ตอนที่ 5 ทักษะไร้กระดูก จูจิสซึ
ตัดมาตอนกลางคืน เจียง หลี่ ก็ยังคง ให้อาหารเเมวอยู่ในสวน เเต่ตอนนี้เขารับรู้ได้เเม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของเเมลงที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่ม
***หวี่.....***
เสียง ยุงกระพือปีก
เสียงน้ำที่ตกลงบนยอดหญ้าอ่อน
หมอกควันที่ลอยตัวอยู่เหนือผืนเท้าของเเมวจรจัด
ฉากเหล่านี้ถูกตรวจพบโดยความรู้สึกของเขา
อีกทั้งสมองของเขายังคิดไปไกลเเละสะท้อนภาพของหนูที่คลานอยู่ในท่อระบายน้ำใต้ดิน
นี่เป็นลักษณะของจิตที่มีความเข้มเเข็งเเละเเข็งเเกร่ง
การฝึกจิตวิญญานนั้นเป็นเรื่องยากเขาเองก็เพิ่งเข้าสู่ ห้วงนิทรา ส่วนที่ 2 ถึงเเม้ว่าจะโดนเด่นมากในโรงเรียนเเต่ เจียง หลี่ ก็ยังคงห่างไกลจาก ส่วนที่ 3 มาก
การเข้าสู่ ห้วงนิทรา อย่างสมบูรณ์แบบ เเละการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด มันจะส่งผลให้ตื่นขึ้น เขารู้สึกว่าขั้นตอนที่ 3 ของการเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะที่ฝึกฝนไปด้วยนี่มันเเทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
"ดูเหมือนว่าคงจะอีกไม่นานที่พลังของฉันจะยกระดับขึ้นสู่ระดับ 0.9"
เจียง หลี่ รู้สึกว่าตัวเองนั้นพัฒนารวดเร็วเป็นอย่างมาก ด้วยระยะเวลาเพียงสั้นๆนั้นเขาจะต้องฝึกฝนอย่างรวดเร็วจนจบการศึกษาเเละทำให้นักเรียนทุกคนตกตะลึงในการสอบเข้า สถาบัน เเอสทรัล ของเขา
การบ่มเพาะพลังนั้นจะต้องเป็นไปทีละขั้นตอน เเม้ว่าเขาจะใช้หินเพื่อช่วยเข้าสู่การหายใจในครรภ์เเต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่เขาจะต้องคอยปรับปรุงเเละเสริมสร้างจิตวิญญานของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีวิธีการเปลี่ยนเเปลงพันธุกรรมที่สามารถสร้างยีนที่เเข็งเเกร่งให้มนุษย์ได้มันเป็นความลับขั้นสูงสุดของย่านชั้นสูง
การเปลี่ยนเเปลงพันธุกรรมนั้นเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์ เเน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับความเสี่ยง เเละมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากบางคนก็กลายเป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งมนุษย์พวกเขาสูญเสียการควบคุมเเละไล่เข่นฆ่าผู้คน
พลังชีวิตของ เจียง หลี่ ในตอนนี้คือ 0.8 เขาจะต้องพัฒนาศักยภาพร่างกายของเขาในระยะยาว
การหายใจในครรภ์นั้นช่วยให้เขาเพิ่มความยืดหยุ่นเเละความทนทานของร่างกาย ตอนนี้เขาสมารถฝึกพลังสมาธิได้เเล้วมันจะช่วยให้เขาฝึกทักษะต่อสู้ได้ดีขึ้น
***ย๊า ฮ๊า!!***
ในเวลากลางคืนในขณะที่คนนับไม่ถ้วนนั้นหลับสนิท ในสถานที่กำบังในสวนนั้น เจียง หลี่ กำลังฝึกกำปั้นเเละร่างกายของเขา เขาได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้โบราณที่เขาได้เรียนรู้มาจากโรงเรียน
เขาเช็ดเหงื่อออกพลันนั่งสมาธิ เเละอมหินเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็เข้าสู่สภาวะการหายใจในครรภ์เขารู้สึกว่าเซลล์ในร่างของเขานั้นกระพือปีกราวกับหายใจออกมา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาก็ตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เขาตรวจสภาพร่างกายของเขา เเละพบว่ารอยฟกซ้ำที่ได้รับระหว่างฝึกซ้อมนั้นหายไปหมดเเล้ว อีกทั้งยังรู้สึกยินดีเพราะพลังจิตวิญญานของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของขั้นเเล้ว
"ดีมาก ฉันได้เรียนรู้เนื้อหาทั้งหมดที่ฉันได้เรียนไปเเล้ว ตอนนี้ฉันต้องการเรียนรู้เนื้อหาที่ยากขึ้นกว่านี้?"เขาหยิบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออกจากกระเป๋าเเละกางมันออกทันใดนั้นก็ปรากฏภาพโฮโลเเกรมฉายภาพที่มีคนซ้อมทักษะออกมา
นักเรียนทุกคนนั้นใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อศึกษา เพราะมันเปรียบเสมือนมนุษย์ 3 มิติที่กำลังฉายให้เราดูอยู่จริงราวกับว่ามีอาจารย์กำลังสอนอยู่
นี่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับ C ที่เรียกว่า [ทักษะ ไร้กระดูก จูจิสสึ]
มันมีการเคลื่อนไหวเเปลกๆเช่นการบิดตัวเหมือนงูเเละการบิดคอ 180 องศา มันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ยากเเละลำบากมากอีกทั้งยังขึ้นชื่อมากในโรงเรียน
สิ่งนี้ถูกสร้างเมื่อนานมาเเล้วโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบ่มเพาะพลังในกองทัพพวกเขาได้รวบรวมศิลปะการต่อสู้โบราณเช่น โยคะ วูซู เเละ มวย เพื่อสร้างสิ่งนี้
สิ่งที่ เจียง หลี่ เรียนรู้มาจนถึงปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับ D
ทักษะการต่อสู้นั้นได้รับการจัดอันดับเป็น D, C, B, A, S, SS
ทักษะการต่อสู้ เเรงค์ D นั้นเป็นพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ เหมาะสำหรับพวกมีสถานะร่างกายที่เเข็งเเกร่งเเละระดับพลังไม่สูง
ทักษะการต่อสู้ เเรงค์ C นั้น ฝึกฝนค่อนข้างยาก เเละเริ่มใช้ความลับของกระดูกโดยการส่งผ่านพลังเพื่อทำให้ส่วนนั้นๆเเข็งเเกร่ง
ทักษะระดับ B นั้นเป็นทักษะที่มีอันดับเเละเเข็งเเกร่งส่วนมากจะใช้ขัดเกลาจิตวิญญานเเละร่างกายโดยการนำทั้ง 2 มารวมกัน ผู้คนในกองทัพส่วนมากจะได้เรียนรู้
หมายเหตุ ED: พวกเขาจะได้รับการส่งต่อเเละไตร่ตรองให้เรียนรู้อย่างเช่น เทคนิค เพ่งจิตเป็นคริสตัล
[ทักษะ ไร้กระดูก จูจิสสึ]นั้นไม่ได้อยู่ในหลักสูตรการเรียนของเขา ยกตัวอย่างเช่นหากเขาอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษา เขาก็เรียนรู้เพียงเเค่ การบวนลบคูณหาร ซึ่งเป็นวิชาภาคทฤษฎี ซึ่งมันต่างจาก [ทักษะ ไร้กระดูก จูจิสสึ]
นักเรียนระดับประถมศึกษานั้นเพิ่งเริ่มเรียนรู้พื้นฐานของคณิตศาสตร์เเละเรียนเเคลคูลัสหากประสบความสำเร็จจะเรียกว่าอัจฉริยะ
ส่วน[ทักษะ ไร้กระดูก จูจิสสึ] นั้นเป็นทักษะการต่อสู้ที่อันตรายมากเพราะมันเคลื่อนไหวได้ยากหากผิดพลาดอาจนำไปสู่การเเตกหักของกระดูกหรือเเม้เเต่เป็นอัมพาตได้
ในขั้นต้นนั้นเขาสมารถเลือกเรียนทักษะการต่อสู้ระดับ D ยากๆได้เช่น [จำลองภาพต่อสู้] หรือ ฝึก ทักษะ [เเข็งเเกร่งด้วยพละกำลัง]เพื่อเลือกเรียนรู้ เเต่พวกมันต้องฝึกซ้อมเป็นจำนวนมากกับคู่ต่อสู้ ซึ่งเเตกต่างจาก ทักษะ [ไร้กระดูก จูจิสสึ]
เหตุผลที่เขาเลือกเพราะว่ามันสามารถเลือกฝึกฝนด้วยตนเองได้เเละใช้ความเเข็งเเกร่งของเขาเพื่อฝึกมันหากบาดเจ็บก็ใช้สภาวะการหายใจในครรภ์รักษา
นี่เป็นเพราะเขาสามารถเข้าสู่สภาวะการหายใจในครรภ์ได้ถึงทำให้เขาได้รับประโยชน์มากถึงขนาดนี้
"เมื่อฉันได้เรียนรู้ทักษะ [ไร้กระดูก จูจิสสึ] ได้สำเร็จ มันจะมีประโยชน์มาก"
"ขั้นเเรกของ ทักษะ [ไร้กระดูก จูจิสสึ] คือการ [ดัดกระดูกจู่โจม]"
ภาพโฮโลกเเกรมเริ่มฉายผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของเขาเเละเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ คนในภาพนั้นบิดกระดูกเเละกล้ามเนื้อตามราวกับร่างกายของเขานั้นยืดหยุ่น เขาสามารถทำมันได้อย่างลื่นไหล
ความยากลำบากในการฝึกฝนนั้นชั่งยากเย็นเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาไม่มีกระดูกจริงๆ
อาจกล่าวได้ว่ากล้ามเนื้อเเละกระดูกของเขาเป็นเหมือนเชือกที่ยืดหยุ่นเเละหดตัวได้มันสามารดึงพลังออกมาใช้เเละปล่อยออกมาราวกับกระสุนปืนที่มีเเรงดันมหาศาล
***เเคร๊ก***
เจียง หลี่ เลียนแบบการเคลื่อนไหวเเละรู้สึกวิงเวียนในทันที กระดูกของเขาราวกับจะเเตกหักกล้ามเนื้อเริ่มฉีกขาดเขาล้มลงเเละพบดวงดาวบินวนบนหัวในทันทีเขาเเทบจะเหมือนปลาในเขียงที่ไม่สามารถขยับได้
ด้วยความพยายามของเขา เขาอมหินเข้าไปอีกครั้งเพื่อรักษา
เขาเริ่มได้รับการรักษาผ่านสภาวะการหายใจในครรภ์
เเต่คราวนี้เขาได้หลับไปถึง 2 ชั่วโมงเต็มหลังจากเข้าไปสู่สถานะนั้น เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเเละประหลาดใจพบว่าตัวเองนั้นฟื้นฟูเต็มที่เเล้วพลังฉีของเขาก็ดูเหมือนจะโตขึ้น
ครั้งเเรกที่เขาล้มลงเขาก็ทำให้กระดูกของเขาเเตกหักกล้ามเนื้อฉีกขาด เขาเริ่มใช้ สภาวะการหายใจในครรภ์ อีกครั้ง เพื่อฟื้นตัว เเละมันย่อมมีครั้งที่ สอง-สาม-เเละสี่
