ตอนที่17 ตลาดเทียนหย่างและตระกูลวู่
นี่น่ะเหรอ ตลาดเทียนหย่าง?
ชิบะน้อยได้ยืนอยู่บนถนนของตลาดเทียนหย่างและได้มองความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง แล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นภาพอะไรแบบนี้ ถึงแม้ว่าตลาดเทียนหย่างจะไม่ดีเท่าเมืองเล็กๆในชีวิตก่อนหน้า แต่อย่างน้อยเขารู้สึกว่าเขาอยู่ในโลกที่มีความเจริญขึ้น ตลาดแห่งนี้ดีกว่าหมู่บ้านเล็กๆที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
สามวันก่อนลุงของเขาได้มาหาครอบครัวของเขาและพูดเรื่องการเริ่มหาเลี้ยงตัวเองของชิบะน้อยและเจ้ากางเกงใน ชิบะน้อยจะต้องออกเดินทางและเริ่มหาเลี้ยงตัวเอง เฒ่าโจวก็เห็นด้วย
ถึงแม้ว่าครอบครัวในตอนนี้จะมีชีวิตที่อยู่ดี แต่เขาก็ต้องเห็นด้วยกับการที่ลุงเสนอมา ตั้งแต่มีบุตรทั้งสี่คน เจ้ากางเกงในและชิบะน้อยนั้นก็โตขึ้นดังนั้นร่างกายของพวกเขาก็จะต้องการอาหารมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าชิบะน้อยจะทานอาหารไม่ได้เลยหากไม่มีเนื้อสัตว์ดังนั้นหากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจะทำให้เฒ่าโจวกลายเป็นคนยากจนเพราะความอยากอาหารของชิบะน้อยหากเขาไม่ได้อยู่ในครอบครัวหวังเทียนเหล่ย
จึงได้ใช้โอกาสนี้เพื่อส่งพวกเขาไปยังข้างนอก แม้ว่าครอบครัวจะไม่ต้องการอยากให้เขาช่วยเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็อยากให้ลูกๆของเขาได้รับโอกาสแบบนี้ ตลาดเทียนหย่างนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากถนนเลียบไปประมาณ20-25กิโลเมตร ไม่มีใครกังวลใจมากเท่าไหร่หลังจากที่ได้อธิบายอย่างละเอียด เฒ่าโจวได้ตกลงกับลุงของพวกเขาเพื่อให้ชิบะน้อยได้เริ่มต้นสร้างทางของชีวิตตัวเอง
“ฮ่าๆ นี่สินะตลาดเทียงหย่างที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มมังกรทมิฬ จากความทรงจำของชายแก่ที่ตายไปแล้ว พลังของพวกมังกรทมิฬนั้นกำลังอ่อนแอดังนั้นพวกเขาอาจจะมีความตั้งใจที่จะใช้สถานที่แห่งนี้!”ชิบะน้อยยิ้มแย้มไปทั่ว แม้ว่าเขาจะมีความทรงจำเพียงบางส่วนของ หลี่ฮาวเล่อ แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของ หลี่ฮาวเล่อแห่งมังกรทมิฬ อย่างลึกซึ้งและความรู้สึกนี้ยังส่งผลต่อเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงสนใจในกลุ่มมังกรทมิฬเป็นพิเศษ
แต่ด้วยอายุและสถานะปัจจุบันของเขาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้นยังไม่สามารถจะมีส่วนร่วมกับกลุ่มๆนี้ได้
“ชิบะน้อยนั้นคือเด็กฝึกงานของร้านเครื่องเหล็กของตระกูลวู่ เจ้าต้องทำตัวดีๆและเรียนรู้ทักษะหลัวจากที่มาอยู่ที่นี้ ข้าได้ขอให้ผู้มีอิทธิพลหลายคนเพื่อให้เจ้ามาอยู่ที่นี้ได้นะ อย่างทำให้ผิดหวังล่ะ!”
ศีรษะของชิบะน้อยตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำที่ลุงพูดอย่างจริงจัง ชิบะน้อยได้พยักหน้าด้วยรอบยิ้มเล็กๆที่ประดับอยู่ในใบหน้าของเขา เราประพฤติตัวดีมาตลอดซึ่งเป็นที่พอใจของลุงมาก
“ฮ่าฮ่า ข้าแทบจะลืมชื่อจริงของเจ้าไปเลยนะเนี่ยโจวเป่า!”ลุงของเขาดูเหมือนจะระลึกอะไรได้บางอย่างและเริ่มหัวเราะและได้ลูบหัวของชิบะน้อย “พ่อขอองเจ้าตั้งชื่อให้ดีจริงๆแต่ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ตัวน้อยๆแล้วนะ ต่อจากที่ไปเจ้าคือ สิงห์น้อย!”
