ล้านที่ไหนกัน

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เจียง หลี่ ก็เดินทางไปยัง"สถาบันวิจัยจิตวิญญาณ"ในเมือง ซิง ฮัว

 

สถานที่เเห่งนี้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้ศึกษาเเละค้นคว้าเกี่ยวกับจิตวิญญาณเเละวิทยาศาสตร์ มันเป็นของหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ยังสามารถขอรับการทดสอบเป็นนักสะกดจิตได้ที่นี่

 

ขั้นเเรกคือการสะกดจิตสัตว์มันเป็นขั้นเเรกเริ่มขั้นที่ 2 คือยืนยันเทคนิคของคุณเเละทำการสะกดจิตมนุษย์

 

การสอบนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมากมันเเทบจะไม่มีช่องโหว่เเม้เเต่นิดเดียว

 

ด้วยประสบการณ์ของ เจียง หลี่ เขาสามารถรับใบรับรองนักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มได้อย่างง่ายดาย

 

สถาบันวิจัยจิตวิญญาณของเมือง ซิง ฮัว นั้น รับการทดสอบนักสะกดจิตระดับเเรกเริ่มเท่านั้น ถ้าอยากจะเลื่อนไปเป็นนักสะกดจิตระดับรองจะต้องไปที่เมืองหลวงอื่นๆ

 

เจียง หลี่ เดินทางกลับไป เขาไปที่ หน่วยรักษาความปลอดภัย เเละก็ได้พบกับ ชู ซาน คราวนี้เขาได้รับหนังสือรับรองการเป็นนักสะกดจิตเเล้ว

 

การเซ็นสัญญาคราวนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว การตรวจสอบของรัฐบาลนั้นประมวลผลเร็วมาก

 

ภายในสำนักงาน

 

หลังจากที่ เจียง หลี่ ได้เซ็นสัญญาเขาก็เริ่มเเสวงหาความรู้"ผู้จัดการ ชู เนื่องจากคุณเป็นนักสะกดจิตระดับรองผมจะขอความรู้จากคุณได้หรือไม่ คุณไม่ได้ว่าว่าผมจะได้รับการฝึกสอนโดยนักสะกดจิตระดับรองเมื่อเข้าหน่วยรักษาความปลอดภัย?"

 

ชู ซาน ไม่ชอบให้เขาเรียกว่านายนาย ดังนั้น เจียง หลี่ จึงเรียกเขาว่า ผู้จัดการ ชู เเทน

 

"คำเเนะนำ?เเน่นอนว่าการให้คำเเนะนำนั้นฉันจะให้สิทธิเเก่นักสะกดจิตระดับเเรกเริ่ม?"ชู ซาน กล่าวยิ้ม"เเต่กะนั้นพวกเขาก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 1,000 เหรียญ!"

 

"ผมคิดว่าผมนั้นเป็นข้อยกเว้น!"เจียง หลี่ กล่าวอย่างไร้ยางอาย"มีหลายคนที่เป็นนักสะกดจิตที่มีพรสวรรค์เช่นผม เเละ คุณคงจะไม่ใจร้ายสอนให้ผมแบบเสียเงินใช่หรือไม่?"

 

"ฮ่าฮ่า เธอ นี่ค่อนข้างหลักเเหลมใช้ได้"ชู ซาน กล่าวหัวเราะ"ฉันกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ ดีเเน่นอนว่า ฉันจะช่วยสอนเธอ!"

 

"ผมต้องการคำเเนะนำ!"

 

เจียง หลี่ ทำความเคารพเขาอยากจะเรียนรู้จริงๆ

 

เมื่อเห็นท่าทางของเขา ชู ซาน กล่าวพยักหน้าว่า"หัวใจของเธอค่อนข้างบริสุทธิ์ เธอเป็นชายหนุ่มที่ดี เเต่เธอรู้หรือไม่ว่าเธอขาดคุณสมบัติของนักสะกดจิตที่เเข็งเเกร่งบางอย่างไป?"