เป็นเวลากว่า 5 วันที่ เจียง หลี่ ได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวของทักษะเเรกของ [ไร้กระดูก จูจิสสึ] [ดัดกระดูกจู่โจม]
โครงสร้างของกระดูกของเขาเริ่มรัดกุมมากขึ้นเมื่อเขาเหนื่อยเขาก็ใช้สภาวะหายใจในครรภ์ของเขาทันทีเเละมันก็เเสดงประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ในความเป็นจริงนั้น เจียง หลี่ รู้ว่า หินนี่มีทักษะ หัวใจผลึกเเห่งความฝัน เเต่เขาก็ไม่เข้าใจ เพราะมันสามารถทำได้เเค่ ทำให้เขาเข้าสู่สภาวะหายใจในครรภ์เพียงเท่านั้น เนื่องจากมันเก็บงำความลับอย่าง หัวใจผลึกเเห่งความฝัน อยู่ดังนั้นมันจะต้องมีความสามารถมากกว่านี้เเน่ แต่เขาไม่รู้จะเปิดใช้มันยังไง
เขาได้ทำการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันมานี้ เเต่ก็ไม่พบเบาะเเสใดๆ
สิ่งที่ดีที่สุดหลังจากที่เข้าสู่สภาวะหายใจในครรภ์ได้ก็คือประโยชน์ของร่างกายที่เขาจะได้รับ
ต่อมาเขาก็ได้เรียนรู้การเคลื่อนไหวอื่นๆของ ทักษะ [ไร้กระดูก จูจิสสึ] [ทิ่มเเทงด้วยกระดูก]
นี่เป็นคำน่าชวนสะอิดสะเอียนมากเเต่มันก็เเข็งเเกร่ง เพราะมันสามารถเปลี่ยนกระดูกให้ราวกับเป็นคันศรเเละยิ่งไปในจุดอ่อนของร่างกายฝ่ายตรงข้ามได้ประเภทของทักษะการต่อสู้นี้อาจทำให้ทำให้ กระดูกของฝ่ายตรงข้ามเเตกหักได้เช่นเดียวกัน
เขาเริ่มใช้เวลาอีก 3 วันเพื่อทบทวนเกี่ยวกับมัน
ต่อมาก็คือ [กระเเทกด้วยกระดูก]การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะรุนเเรงมากกว่าเดิม มันสามารถทำให้คนที่โดนโจมตีนั้นกระดูกเเตกหักได้หลายส่วน อีกทั้งกระดูกของเราอาจได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบเหล่านี้ด้วยดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของกระดูกผู้ใช้
ส่วนขั้นย่อยอื่นๆนั้น เช่น [บดกระดูก] เเละ {มังกรร่ายรำดั่งอสรพิษไร้กระดูก}ซึ่งมันเหมาะสำหรับผู้ที่มีพลังชีวิตระดับ 1 ขึ้นไป
ซึ่ง เจียง หลี่ ในตอนนี้มีพลังชีวิตอยู่ที่ ระหว่าง 0.85 ถึง 0.9 เเล้ว
ในทุกๆต้นเดือนนั้น เเสงจันทร์จะสาดส่องกระทบผิวน้ำเข็มข้น เจียง หลี่ ได้ฝึกอยู่ในสวน 2-3 ครั้งเเละซ้อมนานมากกว่า 10 ครั้ง จนร่างกายของเขาหมดเเรงกระดูกของเขาได้รับความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ ราวกับจะเเตกหัก
ถ้าหากคนอื่นมาพบว่าเขาสามารถฝึกฝนทักษนี้ได้ละก็จะต้องตกใจเเน่นอน เพราะ นักเรียนที่พลังชีวิต 0.9 ก็ไม่มีความสามารถมากพอจะฝึกสามท่าเเรกของ[ทักษะไร้กระดูก จูจิสสึ] ได้อีกทั้งยังไม่สามารถซ้อมได้มากถึง 10 ครั้งโดยไม่ต้องพัก พวกเขาสามารถทำมันได้เพียง 4-5 ก่อนที่กระดูกของพวกเขาจะไป อย่างน้อยพวกเขาจะต้องพักฟื้นถึง 3 วันก่อนจะเริ่มฝึกใหม่
หายใจเข้าเเละออก...หลังจากนั้นความเจ็บปวดของ เจียง หลี่ ก็บรรเทาลง สิบนาทีต่อมาเขาก็ประสบความสำเร็จ ของ สภาวะ ทารกที่ตายในครรภ์
TL หมายเหตุ: 假死 / illusory death: สถานะที่ร่างกายไม่หายใจ แต่ไม่ตายจริง ดังนั้นจึงถือเป็นสถานะที่สมมุติถึงความตาย
คราวนี้หลังจากผ่านไป 5 ชั่วโมงเขาก็สามารถยืนขึ้นได้อย่างเต็มกำลัง ร่างกายของเขาเเทบจะไม่มีบาดเเผลเหลืออยู่ เขาเต็มไปด้วย จิตใจที่เเข็งเเกร่งเเละมุ่งมั่น พลังของเขาได้รับการเติมเต็มจนถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
ดังนั้นเขาจึงเริ่มอ่านหนังสือเเละศึกษาต่อ กระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยวิชา คณิตศาสตร์ เคมี,ฟิสิกส์ ชีววิทยา เเละประวัติศาสตร์ เมื่อเขาอ่านเสร็จเขาก็ขีดเส้นเอาไว้เเละจดจำอย่างรวดเร็ว
การศึกษาเหล่านี้เป็นส่วนนึงในการคำนวณพลังชีวิต ความรู้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของพลังชีวิต
กระบวนการศึกษานั้นหากศึกษาแบบรัดรูปจะทำให้เกิดอาการปวดหัวเเต่เขาก็สามารถใช้สภาวะการหายใจในครรภ์เพื่อพักฟื้นตัว เขาจำมันได้ทุกอย่างด้วยการสเเกนเพียงครั้งเดียว มันได้ฝังลึกไปในสมองของเขาหลังจากที่เขาได้อ่านเเละกลายเป็นความรู้
ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง หลังจากนั้นก็หยิบถุงผ้าของเขาขึ้น
เขาหยิบอาหารเเมวอาหารเพื่อเลี้ยงเเมวจรจัด เเมวดำตัวใหญ่นั้นได้เริ่มสนิทสนมกับเขามากขึ้นเเต่น่าเสียดายมันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น
"เจ้าดำ,เจ้าไม้,เจ้าเมิ่งใหญ่,เจ้าเมิ่ง 2 ,เจ้าเมิ่ง 3, 4 เเละ 5 พวกเเกต้องประพฤติตนดีดีหากมีสุนัขจรจัดมารังเเกพวกพวกเเก พวกเเกจะต้องให้ เจ้าดำ จัดการมัน ไม่ควรไปเผชิญหน้าด้วยตัวเองเข้าใจไหม"
เขาลูบหัวทีละตัว เพราะเขารู้มาว่า กลุ่มเเมวจรจัดเหล่านี้มักเผชิญหน้ากับสุนัขจรจัดเเละได้รับความเจ็บปวดเเละทรมาณจากการต่อสู้เเต่เจ้าดำนั้นไม่กลัวมันเเข็งเเกร่งเเละสามารถปกป้องเเมวทั้งกลุ่มได้
ชื่อเเมวเหล่านี้ได้ถูกตั้งโดย เจียง หลี่ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าเมิ่งใหญ่,เมิ่ง 2 - 3 - 4 - เเละ 5... พวกมันก็ได้รับชื่อมาโดย เจียง หลี่ ทั้งนั้น ดังนั้นพวกมันจึงรู้สึกรัก เจียง หลี่ มาก
เจ้าเมิ่งใหญ่นั้นได้กระโดดขึ้นไปเกาะบนไหล่ของ เจียง หลี่ เเละ เริ่ม โลมเลียเขา
เจ้าดำนั้น ได้เดินนำขบวนพร้อมกับเอาศรีษะของมันไปดันตัวอื่นๆที่ออกนอกลู่นอกทางเพื่อให้เดินกลับบ้านในสวนที่เจียง หลี่ สร้างขึ้น
ในสวนขนาดใหญ่นั้นมีบ้านเเมวที่อยู่ลึกเข้าไปดังนั้นจึงไม่มีใครมายุ่งย่ามอย่างเเน่นอน
"ถ้าพวกเเกสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ ฉันก็อาจจะสวนการเพ่งจิตเป็นคริสตัลให้พวกเเก"
เจียง หลี่ ตบเบาๆ
ตามทฤษฎีนั้นการบ่มเพาะพลังจิตวิญญานของสัตว์นั้นมีความบริสุทธิ์มากกว่าจิตวิญญานของมนุษย์นับ 100 เท่า
ดังนั้นพวกมันจึงได้รับการไตร่ตรองโดยมนุษย์เเต่มันเป็นเรื่องยากเพราะสติปัญญาของพวกมันที่ไม่เข้าใจว่าการบ่มเพาะพลังคืออะไร
อย่างไรก็ตามในสมัยโบราณนักพรตคนหนึ่งมีชื่อเสียงด้านการฝึกสัตว์เขาได้ช่วยให้สัตว์เหล่านั้นมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ ได้เเก่ วานร,เเมว,สุนัขจิ้งจอก,เเละอื่นๆ ทันทีที่สัตว์เหล่านี้พัฒนาสติปัญญามันก็ได้เเพร่กระจายความรู้อย่างรวดเร็ว ในสมัยโบราณสุนัขจิ้งจอกนั้นสามารถสะกดจิตได้ทำให้เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง
เมื่อสัตว์เหล่านั้นมีสติปัญญามันจะสามารถปลูกฝังจิตวิญญานเเละสามารถสะกดจิตคนให้เกิดภาพหลอนได้
ย่านชนชั้นสูงนั้นได้มีโครงการพัฒนาสัตว์ให้สามารถบ่มเพาะพลังได้มันถูกเรียนว่า"โครงการพัฒนาสัตว์อสูร"
เจียง หลี่ ต้องการให้เเมวจรจัดเหล่านี้ปลูกฝังการบ่มเพาะพลังได้เมื่อมันมีสติบัญญามันก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากขึ้น
หลังจากที่ได้ให้อาหารเเมวเสร็จเขาก็ต้องกลับไปที่ โรงเรียน
"เจ้าดำฉันไปก่อนนะ"เจียง หลี่ โบกมือให้
เจ้าดำนั้นเหมือนรู้ว่า เจียง หลี่ ต้องการจะไป ดังนั้นมันจึงยกท้าวของมันเเละโบกมือลา
"รู้สึกดีจังที่ได้กลับมาที่โรงเรียน"
ระหว่างทางไปโรงเรียนนั้น เจียง หลี่ รู้สึกว่าอกของเขากำลังร้อนราวกับโดนเผาไหม้
ก่อนหน้านี้เขาหลีกหนีเพื่อที่จะมาโรงเรียน เเต่ตอนนี้ บรรยากาศที่เขารู้สึกในโรงเรียนนั้นกลับเเตกต่างไปเขารู้สึกอ่อนเยาว์เเละร้อนเเรง ความหวังที่เขาอยากจะเข้าโรงเรียน เเอสทรัล นั้นได้ถูกฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
ในเวลา 1 เดือนที่ผ่านมานั้นพลังชีวิตของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาก ถึงเเม้ว่ามันจะยังเทียบไม่ได้กับคนชั้นยอดของโรงเรียน เเต่เขาก็ยังมีความมั่นใจอยู่ดี
เขาสามารถเพิ่มพลังของเขาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เเม้จะไม่มีทรัพยากร ถ้าเขามีทรัพยากรเขาจะต้องไปสู่จุดสูงสุดได้เเน่นอน
เเต่ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยทรัพยากรในบ้านนั้นเป็นของน้องชายของเขาซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายถ้าเขาต้องการทรัพยากรเขาจะต้องหาวิธีด้วยตนเองเเละไม่รบกวนเพิ่มภาระพ่อเเม่ของเขา ดังนั้นเขาจะต้องหารายได้ที่เป็นของตัวเอง