ไม่ว่าจะชื่อชิบะน้อยหรือสิงห์หนุ่ม เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะเรียกเขาว่าอะไร แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สบายใจที่มีคนมาลูบศีรษะของเขา
ร้านเครื่องเหล็กของตระกลูวู่ นั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในตลาดเทียนหย่าง ในความเป็นจริงทุกคนในตระกูลวู่นั้นมีชื่อเสียงมากใน เมืองยูนโจวแห่งจักวรรดิจิน
ตระกูลวู่ในเขตเยอห่าวนั้นเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักตีเหล็ก
ช่างตีเหล็กนั้นจะมีความแข็งแรงมากกว่าช่างฝีมือสามัญทั่วไป
อย่างไรก็ตามจะมีเกรดและระดับต่างๆของช่างฝีมือ เมื่อช่างตีเหล็กนั้นสามารถตีอาวุธได้พวกเขาจะได้รับคำยกย่องว่าเป็นช่างฝีมือที่มีฝีมือดีเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อช่างฝีมือสามารถสร้างอาวุธได้ด้วยตนเองเขาจะได้เป็นระดับหัวหน้าและไม่ต้องออกแรงแข่งขันกับคนอื่นๆ เพื่อสร้างระฆังเหล็กหรือขึ้นรูปโลหะเพียงอย่างเดียวในร้านตีเหล็กทั้งวันที่สุดแสนจะโหดร้ายเหมือนก่อน ระดับหัวหน้าเหล่านั้นจะเป็นเหมือนกับ เจ่งชี่ และ โมยี้(ช่างตีเหล็กชื่อดัง) ในตำนานโบราณนั้นได้กลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของข้าราชการระดับสูงและขุนนางชั้นสูง ที่ให้ช่างตีเหล็กชื่อดังเหล่านี้ตีอาวุธให้โดยเฉพาะและใช้วัสดุที่หาได้ยาก ซึ่งไม่มีในร้านตีเหล็กทั่วไป บางทีตลอดชีวิตของเขาอาจจะสร้างสุดยอดอาวุธแค่ชิ้นถึงสองชิ้นเท่านั้นก็ทำให้ตระกูลของเขานั้นมีชื่อต่อๆไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน
ตระกูลวู่นั้นมีเทคนิคเฉพาะและเป็นเทคนิคลับของตระกูลที่เป็นที่สืบทอดกันมาของหัวหน้าตระกูลมาหลายชั่วอายุคน เป็นตระกูลที่สามารถสร้างตัวและฐานะสูงกว่าตระกูลทั่วๆไป
ร้านเครื่องเหล็กของวู่ในตลาดเทียนหย่างนั้นเป็นเพียงสาขาเล็กๆของตระกูล ในเมืองยูนโจวทุกเมืองจะมีร้านเครื่องเหล็กของตระกูลวู่ ตระกูลวู่นั้นผูกขาดถึง70%ในธุรกิจเครื่องเหล็กใน ยูนโจว ในขณะที่เครื่องเหล็กของตระกูลวู่นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากและนออกเมืองยูนโจวนั้นตระกูลวู่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งจักวรรดิจิน
แม้ตระกูลวู่จะเป็นตระกูลที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ในยอดฝีมือช่างตีเหล็กนั้นนั้นไม่ใช่ทั้งหมด มันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากในกลุ่มของช่างฝีมือนั้นจะมีแค่ตระกูลวู่ แต่ตระกูลวู่นั้นได้ผลิตสิค้าออกมาจำนวนมากและยังดูแลร้านเหบ่านี้ทั้งหมดรวมไปถึงการจัดหาวัตถุดิบทั้งหมดอีกด้วย แม้ว่าพวกผู้อวุโสในตระกูลจะมีอายุมากกว่า70ปีที่ยังคงทำงานอยู่ แต่ตระกูลวู่อาจจะสูญสิ้นก็เป็นได้
ตระกูลที่มีชื่อเสียงในการตีเหล็กนั้นได้รับคัดเลือกสาวอย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำพูดที่เอาไว้หลอกล่อเหยื่อเท่านั้นและเกิดขึ้นเป็นประจำ ทักษะขั้นสูงและทักษะลับที่แท้จริงนั้นไม่ได้รับกันง่ายๆและได้รับการดูแลจากสมาชิกหลักของตระกูลเท่านั้น มีเพียงแค่สองถึงสามคนเท่านั้นที่เป็นผู้อวุโสระดับสูงของตระกูลที่รู้และดูแลทักษะลับนั้น