 

"นักสะกดจิตที่เเข็งเเกร่ง...?"เจียง หลี่ รู้สึกตกใจ

 

ชู ซาน ยืนขึ้นอย่างดุเดือด เพลิงสีดำปรากฏขึ้นในดวงตาของ เจียง หลี่ เขารู้สึกกดดันราวกับว่ามีภูเขาใหญ่กดทับร่างกายทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นี่เป็นเเรงกดดันทางจิตวิญญาณเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้เลย

 

"ผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งนั้นจะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้ไม่ว่าจะเป็นดอบหรือหอกสิ่งอันตรายในป่าหรือเเม้เเต่ไม่รู้สึกเสียใจที่สามารถรอดตายมาได้!"ชู ซาน กล่าวเดินไปรอบๆด้วยท่าทีที่ผ่าเผย

 

"ใครที่ยุ่งกับหัวใจของฉันฉันก็จะฆ่า!"

 

"ใครที่ยุ่งเกี่ยวกับจิตใจของฉันฉันก็จะฆ่า!"

 

"คนที่หลอกลวงใจฉันฉันก็จะฆ่า!"

 

"คนที่ทำให้หัวใจของฉันสับสนฉันก็จะฆ่า!"

 

"ผู้ที่ย่ำยีหัวใจของฉันฉันก็จะฆ่า!"

 

"ใครก็ตามที่คิดจะหยุดฉันฉันก็จะฆ่า!"

 

คำว่า "ฆ่า"นั้นถูกพ่นออกมา 7 ครั้งจากปากของ ชู ซาน เจียง หลี่ รู้สึกตกใจมาก เขามองเห็นจิตวิญญาณที่เเข็งเเกร่งของคนคนนี้ทันที หัวใจก็เหมือนกับดาบที่เเหลมคมหากเราเข้าถึงมันมันก็สามารถสร้างความปราถนาที่ทำให้เราไม่ย่อท้อได้

 

ใครก็ตามที่คิดจะหยุดฉันฉันก็จะฆ่า!

 

"เจียง หลี่ เเม้ว่าเธอจะมีพรสวรรค์ เเต่ความคิดของเธอยังอ่อนเเอเกินไป สภาพจิตใจนั้นเป็นผลของขีดจำกัด เเม้ว่าเธอจะใช้ทรัพยากรบ่มเพาะพลังได้อย่างไม่จำกัดก็ตาม"ด้วยความรวดเร็ว ชู ซาน กล่าวถึงจิตวิญญาณของ เจียง หลี่ ที่ไม่มั่นคง"อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ก็เหมือนกับเธอ พวกเขาไม่เคยสัมผัสความผันผวนของมนุษย์โลก ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นคนจิตใจสะอาดเเละทำให้จิตวิญญาณเกิดความขี้ขลาด เมื่อเธอสับสนนั่นจึงเป็นเหตุให้เธอไม่มั่นคง สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้ก็คือจิตวิญญาณที่เเข็งเเกร่ง เเต่ตอนนี้จิตวิญญาณของเธอไม่ได้เเสวงหา เต๋า เเห่งความเเข็งเเกร่งเเม้เเต่น้อย!"

 

"จิตวิญญาณที่เเสวงหา เต๋า ..."เจียง หลี่ ทวนคำคำนี้หลายๆครั้ง เขานึกถึงการฆ่าเจ็ดครั้ง เเต่จิตวิญญาณของเขารู้สึกตกใจมาก

 

"ความปราถนาของคนจะช่วยให้เราเป็นดาบที่คมกริบได้"ชู ซาน กล่าว"ในวิหารเจดีย์เเห่งนึง มีนักปราชญ์ที่ชื่อ ซือ ฮวง เขานั่งสมาธิไปกว่า 2 ทศวรรษเพราะคิดว่าการนั่งสมาธินั้นจะได้รับความจริงของ เซน หนึ่งในสาวกของเขาคนที่ 6 ซวน ซี เขาได้ไปเยี่ยมเเละปฏิบัติตาม เเต่เขากลับนึกถามตัวเองว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่?เเต่จิตใจของเขากลับตอบสนอมงกับเขาว่าเขากำลังทำสมาธิโดยที่เขาไม่ได้นึกคิด!"

