Chapter 94 -ลั่วเทียนแพ้
Chapter 94 -ลั่วเทียนแพ้
ตามสัตย์...
การปรากฏตัวของซูซางเฟย ทำให้ลั่วเทียนไม่อาจป้องกันได้.
จุดมุ่งหมายของเขาในการฝึกฝนในเทือกเขาวิญญาณเพื่อจะจัดการกับซูเหยาซงผู้ซึ่งอยู่ในระดับปราณเชี่ยวชาญ ขั้น 9.
ลั่วเทียนไม่เคยคิดเลยว่าซูซางเฟยจะปรากฏตัวอย่างฉับพลัน!
ซูซางเฟยยังอยู่ในระดับปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 แต่พลังของเจาแกร่งกว่าของซูเหยาซง นี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากซ่งหยวนหนานได้พ่ายแพ้ในไม่ถึง 10 กระบวนท่า.
ดังนั้นความกดดันของซูซางเฟยทำให้ลั่วเทียนอึดอัดไม่น้อย.
ฝูงชนทั้งหมดรอบๆเวทีกำลังรอคำตอบของลั่วเทียน.
“ลั่วเทียน ขึ้นไป.”
“ขึ้นไป!”
“ไปสู้!”
ฝูงชนเริ่มแหกปากเนื่องจากพวกเขาอยากเป็นคนที่เป็นหนึ่งในเมื่อภูเขาหยก.
ใบหน้าของซูซางเฟยเต็มไปด้วยความเย็นชา“ว่าไง? เจ้ากลัว? เจ้าไม่กล้า?”
ลั่วเทียนหัวเราะออกมา“ข้ากล้าแม้กระทั่งสังหารสาวกของนิกายเมฆคราม มีอะไรที่ข้าไม่กล้า?”
หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น...
เขาก็หันไปมองหลี่ซูเอ๋อร์และพูดเบาๆ“สาวน้อย นำทุกคนกลับไปที่ตระกูลลั่วก่อนจากนั้นก็ให้คนในตระกูลลั่วอพยพไปและซ่อนตัวในเทือกเขาวิญญาณ.”
“ข้าได้เตรียมการบางอย่างในเทือกเขาวิญญาณ ดังนั้นบอกพวกเขาด้วยว่าไม่ต้องกลัว.”
ก่อนที่ลั่วเทียนจะออกจากเทือกเขาวิญญาณเขาได้สร้างหุ่นเชิดอีกสองตัวเป็นสัตว์สงคราม แม้ว่าพลังของมันจะไม่ทรงพลังเท่ากับมังกรผี แต่ทั้งสองก็เป็นบอสอยู่รอบนอก การป้องกันตระกูลลั่วไม่กี่ร้อยก็ไม่เป็นปัญหาเลย.
นี่คือการเคลื่อนไหวสำรองของเขา.
เนื่องจากเขาเป็นเสาหลักของตระกูลลั่ว เขาต้องพิจารณาอนาคตของตระกูลกับสมาชิกที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ นั่นคือความรับผิดชอบของเขาในฐานะผู้นำตระกูล.
หลี่ซูเอ๋อร์ขมวดคิ้วและพูด“พี่ลั่วเทียน ข้าจะไม่จากไป”
ชุนชุนก็พูดเสริมอย่างรวดเร็ว“ชุนชุนก็ไม่จากไปกับพี่ใหญ่ลั่ว.”
สาวกหลายคนของตระกูลลั่วก็พูดเหมือนกัน“นายท่าน พวกข้าก็ไม่ไปเหมือนกัน.”
ลั่วเทียนได้ชนะพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้มันถึงจุดที่จะตกตายกันได้ทั้งหมดไม่มีใครยินดีที่จะใช้ชีวิตอย่างน่าละอายอีกต่อไป ต้องการให้พวกเขาทิ้งลั่วเทียนไว้เบื้องหลัง ขณะที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาวิญญาณ มันเป็นอะไรที่ใช้ไม่ได้.
ลั่วเทียนได้สัมผัสกับเรื่องนี้ได้อย่างบังเอิญ.
อย่างไรก็ตามเวลานี้...
ซูเหยาซงก็ตะโกนขึ้น“บรรดาสาวกตระกูลซูจงฟัง! ล้อมรอบพวกเขาให้หมด ใครกล้าที่จะออกไป ฆ่าทันที!”
“ทราบ!”
บรรดาสมาชิกตระกูลซูเริ่มล้อมรอบสมาชิกตระกูลลั่วและจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา.
จิตใจของลั่วเทียนจมดิ่งและยิ้มอย่างขมขื่น“แม้ว่าตอนนี้เราต้องการวิ่ง มันก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป”
“นายท่าน แค่ออกไปสู้กับมัน”ถูกต้องนายท่าน เราสามารถเอาชนะมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเรา!“...”
ไม่มีสมาชิกคนใดในตระกูลลั่วที่หวาดกลัว พวกเขาปล่อยความตั้งใจสู้ออกมาจากร่างกายของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาวกชั้นสูงทั้ง 10 คนที่เข้าไปฝึกฝนในเทือกเขาวิญญาณ พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างจะดื่นเต้นและกำลังรอคำสั่งของลั่วเทียน.
ความคิดของลั่วเทียนหมุนวนไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะกล่าวว่า“ถ้าเกิดข้าตายบนเวที ข้าอยากให้พวกเจ้าฝ่าวงล้อมนี้ ถ้าเป็นไปได้ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะปกป้องน้องซูเอ๋อร์และชุนชุน เพราะข้าไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง.”
ลั่วเทียนไม่มั่นใจ!
เพียงแค่แรงกดดันจากซูซางเฟยเพียงอย่างเดียว ลั่วเทียนก็รู้สึกว่าตนไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับซูซางเฟยได้.
การบ่มเพาะของลั่วเทียนอยู่ที่ปราณเชี่ยวชาญขั้น 6 หลังจากที่ออกมาจากเทือกเขาวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในการฆ่าซูเหยาซงหากว่าพวกเขาเผชิญหน้ากัน แต่การจัดการกับซูซางเฟยที่อยู่ในระดับปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 เขาไม่ได้มีความมั่นใจแม้แต่น้อย.
ดวงตาของลีซูเอ๋อร์เริ่มแดงและมีน้ำตาออกมา เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้“พี่ใหญ่ลั่วเทียน ท่านต้องการให้ข้า…”
“ไม่จำเป็น!”
ลั่วเทียนปฏิเสธแม้ว่าเขาจะประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของหลิงหานซาน ไม่มีทางที่ซูซางเฟยที่จะต่อกรกับเธอได้.
แต่...
ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆในโลกใบนี้ ทุกอย่างที่ได้มาล้วนมีเงื่อนไข ลั่วเทียนไม่ต้องการให้หลี่ซูเอ๋อร์ทำอะไรที่ผิดเงื่อนไขเหล่านั้น.
“ไม่ต้องกังวลผู้นำ แม้ว่าต้องใช้ชีวิตของตาเฒ่าคนนี้ ข้าก็จะปกป้องพวกเขาให้พ้นจากที่นี่”ลั่วคุนซานพูดผ่านร่องฟันพลางขมวดคิ้ว.
บรรดาสาวกของตระกูลลั่วต่างมีสายตาที่มั่นคง.
ลั่วเทียนยิ้มปลอกประโลมและแตะจมูกของเขาก่อนที่จะปาดน้ำตาที่แก้มของหลี่ซูเอ๋อร์จากนั้นก็บอกเธอว่า “เด็กโง่ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ถ้าข้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเจ้าก็ต้องมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขในทุกๆวันของเจ้า.”
บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด.
ชุนชุนกอดต้นขาลั่วเทียนและพูดพึมพำในปากของเธอ“ชุนชุนไม่ต้องการให้พี่ใหญ่ขึ้นไปบนเวที พี่ใหญ่ไม่อาจทิ้งให้พี่สาวซูเอ๋อร์และชุนชุนอยู่อย่างโดดเดี่ยว”
ลั่วเทียนลูบผมชุนชุนอย่างแผ่วเบา
.
บนเวที...ซูซางเฟยตะโกนอย่างร้อนใจ“ลั่วเทียนไอ้สุนัขพันธ์ทาง เจ้าจะขึ้นมาบนนี้ได้หรือยัง?”ตาของลั่วเทียนกลายเป็นเย็นชาขณะที่เขาเดินและจ้อมองซูซางเฟยและพูดออกไปว่า“เจ้าจะรับไปเกิดใหม่หรืออย่างไร?”
หลังจากนั้น...
ร่ายกายของเขาก็แว่บมาปรากฏบนเวที.
ฝูงชนที่อยู่รอบๆเริ่มตื่นเต้น.
“555...การแสดงดีๆกำลังเริ่มขึ้นแล้ว.”
“ข้าเดิมพันว่าซูซางเฟยชนะ.”
“ข้าเดิมพันว่าลั่วเทียนไม่อาจต้านทานได้เกินกว่า 3 กระบวนท่า.”
“ซ่งหยวนหนานยังพ่ายใน 10 กระบวนท่า ในความเห็นของข้าซูซางเฟยจะจัดการลั่วเทียนภายในกระบวนท่าเดียว”
ซูซางเฟยชักดาบออกมาและร่างกายของเขาก็เริ่มแผ่แรงกดดันอย่างรุนแรง ในขณะที่ความกดดันเริ่มที่จะกดดันลั่วเทียนอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เช่นเดียวกับคลื่นแห่งความรังเกียจ ซูซางเฟยก็พูดขึ้น“ในที่สุดเจ้าก็มา ไม่ต้องกังวล ข้าจะดูแลสองสาวนั่นอย่างดีหลังจากที่เจ้าตาย ข้าจะให้พวกนางรู้สึกราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ 555…”
ลั่วเทียนไม่อาจต้านทานแรงกดดันของปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 ได้อย่างเต็มที่.
ความกดดันที่พุ่งเข้ามาในจิตใจของเขา
หัวใจของลั่วเทียนรัดแน่น“
แก่นปีศาจสังหาร ไม่ใช่ว่าถึงเวลาที่เจ้าจะแสดง?”ทันใดนนั้น...
ราวกับว่าได้ยินคำเรียกร้องของลั่วเทียน
แก่นปีศาจสังหารก็เกิดเสียงดังออกมา ภาพที่โกลาหลวุ่นวายปรากฏภายในใจของลั่วเทียน.แก่นปีศาจสังหารเป็นเหมือนกับกองทัพที่ต่อต้านการบุกรุกจากแรงกดดัน.
สิ่งที่ประหลาดที่สุด...
สิ่งนี้ถูกเรียกว่าเจตสังหารกองทัพของลั่วเทียนที่เริ่มรุกไล่และกลืนกินและกดดันและทำให้เจตสังหารกองทัพเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้น.
สิ่งอะไรที่กำลังเกิดขึ้น?
นี่เป็นแก่นปีศาจสังหารถูกไหม?
ลั่วเทียนมึนงงและสับสน.
ซูซางเฟยรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้และขุ่นเคืองอย่างลับๆ แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาราวกับเทโคลนลงทะเลซึ่งมันทำให้เขาโกรธมาก.
หลังจากนั้น...
เขาเก็บแรงกดดันของเขาและเริ่มใช้ดาบที่เขาภาคภูมิใจหับฉีอย่างมาก ร่างของเขาแว่บขึ้น.
“ทักษะดาบสวรรค์!”
ดาบถูกแทงออกมาและดาบก็คล้ายกับดาวตกที่ตกลงมาเต็มท้องฟ้าที่พร้อมจะบดขยี้ลั่วเทียน.