ในขณะเดียวกันโจว เป่าเป็นเพียงเด็กฝึกงานคนหนึ่งที่ทำงานในร้านเครื่องเหล็กสร้างรายได้รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของตระกูลวู่ในยูนโจวมีร้านขายเครื่องเหล็กมากมายหลายแห่งเช่นเดียวกับตระกูลวู่ที่เป็นช่างตีเหล็กมาหลายรุ่น และพวกเขานั้นล้วนแต่เป็นสาวกของตระกูลวู่
การเป็นลูกศิษย์ของวู่นั้นทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้เป็นช่างฝีมือซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เล่อค่ามากสำหรับเด็กฝึกงานในร้านเครื่องเหล็กวู่ แต่นั้นไม่ใช่สิง่ที่โจวเป่าได้ใฝ่ฝันไว้ เขาไม่สนใจที่จะตีเหล็กและดูแลเรื่อองบัญชีของทางร้านเท่านั้น ขณะที่พวกเขากล่าวว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับการฝึกและชอบที่จะฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเดียว เมื่อเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นเขาจำเป็นที่จะต้องกินเนื้อสัตว์จำนวนมากเพื่อเป็นพลังงานให้กับเขา นั้นเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถทานอาหารได้หากขาดเนื้อสัตว์และนั้นก็เป็นสาเหตุใหญ่ของเฒ่าโจว อย่างไรก็ตามงานที่ต้องใช้แรงอย่างมากในการตีเหล็กอย่างร้านเครื่องเหล็กของตระกูลวู่นั้นยังกินพลังงานจำนวนมากและต้องการร่างกายที่แข็งแรงพอ ดังนั้นแม้แต่เด็กฝึกงานเล็กๆก็ยังมีเนื้อมาเสิร์ฟสำหรับอาหารทุกมื้อ ด้วยวิธีที่ได้รับมานั้นทำให้เขาได้รับการแก้ไข
การประชุมเชิงปฎิบัติของตลาดเทียนหย่างส่วนใหญ่จัดขึ้นในทางตอนใต้ของเมือง แต่ร้านขายเครื่องเหล็กของตระกูลวู่มันต่างกัน มันตั้งอยู่ในใจกลางเมืองซึ่งเป็นส่วนที่เจริญที่สุดในเมือง
ร้านขายเครื่องเหล็ก ประกอบด้วยเครื่องตีเหล็กด้านหลังของร้าค้าและจำหน่ายไว้ด้านหน้า เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเทียนหย่าง
แม้ว่าจะเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในตลาดทั้งหมด แต่ตลาดเทียนหย่างก็เป็นเพียงสถานที่เล็กๆและร้านค้าก็ยังไม่ใหญ่พอสำหรับตระกูลวู่ สิงห์น้อยได้ยินเสียงคนที่ตีเหล็กจากด้านหลังร้านและเขาได้เห็นภาพคนเหล่านั้นที่มีเหงื่ออาบทั่วตัวตีเหล็กอยู่ทั้งวัน
“นี่ หัวหน้าคนใช้หลิน นี่เป็นหลานชายข้าเองอาจจะดูอ่อนเยาว์ไปสักหน่อย แต่เขานั้นแข็งแกร่งเหมือนวัว!”
ลุงของสิงห์น้อยนั้นยิ้มต่อหน้าเพื่อนวัย60ปีและได้ลากสิงห์น้อยไปยังหน้าเขา
“ดี ไม่เลวเลยนิ!”หัวหน้าคนใช้หลินมองไปยังสิงห์น้อย “มันไม่เลวเลยล่ะ สำหรับร่างกายเช่นนี้ในวัยของเจ้าน่ะ”จากนั้นหัวหน้าหลินก็หันไปพูดกับลุงของสิงห์น้อยว่า “เจ้าไปที่ทำสัญญาการฝึกงานและหากทำเสร็จแล้วก็พาเขามาพบข้าที่นี่ ข้าจะพาไปพบกับเพื่อนเก่าข้าอย่างฉินที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่น่ะ ยิ่งกับคนแปลกหน้าแล้วด้วย”
“ใช่แล้วล่ะ!”ลุงของสิงห์น้อยได้จ้องไปยังสิงห์น้อยเพื่อย้ำเตือนเขาอีกครั้ง เนื่องจากยังคงมีเวลาอยู่มากเขาจึงไม่จำเป็นที่จะเร่งรีบและรอให้ลุงของสิงห์น้อยได้เตือนเขาเสร็จจากนั้นก็เดินเข้าไปในร้าน
แม้ว่าตระกูลวู่นั้นจะเป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่มีสาขามากมาย ตลาดเทียนหย่างเป็นสถานที่เล็กๆจากทั้งหมด โดยลูกค้าทั่งไปคือชาวกรุงที่ไม่ได้เข้มงวดอะไรกับเครื่องเหล็กมากนัก พวกเขาส่วนใหญ่ต้องการจะซื้อมีดเพื่อไปทำครัวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่เข้มงวดกับเครื่องเหล็กอะไรมาก ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงินที่จะซื้อของตระกูลวู่แต่ เครื่องเหล็กของตระกูลวู่นั้นขายแพงกว่าเครื่องเหล็กร้านอื่นๆถึง 10ถึง 20% ดังนั้นธุรกิจที่นี่จึงมีข้อจำกัด
อย่างไรก็ตามแหล่งลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดคือจอมยุทธที่เข้ามาจากหุบเขา จอมยุทธเหล่านั้นจะใช้เมืองเล็กๆอย่างตลาดเทียนหย่างในการพักผ่อน ตระกูลวู่มักจะเกี่ยวข้องกับพวกเขา
แน่นอนว่าตระกูลวู่นั้นยังรับคำสั่งจากลูกค้าทั่วไป แต่ไม่ใช่จำนวนมากนักที่รับคำสั่งทำของทั่วไปเนื่องจากคำสั่งเหล่านั้นส่วนใหญ่มีไว้สำหรับฝึกหัดเพื่อฝึกทักษะของพวกเขา
หลังจากที่หัวหน้าพ่อบ้านหลินได้พาสิงห์น้อยเข้าไปยังร้านและเดินตรงไปยังข้างหลัง เสียงที่ดังออกมาก็ดังขึ้น ในที่สุดไม่มีเสียงใดๆนอกจากเสียงเหล็กถูกตี
“ใจเย็น มันเป็นแค่เสียง!”สิงห์น้อยรู้สึกอึดอัดกับเสียงเหล่านี้อย่างมาก จากที่เขาได้เคยฝึกหมัดไทเก๊กอย่างสงบ ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเราจะอยู่รอดในสถานที่แบบนี้ได้ไปตลอดทั้งวัน
ดูเหมือนว่าหัวหน้าพ่อบ้านหลินดูจะไม่สนใจว่าโจวเป่าคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นโจวเป่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อาจที่จะหัวเราะและได้ถามว่า “อะไรน่ะ?เจ้ากลัวงั้นรึ งานนี้มันไม่ได้ง่ายๆสำหรับเจ้าเลยนะ แล้วค่าที่ทำให้เจ้าอยู่ที่นี่มันก็ไม่น้อยเลยด้วย จำไว้!”
“ครับ ข้าเข้าใจแล้ว!”โจวเป่าได้พนักหน้าอย่างจริงจังขณะที่เขาเดินตรงไปเรื่อยๆ
“นี่เด็กฝึกงานที่เจ้าคัดเลือกมาในปีนี้งั้นรึ?”
หลังจากเข้าไปยังสนามหลังบ้าน จู่ๆก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ได้อย่างรุนแรงได้ได้พวยพุ่งเข้ามายังจมูกของสิงห์น้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเขา และได้เงยหน้ามองไปยังขายชราคนหนึ่งที่ถือขวดเหล้าอยู่ในมือและจ้องมองด้วยสายตาที่แปลกใจ
เพื่อนเก่าคนนี้อายุพอๆกับหัวหน้าพ่อบ้านหลิน แต่ร่างกายเขาใหญ่กว่ามาก อาจจะเป็นเพราะอายุของเขาหรือไม่ก็กล้ามเนื้อที่ดูใหญ่โตของเขาแต่ก็เหี่ยวเล็กน้อยยิ่งไปกว่านั้นพลังชี่และเส้นเลือดของเขานั้นไม่แข็งแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านมือขวาของเขาซึ่งมีรอยแผลเป็นที่ชัดเจนมากที่เริ่มตั้งแต่ข้อมือขวาจนไปถึงข้อศอกของเขา
“มือของเขาไม่สามารถใช้ได้?”โจวเป่ารู้สึกใจเต้นเล็กน้อยเมื่อใองไปยังแผลเป็นนั้น
แม้ว่าแผลจะหายดีแล้ว แต่แผลนั้นก็ทำให้รู้ได้ว่าเส้นเอ็นของชายชราผู้นี้ถูกตัดออกเป็นเวลานานแล้วความแข็งแรงของเขาจึงหายไป เขาอาจไม่สามารถตีเหล็กได้ ดูเหมือนว่าช่างตีเหล็กคนนี้จะสูญเสียมือขวาของเขาไปแล้ว
“นี่คือ ปรมาจารย์ฉิน เขาเป็นช่างฝีมือที่รับผิดชอบในการสอนเจ้า เจ้าควรทุ่มเทตั้งใจฝึกและอย่าทำให้ลุงของเจ้านั้นผิดหวัง!” หัวหน้าพ่อบ้านหลินได้กล่าวขึ้นและลูบหัวของสิงห์น้อยเบาๆ
......
.......