 

ชู ซาน หยุดเเละดื่มน้ำเล็กน้อย"เธอพอจะเข้าใจบ้างรึไม่? ถ้าเธอไม่มีจิตใจที่จะคิดเธอก็สามารถนั่งสมาธิได้ ยิ่งถ้าเธอมีความคิดด้วยเเล้วผลที่ได้มันจะมากขนาดไหน? นักปราชญ์ ซือ ฮวง เคยกล่าวไว้'ตราบใดที่ฉันนั่งสมาธิอยู่มันไม่สำคัญว่าความคิดในใจของฉันจะเป็นอย่างไร'ดังนั้น ซวน ซี จึงถามออกไปว่า เเล้วถ้าเราไม่ทำตามปราถนาของจิตใจจะเป็นอย่างไร เขาจึงตอบกลับไปว่า ผู้ที่ไม่ทำตามปราถนาของใจนั้นจะไม่สามารถบรรลุสิ่งที่คิดได้เเต่ถ้าเราทำได้โดยไม่คำนึงถึงบางอย่างนั่นถึงจะเป็นการฝึกฝนที่เเท้จริง เเล้วในตอนนั้นนักปราชญ์ ซือ ฮวง ที่เชื่ออย่างนั้นก็ได้นั่งฝึกฝนมาถึง 2 ทศวรรษ เเต่เขากลับพบว่าการฝึกฝนของเขานั้นไม่ก้าวกระโดด ดังนั้นเขาจึงไปถาม นักปราชญ์คนที่ 6 ฮุ่ย หนิง,ฮุ่ย หนิง กล่าวว่า หัวใจของเรานั้นบริสุทธิ์เเค่ในอุดมคติ ไม่ได้ว่าเเปลว่าเรานั้นบริสุทธิ์ใจจริง หากเราตั้งใจที่จะทำสิ่งใดเเล้วทำให้เราสะบายใจ โดยไม่สนอะไร นั่นถึง จะเรียกว่าบริสุทธิ์จริง จงขจัดความเเตกต่างระหว่าง มนุษย์ กับ ธรรมชาติ เพื่อเรารวมทั้ง 2 เข้าด้วยกันเเล้ว นี่คือการทำสมาธิที่เเท้จริง!"

 

หลังจากได้ยิน ชู ซาน กล่าวอธิบาย เจียง หลี่ ก็พอจะเข้าใจมาบ้าง"นักปราชญ์คนที่ 6 นั้นยังไม่ได้อธิบายชัดเจนเลย เขาตั้งใจจะสื่ออะไรกันเเน่?"

 

ชู ซาน พยักหน้า"นักปราชญ์คนที่ 6 นั้นอธิบายคำเหล่านี้กับนักปราชญ์คนที่ 2 ให้มีความเข้าใจถึงถ่องเเท้ เขาเชื่อว่าเเท้จริงเเล้วประโยคพวกนี้ก็คือการฟื้นฟูจิตวิญญาณภายในของตัวคุณ เขาเชื่อว่ามันเป็นภาพลวงตาที่สร้างมาจากจิตใจ มนุษย์ก็คือชุดเกราะที่คอยปกป้องจิตใจนี้ มันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่เป็นเกราะเเม้จะโดน ดาบ หรือ ขวาน โจมตี ร่างกายของเรานั้นจะเป็นดั่งภูเขา ไท่ซือ ที่เเข็งเเกร่งเเละงดงาม นี่คือประงค์ของ พระเจ้าผู้สร้าง จิตใจเเต่ละคนนั้นไม่สามารถละสิ่งที่ต้องการได้ จิตวิญญาณของคนเราจะเเน่วเเน่เเละรู้สึกถึงสิ่งต่างๆเเม้เเต่ชนิดของความเจ็บปวดที่มีต่อร่างกาย เเต่ถ้าจิตวิญญาณของเธอเเข็งเเกร่งขึ้นความเจ็บปวดเหล่านั้นจะเป็นเพียงเเค่ฝันเพราะแบบนั้นเขาถึงกล่าวว่าร่างกายของเรานั้นมันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้น!"

 

"ผมพอจะเข้าใจอยู่บ้าง!"เจียง หลี่ ตระหนักได้"ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมเขาถึงกล่าวให้ เรา หลีกเลี่ยงความฝันที่เราสับสนเพราะเราจะได้พบกับนิพพานที่เเท้จริง"

 

"ใช่จงหลีกเลี่ยงความฝันอันสับสนเพราะมันจะทำให้เราได้พบกับนิพพานที่เเท้จริง!"ชู ซาน กล่าวอย่างดุเดือด"เดิมทีจิตใจของเราก็ไม่มั่นคงอยู่เเล้ว การทำสมาธินั้นจะทำให้เรากำจัดสิ่งรบกวนในจิตใจได้ เราจะต้องเเยกระหว่างความเป็นจริงเเละภาพลวงตา!"

 

"เธอจะต้องมองย้อนตัวเองว่าตัวเองนั้นคือโลก เมื่อถึงตอนนั้นเธอจะได้รู้จักนิพพานที่เเท้จริง!"

 

"การทำสมาธิก็เป็นส่วนหนึ่งของความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองของโลก จิตใจก็คือตัวหลักส่วนร่างกายก็คือตัวเเปร ทุกชนิดของความเจ็บปวดบนร่างกายล้วนว่างเปล่าในความเป็นจริง!"

 

"เมื่อเธอฝันถึงว่าตัวเองกำลังถูกฆ่า เเต่เธอกลับไม่ได้ถูกฆ่าจริงๆ"

 

"เมื่อเธอเปลี่ยนมุมมองเป็นโลกทุกความเจ็บปวดนั้นจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะไปถึงอาณาจักรเเห่งการทำสมาธิ ทำไมพระเจ้าถึงเลือกตัดส่วนเนื้อของตัวเองเพื้อเลี้ยงนกอินทรีย์เเละเสียสละตัวเองให้กับเสือ? เพราะเขารู้ว่าทุกอย่างคือความฝัน เมื่อเธอรู้ว่าทุกอย่างเป็นความฝันเเม้เธอจะสละชีวิตให้กับนกอินทรีย์หรือเสือ เธอก็ไม่รู้สึกกังวลอะไร!"

 

เจียง หลี่ รู้สึกตระหนัก!"ดังนั้นพระองค์จึงกล่าวว่าร่างกายนั้นเป็นเลือดเนื้อหัวใจนั้นคือตัวหลัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนสร้างจากความฝัน"เเต่เขายังรู้สึกสงสัย"เช่นนั้นทำไมเราถึงซ่อมเเซมเเค่ร่างกายได้ไม่สามารถซ่อมเเซมจิตใจที่ตายลงได้? จิตวิญญาณที่บริสุทธินั้นยากที่จะดับสลาย ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นจริง มันจะไม่ขัดต่อหลักการในทางปฏิบัติหรอกหรือ?"

 

จิตวิญญาณก็คือดวงวิญญาณของตัวเรา

 

เมื่อผู้หนึ่งสามารถฝึกฝนให้จิตใจบริสุทธิ์ได้พวกเขาจะสร้างโลกของตัวเองที่สามารถเข้าไปอาศัยได้

 

ทฤษฏีทั้ง 3 นั้นกล่าวว่า ร่างกายที่ไม่มีจิตวิญญาณจะไม่รู้สึกถึงอะไรเลย เเต่ถ้าเราเชื่อมจิตใจกับจิตวิญญาณได้มันก็จะสร้างสะพานที่เชื่อมต่อโลกความจริงกับภาพลวงตา!

 

เเต่สิ่งที่นักปราชญ์คนที่ 6 กล่าวนั้นคือ เขาไม่สนใจเกี่ยวกับร่างกาย

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันจะขัดต่อหลักปฏิบัติในทางเป็นจริงไม่ใช่หรือ?

 

กลุ่มลับถึงตอนที่ 210 ต้องการติดตามต่อติดต่อที่  Emperor Of The Cosmos - นิยายแปล

2 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด