ตอนที่ 4 ความปราถนาในช่วงหลายร้อยปี
เจียง หลี่ ได้หลุดเข้าไปในความฝันเเละโผล่เข้าไปในมิติเเปลกๆในมิตินั้นมีกลีบดอกไม้ลอยกระจัดกระจายราวกับเกล็ดหิมะที่เบ่งบาน ชายร่างใหญ่สวมชุดสีขาวนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าของเขานั้นคือคนเดียวกับเจ้าของศพ ท่าทางของเขานั้นเศร้ามอง เเต่ก็ยังปรากฏความสงบ
นี่เป็นข้อความที่ตัดผ่าน ซึ่ง เจียง หลี่ ก็ได้ยินมัน
"ปีศาจหลายตัวนั้นได้ขึ้นมาบุกโลกของเรา เราพยายามที่จะต่อสู้กลับ เเต่ก็ไม่มีทางชนะพวกมันได้ ข้าจึงใช้ หัวใจผลึกเเห่งความฝัน ที่เป็นของรักของข้าเเละใช้พลังชีวิตทั้งหมดของข้าเดินทางมายังสถานที่เเห่งนี้ ก่อนที่ข้าจะล่วงลับไปข้าได้ทิ้ง หัวใจผลึกเเห่งความฝันไว้ นี่เป็นเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่มีค่ามากที่สุดในโลกห้ามให้ตกไปอยู่ในมือของปีศาจ ... หากผู้ใดได้สืบทอด หัวใจผลึกเเห่งความฝันนี้ เจ้าจะต้องใช้มันเพื่อเข่นฆ่าปีศาจพวกนั้น เเละกอบกู้โลกของข้าให้ได้"
ดินเเดนในความฝันนั้นเปลี่ยนเเปลงไปอย่างสมบูรณ์ก่อนที่จะกลายเป็นทวีปกว้างใหญ่มีภูเขาเเม่น้ำเเละภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใครทุกคนในทวีปเเห่งนี้ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เเต่ดูเหมือนว่าความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของพวกเขาจะล้าสมัยมาก
เเต่บุคคลที่อยู่ที่นั่นนั้นมีกำลังพลังชีวิตที่น่าเหลือเชื่อ ความสามารถในการบุกฝ่าทะลวงของพวกเขาช่างเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการบุกฝ่าเเม่น้ำมหาสมุทรหรือเเม้เเต่สิ่งที่ขัดต่อกฏของโลกธรรมชาติก็สามารถทำได้
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็พลันเเตกเเยกออกจากกันทั้งทวีปนั้นได้ถูกบุกโจมตี จากเรืบรบขนาดมหึมา ทหารเเต่ละคนที่เดินลงมานั้นหุ้มเกราะเเละบุกปล้นสะดมทั้งทวีปถึงเเม้ว่าพวกเขาจะมีเทคนิคการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเเต่สงครามก็ย่อมต้องมีการสูญเสีย
ดูเหมือนว่าเหล่าทหารหุ้มเกราะนั้นจะเป็นเหล่าปีศาจที่มนุษย์ขาวผู้นั้นอธิบายไว้
"เดี่ยวก่อน..นั่นไม่ใช่เรือรบของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรอกหรือ?"
เจียง หลี่คิดว่าพวกปีศาจนั้นยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นโดยเฉพาะสัญลักษณ์บนเรือนั่นซึ่งเป็นดาวดวงสีฟ้าที่เป็นสัญลักษณ์ของมนุษยชาติ
"ฉันเข้าใจเเล้ว...เขาคิดว่าพวกเราเป็นปีศาจที่บุกโจมตีโลกของพวกเขา เเต่เขาก็หนีไป เเละมาปรากฏบนโลกใบนี้"เจียง หลี่ กล่าวด้วยความหงุดหงิด
สองร้อยปีก่อนในปี 2050 ยานอวกาศก็ได้สร้างเสร็จเเละเตรียมลงจอดทุกพื้นภาคประเทศหลายประเทศได้ริเริ่มสร้างสงครามโลกครั้งที่ 3 เพื่อให้ได้ยานอวกาศนี้สงครามนั้นโหดเหี้ยม เเต่ก็ทำให้มนุษย์ชาติรวมตัวกันเพื่อที่จะปรองดองเเละสร้างรัฐอธิปไตยใหม่เพราะเเบบนี้มนุษยชาติถึงได้ก้าวสู่ยุคใหม่
ในช่วงศตวรรษเเรกของยุคใหม่นั้นความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีก้าวล้ำเป็นอย่างมากเนื่องจากการค้นคว้ายานอวกาศหยุดลงเเละพวกเขาหันมาสนใจการเพิ่มพลังชีวิตเเทน
ในช่วงศตวรรษที่ 2 เทคโนโลยีนั้นได้เข้าสู่ช่วงพัฒนาการมนุษย์ได้เริ่มสงยานเเละสำรวจดาวเคราะห์รอบข้างเพื่อหาทรัพยากรที่อุดมภ์สมบูรณ์โดยการบุกดาวเคราะห์อื่นๆเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคเเห่งกาเเลคติกเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นก็ได้เริ่มการพัฒนาจนสามารถชิตดาวเคราห์ดวงอื่นๆได้เพื่อการค้นคว้าเเละหาข้อมูล
ชายในชุดขาวนั้นไม่ต้องการให้ หัวใจผลึกเเห่งความฝันนี้ ถูกพรากไป จึงได้ใช้พลังทั้งหมดถีบตัวหนีไปอย่างเเม่นยำเเละปรากฏที่สถานที่เเห่งนี้ เเต่ เจียง หลี่ นั้นก็เป็น 1 ในพวกมนุษย์ที่เขากล่าวหาว่าเป็นปีศาจ ดังนั้น เขาจึง ลังเล ที่จะรับมรดกของเขา
ชายคนนี้คงอยู่ที่นี่มานานเเล้ว ถ้าปล่อยไว้สถานที่เเห่งนี้อาจถูกพบโดยคนอื่น
นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ หากปล่อยไว้จะต้องสร้างสงครามอีกเเน่นอนเพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองเเห่งชนชั้นสูงนั้นไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์เเม้เเต่น้อย
"บุคคลที่จะสืบทอดของสิ่งนี้ต่อนั้นก่อนที่เจ้าจะครอบครอง หัวใจผลึกเเห่งความฝัน เจ้าจะต้องให้สัญญาว่าจะต่อสู้กับเหล่าปีศาจตนอื่น เเละเป็นตัวตายตัวเเทนของ หัวใจผลึกเเห่งความฝัน เจ้าต้องฆ่าพวกปีศาจพวกนั้นมิอย่างนั้นเจ้าจะถูกสาปเเช่งเเละทุกข์ทรมาณตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์"
**ปิ๊ง**
หลังจากที่การสำเเดงความคิดของชายคนนี้จบลง เจียง หลี่ ก็พลันรู้สึกตกใจเเละตื่นจากความฝันในทันที
เขาพบว่าตัวเองยังคงนอนอยู่บนพื้นของท่อระบายน้ำที่เปียกชื้นเสื้อผ้าของเขานั้นมอมเเมมไปด้วยสิ่งสกปรกเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาพลันพบกับพลังงานจากการที่เข้าสู่สภาวะห้วงนิทรา
"โอ้..จริงสิ่ ฉันยังเข้าสู่สภาวะหายใจในครรภ์ได้อีกด้วย!!"
เจียง หลี่ ออกหมัดไป เเม้ที่เบื้องหน้าเขาจะมีเสือที่ดุร้ายอยู่ เขาก็สามารถฆ่ามันด้วยการชกออก เพียงหนึ่งครั้ง
***ฟุ่บ***
ศพเเห้งนั้นถูกจุดขึ้นด้วยเปลวเพลิงปริศนามันระเบิดการเป็นสีรุ้งก่อนที่จะหายตัวปล่อยเเละเหลือเพียงก้อนหินที่อยู่ในมือของ เจียง หลี่
"การเผาผลาญสีรุ้ง?"
หลังจากที่ศพเเห้งกลายเป็นสีรุ้ง เจียง หลี่ พลันรู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นสิ่งที่มหัศจรรย์เช่นนี้มีเรื่องกล่าวขานว่าในสมัยโบราณนั้นนักพรตคนนึงได้ปลูกฝังจิตใจเเละจิตวิญญานของเขาลงไปเพื่อที่จะรักษาความลับของร่างกาย มันจะทำให้ร่างกายของเขาระเบิดหายไปอย่างไม่มีร่องรอยมันเรียกว่า'การเผาผลาญสีรุ้ง'
มีเรื่องกล่าวขานว่าในสมัยโบราณนั้นนักพรตคนนึงได้ปลูกฝังจิตใจเเละจิตวิญญานของเขาลงไปเพื่อที่จะรักษาความลับของร่างกาย มันจะทำให้ร่างกายของเขาระเบิดหายไปอย่างไม่มีร่องรอยมันเรียกว่า'การเผาผลาญสีรุ้ง'
เรื่องเกี่ยวกับทักษะผิดปกตินี้ นักวิชาการหลายคนในยุคเเห่งกาเเลกติกได้เริ่มศึกษาเเต่พวกเขาก็ไม่เคยพบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะจิตวิญญาน จะกลายเป็นบางสิ่งที่ไม่เคยปรากฏกเเละร่างกายจะเกิดความถี่จนเกิดคลื่นพลังที่เเปลกซึ่งสร้างการเสียดสีเเละปรากฏเพลิงสีรุ้งขึ้น
"ดีเเล้วที่ศพเเห้งนั้นหายไป มิฉะนั้น ฉันคงต้องหาวิธีขุดหลุมฝังศพให้เขาซึ่งหากมันถูกพบมันจะเป็นปัญหาต่อครอบครัวของฉัน"
เมื่อศพกลายเป็นสีรุ้งเเละหายไปในที่สุดเจียง หลี่ ก็พลันถอนหายใจ
เเมวสีดำตัวนั้นก็ยังคงนอนอยู่ ซึ่ง เจียง หลี่ ก็ไม่ได้ปลุกมัน เพราะการหายใจในครรภ์นั้นเป็นประโยชน์มากเเม้เเต่ลูกเเมวก็สามารถกลายเป็นเสือดำได้
"ข้าอยากรู้ว่า หัวใจผลึกเเห่งความฝัน นั้น คือสิ่งใดกันเเน่"
เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาเจียง หลี่ ยกโทรศัพท์เพื่อสองไฟไปที่ตัวหินในทันที เขาไม่รู้สึกว่าหินนี้รูปร่างภายนอกจะดูพิเศษเเม้เเต่น้อย
"บางที ฉันคิดว่า ควรจะกลับไปลองที่ บ้าน ดู ว่ามันมีการทำงานอย่างไรกันเเน่?"เจียง หลี่ ตรวจสอบหินเป็นเวลานานเเละยังไม่พบข้อมูลใดๆ ก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆเเละเก็บไป
เขาต้องการที่จะกลับไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ตอนกลางคืนในขณะที่ เจียง หลี่ นอนฟุ่บอยู่บนเตียงนั้น เขาพลันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะหินนี่ มี หัวใจผลึกเเห่งความฝัน ที่มนุษย์ขาวผู้นั้นได้อธิบายไว้
เจียง หลี่ พลันนึกได้บางอย่าง เพราะเขาเข้าใจว่าดาวเคราะห์มนุษย์นั้นได้ใช้เรือรบพิชิตสถานที่เเห่งนั้นเเละชายคนนั้นก็พลันรอดออกมาได้โดยใช้ หัวใจผลึกเเห่งความฝัน เขาเเทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติของหินนี้เพราะระดับความเข้าใจของเขานั้นยังน้อย
"หรือว่าจะเป็นสัญญาเลือด?"