ตาของลั่วเทียนหดเกร็งและคำรามออกมา“Level 2 Berserk!”
“วู่มมม~!”
ได้ยินเสียงจากภายในที่ดังออกมาความสามารถสี่เท่าก็ระเบิดอีกครั้ง กลิ่นอายร่างกายของลั่วเทียนเปลี่ยนไปเขาวิ่งไปเบื้องหน้าและแทบจะรอซูซางเฟยเข้ามาไม่ไหว
“พยัคฆ์จู่โจม!”
“สายฟ้าโจมตี!”
หมัดของเขาเกิดเสียงดั่งฟ้าร้องและเขาก็พุ่งเข้าไปยังช่องว่างของดาบทันทีที่มันปรากฏ.
“ฮึ่มม!”
“เจ้ากล้าที่รับดาบยะเยื้อกด้วยมือเปล่างั้นรึ?หาที่ตาย!”ซูซางเฟยตะโกนอย่างดุร้าย ดาบของเขากลับกลายเป็นเงาเหมือกับดอกไม้ที่ทำจากดาบโดยมีดาบฉีล้อมรอบและแทงเข้าไปที่หมัดลั่วเทียนทั้งสิบแปดดาบ
“ตรึงจุดเดียว!”
เปลี่ยนการเคลื่อนไหวในนาทีสุดท้าย?!เขาเป็นสาวกนอกที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายเมฆคราม.พรสวรรค์ในการต่อสู้ของซูซางเฟยเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆเพราะเขาสามารถเปลี่ยนท่าทางได้ในเวลาอันสั้น เมื่อถึงจุดนี้ลั่วเทียนกลายเป็นสับสน.
แต่...
“
เสือ-สิงห์คำรามขยี้วิญญาณ!“โฮกกกกก~”
คลื่นเสียงก็ดังสนั่นออกมา.
ซูซางเฟยสะดุ้งและพูดกับตัวเอง “ข้าไม่คิดว่าเศษขยะอย่างมันจะมีทักษะการต่อสู้เป็นจำนวนมาก ถ้าข้าไม่กำจัดเขาในวันนี้ มันจะเป็นเรื่องลำบากใจอนาคต.”
“ตายซะ!”
ช่วงเวลาที่คลื่นเสียงดังระเบิดออกมาซูซางเฟยละทิ้งความคิดที่จะปกป้องจิตใจของเขา การสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขาเพราะอย่างนั้นเขาจึงใช้เงาอาวุธมากมายเหล่านั้นสลายมัน.
ดาบทั้งสิบแปดเหล่านั้นเจาะเจ้าไปในจุดๆเดียวของลั่วเทียน.
การไหลเวียนเลือกในร่างกายของลั่วเทียนก็ถูกผนึกการเคลื่อนไหวทันที ความรู้สึกที่แทบทนไม่ได้เช่นเดียวกับอยู่บนเขียงโดยชะตากรรมของเขาขึ้นอยู่กับคนอื่น.
ในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ลั่วเทียนได้พ่ายแพ้!
ความแตกต่างของความแข็งแกร่งมีช่องว่างอย่างมาก.
ซูซางเฟยเริ่มหัวเราะอย่างสบาย ดวงตาและสีหน้าองเขาแสดงถึงความรังเกียจอย่างสมบูรณ์ “5555 ขยะก็เป็นขยะวันยังค่ำ เจ้าต้องการที่จะสู้กับข้า?เจ้ามีคุณสมบัติใดสู้กับข้า 5555…”
เขากำลังจะตายเร็วๆงั้นหรือ?
ในเวลานั้น...
ลั่วเทียนที่อยู่ในโลกแห่งการฆ่าและเบื้อหน้าของเขาคือดาบที่เปียกโชกด้วยเลือด นี่เป็นดาบที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า - ดาบดื่มโลหิต!