เจียง หลี่ เปิดบาดเเผลเล็กๆบนมือเขาก่อนที่เอามือไปปาดบนหินเเต่ก็ไม่ได้ผลเพราะหินนั้นไม่ได้ดูดซับเลือดของเขาเเม้เเต่น้อย
เจียง หลี่ ตรวจสอบหินเป็นเวลานานก็พบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับว่ามันไม่ตอบสนองเขา
"หรือว่ามันจะกินได้!!"เจียง หลี่ นำหินไปล้างเเละพลันคิดได้อย่างกระทันหันเขาเคาะมันด้วยลิ้นของเขาเเละพยายามจะกัดมันว่ากินได้ไม๊
เขาพลันไม่ได้สติในทันทีเพราะหลังจากที่เอาหินก้อนนั้นยัดเข้าปากผลสะกดจิตก็ถูกเปิดใช้อีกครั้งเขาเข้าสู่สภาวะการหายใจในครรภ์อีกครั้ง
การหายใจของเขานั้นลื่นไหลเป็นอย่างมากมันเป็นการหายใจที่ราวกับเป็นธรรมชาติ ซึ่ง สภาพของ เจียง หลี่ นั้นก็เหมือนคนที่นอนตายอยู่
ถ้าหากสังเกตุดีดีจะพบว่าเซลล์ของเขานั้นค่อยๆพัฒนาขึ้นเเละเต็มไปด้วยพลังงาน นี่คือความลับของการหายใจในครรภ์
ภาวะที่ทารกสามารถเติบโตในครรภ์ได้เเม้เเต่นอนอยู่นิ่งๆ มันสามารถทำให้เซลล์สมบูรณ์เเบบเเละทำให้มวลกระดูกหนาขึ้นเส้นใยกล้ามเนื้อเเข็งเเกร่งด้วยการดูดซับสารอาหารในอากาศมันจะช่วยเสริมสร้างกำลังได้
"อ๊า..."
ในที่สุด เจียง หลี่ ก็ตื่นจากการสภาวะห้วงนิทราเขาพลันรู้สึกอิ่มเอมกับพลังงานที่ได้รับ
หลังจากที่สงบจิตสงบใจ เจียง หลี่ ก็พลันสังเกตุร่างกายของเขาเเละพบว่า จิตใจของเขานั้นสามารถเข้าสมาธิได้ง่ายขึ้นเเละหายใจตามชีพจรได้อย่างสมบูรณ์ เขายังพบอีกว่านี่เป็นสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยมของเขา
ติ่ง ติ่ง นี่เป็นสัญญานความเเข็งเเกร่งของพลังชีวิตที่เพิ่มขึ้น
เขากระโดดออกจากเตียง เเละออกหมัดไปอย่างรวดเร็ว มวลกล้ามของเขาหดตัวราวกับสปริงที่ถูกกด[พยัคฆ์หวนคืน] นี่เป็นทักษะต่อสู้โบราณ
***กร๊าชชช***
การต่อยผ่านของอากาศนั้นสร้างมวลเสียงที่ตัดผ่านอากาศอย่างรุนเเรง
เจียง หลี่ พลันรู้สึกประหลาดใจ
"ตั้งเเต่ที่กำปั้นของฉันเเข็งเเกร่งขึ้นขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าพลังชีวิตของฉันก้าวขึ้นสู่ระดับ 0.8 เเล้ว?"
ต้องป็นเพราะพลังชีวิตของเขายกระดับถึง 0.8 อย่างเเน่นอนถึงออกหมัดที่เเข็งเเกร่งเช่นนี้ได้
เเม้ว่าพลังชีวิตจะยกระดับจาก 0.7 เป็น 0.8 มันอาจจะดูน้อยเเต่ความเเข็งเเกร่งทางกายภาพกลับเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ความก้าวหน้าในเเต่ละขั้นของการบ่มเพาะพลังนั้นชั่งยากลำบากมากจากนักเรียน 800,000 กว่าคนมีเพียง 10,000 กว่าคนเท่านั้นที่มีพลังชีวิตถึง 0.8 พวกเขาจะเป็นพวกมีพรสวรรค์หรือไม่ก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย มีเพียง 100กว่าคนเท่านั้น ที่เเข็งเเกร่งเทียบเท่ากับ น้องชายของเขา ซึ่งมีพลังเท่ากับ 0.9
เเละมีเพียงไม่กี่คนที่มีพลังชีวิตเท่ากับ 1
สิ่งที่นักเรียนนับไม่ถ้วนไม่อาจประสบความสำเร็จได้ เเต่เจียง หลี่ สามารถทำมันด้วยหลับลึกในสภาวะห้วงนิทราเพียงคืนเดียว
เจียง หลี่ ไม่เชื่อตัวเองว่า นี่เป็นความฝันหรือความจริงกันเเน่
เขาเริ่มเข้าสู่สภาวะการหายใจในครรภ์อีกครั้งโดยฝึกเพ่งจิตเป็นคริสตัล
ทันทีที่เขาเพ่งจิตเป็นคริสตัล ได้ เขาก็พลันรู้สึกว่าตัวเองสามารถเข้าสู่ สภาวะห้วงนิทราได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้นราวกับเป็นเศษเสี้ยวของเเสงสว่าง
"ฉันสามารถเข้าสู่ สภาวะห้วงนิทราได้เเล้ว! อีกทั้งยังดีอย่างมาก !!"
สำหรับ 3 ขั้นเเรกหลังจากที่เข้าสู่สภาวะห้วงนิทราได้ นั้น จาง เยว่ เป็นคนมีพรสวรรค์มากที่สุดในชั้นเรียน เเต่เขาก็ทำได้เพียง ขั้นเเรก เท่านั้น เเละจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงด้วยความช่วยเหลือของธูปจิตวิญญานกว่าจะเข้าสู่สภาวะห้วงนิทราได้
เเต่ตอนนี้ เจียง หลี่ ได้ข้ามขั้นตอนที่ 1 ไปเเล้ว อีกทั้งยังสามารถเข้าสู่สภาวะห้วงนิทราได้ตามที่ต้องการ นี่เป็นการบ่มเพาะจิตวิญญานที่เเข็งเเกร่งเเละรวดเร็วเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณ ก้อนหินขาวนี่
"ถ้าหินก้อนนี้สามารถทำให้ฉันเข้าสู่สภาวะหายใจในครรภ์ได้ฉันสงสัยว่ามันจะทำงานกับสมาชิกคนอื่นๆได้ไหม เพราะเเมวดำนั่นก็ยังสามารถใช้มันได้?"
เจียง หลี่ รีบวิ่งไปที่สวนสาธารณะ เขาพยายามที่จะเอาหินในมือของเขาไปเเตะ เเมวตัวอื่นๆเเต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปรากฏกว่า หินก้อนนี้ได้ยอมรับ เจียง หลี่ เป็นเจ้าของเเล้วจึงไม่มีผลกับคนอื่น
ตั้งเเต่ที่ เจียง หลี่ ได้ฟังศพเเห้งคนนั้นกล่าวจบเขาก็สามารถใช้ความสามารถของมันได้ในทันที
สาเหตุที่เเมวดำนั่นไม่อาจรับสืบทอดมรดกได้อาจเป็นเพราะมันเป็นเเค่สัตว์ซึ่งศพเเห้งไม่อาจให้มันเป็นตัวตายตัวเเทนของเขาได้
นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่จะต้องไม่เปิดเผยให้ใครรู้เพราะเสี่ยงต่อการโดยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนี้ไป เจียง หลี่ จะต้องระวังมากขึ้น
ในวันต่อไป เจียง หลี่ เริ่มฝึกฝนอย่างยากลำบาก
ในตอนเช้าเขาก็ไปเรียนตามปกติ ซึ่งตกกลางคืนเขาก็อมหินไว้ในปากเเละเข้าสู่สภาการหายใจในครรภ์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยสภาวะนี้ เซลล์ในร่างกายของเขาก็ยกระดับดีขึ้นเรื่อยๆ
เจียง หลี่ ตื่นขึ้น ก็พบกับพลังงานที่อัดเเน่นในจิตวิญญานของเขา เพราะการหายใจในครรภ์นั้นช่วยให้เขาเเข็งเเกร่งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ออกจากบ้านเเละซ่อนตัวในที่ที่เงียบสงบเพื่อเริ่มฝึก
ในช่วง 10 วันมานี้ เจียง หลี่ พลันพบว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนเเปลงเเละเเข็งเเกร่งขึ้น ทุกรูขุมขนในร่างของเขาอดเเน่นไปด้วยกล้ามเนื้อเเละเส้นเลือดที่หนาเเน่น ร่างกายของเขายืดหยุ่นเเละไร้ที่ติ การฝึกฝนบางอย่างที่เขาไม่สามารถทำได้ก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาตอนนี้ไปเเล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
เขาพบว่าตนเองสามารถวิ่ง 100 เมตร ได้ภายใน 7 วินาทีเเล้ว
เพียงเเค่ใช้เวลา 10 วัน ถึงเเม้ว่าจะไม่ได้ใช้ทรัพยากรที่ล้ำค่าในการยกระดับการฝึกฝน ถ้าเขามี เนื้อ ชา เหลา กินทุกมื้อ ศักยภาพของเขาจะต้องเเข็งเเกร่กว่านี้อย่างเเน่นอน เเละบางทีการไล่ความพรสวรรค์ของน้องชายของเขาก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป