ตอนที่แล้วบทที่ 152 ทรายดาว  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 154 สำเนียงพิฆาตระฆังจันทรา  

บทที่ 153 เชื่อมวิญญาณ  


 

จั่วม่อในมือปรากฏไข่มุกขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองเม็ดหนึ่ง เปล่งแสงอ่อนจางคล้ายกับแสงดวงดาว แต่ไม่สุกใส

เม็ดไข่มุกโค้งมน เป็นทรงกลมสมบูรณ์แบบ ไม่มีร่องรอยตำหนิแม้แต่น้อย เบามาก ล้อมรอบด้วยชั้นจิตสำนึกสีเทาหนาแน่น ทำให้แสงของมันสลัวริบหรี่ยิ่งกว่าเดิม

จั่วม่อตระหนักว่ามันประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง!

อันที่จริง มันก็รู้สึกว่าสถานะปัจจุบันของมันแปลกพิกลยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยความประหลาดพิสดาร มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าอัศจรรย์ยากอธิบาย มีหลายจุดหลายแห่งมากเกินไปที่มันไม่เข้าใจ แต่จะเป็นไร? มันเพียงหวังว่าสภาวะนี้จะดำเนินต่อไปอีกสักหน่อย อย่าได้เป็นเพียงความฝันเลย!

แต่ในไม่ช้า จั่วม่อก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องราวมหัศจรรย์เหล่านี้อีกต่อไป

ไข่มุกที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกหลอมสร้างจากทรายดาว จั่วม่อจึงเรียกมันว่าไข่มุกดารา ไข่มุกดาราสามารถดึงดูดจิตสำนึกได้เอง แต่ยังคงไม่มากพอ หากกลุ่มก้อนวัสดุสีเทาขนาดยักษ์ที่จั่วม่อยืนอยู่นี้ คือจิตสำนึกทั้งมวลของมัน สัดส่วนของจิตสำนึกที่ไข่มุกดาราดึงดูดมาได้ ก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

จิตสำนึกเล็กกะจ่อยร่อยเกินไป ย่อมไม่มีคุณค่าและพลังที่แท้จริง

โชคยังดี มันสามารถควบคุมจิตสำนึก มันเริ่มดึงจิตสำนึกมารวมตัวกันที่ไข่มุกดาราอย่างต่อเนื่อง ค่อยบีบอัดลงไป

 

ไม่มีผู้ใดแยแสสนใจจั่วม่อ กระทั่งอู่หลิงซ่านเหรินยังให้ความสนใจกับทางเหวยเสิ้งกับกู่หรงผิง การต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองกำลังจะดำเนินมาถึงจุดตัดสิน เหวยเสิ้งหัวจรดเท้าท่วมไปด้วยโลหิต ส่วนกู่หรงผิง บนร่างรับบาดแผลกระบี่สามรอย

ไม่ต้องกล่าวถึงพรสวรรค์ แค่เรื่องความทนทานต่อความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว กู่หรงผิงก็ย่ำแย่กว่าเหวยเสิ้งไม่รู้ว่าเท่าใด

แม้แต่กู่หรงผิงเอง ในใจมันก็ยอมรับเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อกังขา

บุรุษที่เบื้องหน้ามันผู้นี้ ที่แท้เป็นสัตว์ประหลาดจากที่ใด?

ด้วยบาดแผลสามกระบี่ ไม่ว่ามันจะเคลื่อนไหวอย่างไร จะส่งผลต่อบาดแผลบนร่าง ความเจ็บปวดถึงขั้วหัวใจทำให้มันแทบจะหลั่งน้ำตา เลือดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง มันสามารถรู้สึกได้ชัดเจนว่ายิ่งสูญเสียเลือดไปมากเท่าใด พลังในร่างกายมันก็ยิ่งลดน้อยลงไปเท่านั้น ในศีรษะเริ่มลั่นอึงอล สายตาค่อยๆ พร่าเลือน พลังปราณแทบสูญสิ้น เส้นชีพจรปราณได้รับบาดเจ็บ...

แต่เจ้าคนเบื้องหน้ามัน ซึ่งรับบาดเจ็บหนักหนาสาหัสยิ่งกว่ามันมาก ไฉนยังคงไม่ยอมล้มคว่ำลงไปเสียที!

เหวยเสิ้งรับบาดแผลมากมายมหาศาล แต่ไฉนมันคล้ายไม่สะทกสะท้าน? เหวยเสิ้งเลือดไหลท่วมไปทั้งกาย มากมายเสียจนผู้คนอดสงสัยไม่ได้ ว่ามันใช่เลือดไหลจนหมดตัวไปแล้วหรือไม่? ไฉนมันยังคงยืนหยัดอยู่ได้? ระดับพลังบำเพ็ญเพียรของเหวยเสิ้งต่ำกว่ากู่หรงผิง สมควรผลาญใช้จนหมดสิ้นไปนานแล้ว เส้นชีพจรปราณก็คงเสียหายมาเป็นเวลานาน แต่ไฉน...

มองไปยังร่างเบื้องหน้า จากหัวจรดเท้าท่วมไปด้วยโลหิต กู่หรงผิงทันใดนั้นปรากฏความอ่อนแอและความสิ้นหวังออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ!

 

บรรยากาศรอบตัวจั่วม่อค่อยๆ สงบราบคาบลง เสียงระเบิดอากาศกลับกลายเป็นห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบลงอย่างสิ้นเชิง หากมีผู้ใดชมดูอยู่ตอนนี้ จะพบว่าอากาศรอบกายจั่วม่อเคลื่อนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ไม่มีการระเบิดใดๆ ไม่มีการไหลเวียนของอากาศ ไม่มีสิ่งใดเลย ในรัศมีหนึ่งจั้งรอบกายมัน อากาศสงบเงียบถึงที่สุด ประดุจแข็งตัว ไม่เห็นความผันผวนปรวนแปรในอากาศแม้แต่น้อย

แต่เหตุเล็กน้อยนี้ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น อู่หลิงซ่านเหรินกับเว่ยเฟยจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ของเหวยเสิ้งกับกู่หรงผิงอย่างสมบูรณ์ กระทั่งผู้คนสี่ห้าคนที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในค่ายกล ก็ไม่ได้ตรวจพบเรื่องนี้เช่นกัน

จั่วม่อจำใจหยุดมือในที่สุด ตรงหน้ามัน กลุ่มก้อนจิตสำนึกสีเทาดำขนาดตะกร้าไม้ไผ่ ล่องลอยอยู่อย่างเงียบเชียบ นี่คือผลงานชิ้นเอกของจั่วม่อ หลังจากการควบกลั่นจิตสำนึกอย่างต่อเนื่อง กลุ่มก้อนจิตสำนึกนี้มีไข่มุกดาราเป็นแกนกลาง จริงดังที่คาดไว้ จิตสำนึกชั้นนอกไม่ได้กระจัดกระจายหายไปจริงๆ

มันแบ่งแยกจิตสำนึกทั้งหมดออกมาหนึ่งในสิบ บีบอัดลงไปในก้อนจิตสำนึกขนาดเท่าตะกร้าลูกนี้ ความหนาแน่นของกลุ่มก้อนจิตสำนึกนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถบีบอัดหลอมรวมลงไปได้มากกว่านี้ และเนื่องจากหนาแน่นเข้มข้นเกินไป มันไม่เหมือนกลุ่มก้อนอากาศอีกต่อไป แต่ค่อนข้างแข็งตัว เป็นธรรมดาที่ไม่อาจมองเห็นได้ไข่มุกดารา ที่ถูกห่อหุ้มไว้ตรงใจกลางได้อีก

นี่นับว่าเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่?

จั่วม่อไม่แน่ใจ มันหลอมสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา แต่ไม่รู้เบาะแสวิธีใช้งาน ผูเยาเพิ่งอธิบายแนวคิดให้แก่มันเท่านั้น น่าเสียดายที่เวลานี้มันไม่อาจสื่อสารกับผูเยาได้ มันบังเกิดสังหรณ์อันรุนแรง ว่าหากออกจากสภาวะอันสุดมหัศจรรย์นี้ไป เกรงว่ายากที่จะกลับเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง

เช่นนั้นจะใช้เจ้านี่อย่างไรดี? มองไปยังลูกกลมจิตสำนึกสีเทาดำ จั่วม่อติดอยู่กับปัญหานี้

มันสามารถรู้สึกถึงการเชื่อมโยงอันแน่นแฟ้นระหว่างมันกับก้อนจิตสำนึกลูกนี้ ราวกับว่าก้อนจิตสำนึกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมัน จั่วม่อในใจลองคิด ลูกกลมจิตสำนึกก็พลันเริ่มหมุนวนและเต้นไปรอบๆ กายมัน

น่าเล่นยิ่ง!

จั่วม่อรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที มันไม่จำเป็นต้องควบคุม เพียงแค่ใจคิด กลุ่มก้อนจิตสำนึกก็เคลื่อนไหวตาม นี่สนุกสนานมาก จั่วม่อไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งเคล็ดเมฆฝนหล่นรินที่มันช่ำชองที่สุด ยังไม่สามารถร่ายออกมาได้ง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเช่นนี้ เรื่องความคุ้นเคยก็ไม่สามารถเทียบกับความรู้สึกนี้ได้ มันเหมือนกับว่าก้อนจิตสำนึกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

จั่วม่อเล่นอย่างสนุกสนานไปรอบๆ ตราบเท่าที่ในใจมันสามารถคิดออกมา กลุ่มก้อนจิตสำนึกนี้สามารถทำได้แทบทุกอย่าง

แต่อย่างรวดเร็ว มันพบสิ่งที่น่าสังเกต นั่นคือจิตสำนึกสีเทาดั้งเดิมที่คล้ายอากาศ ดูเหมือนจะปฏิเสธกลุ่มก้อนจิตสำนึกที่หลอมสร้างออกมา รอบๆ กลุ่มก้อนจิตสำนึกสีเทาดำ จะเกิดพื้นที่ว่างเปล่าขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

จั่วม่ออดขมวดคิ้วไม่ได้ จิตสำนึกสีเทากับกลุ่มก้อนจิตสำนึกสีเทาดำมีต้นกำเนิดเดียวกัน ไฉนพวกมันกีดกันกันเอง?

ผูเยาไม่เคยบอกว่าจิตสำนึกที่แบ่งแยกออกมา กับจิตสำนึกดั้งเดิมจะต่อต้านซึ่งกันและกัน มันใช่ทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่?

จั่วม่อเมื่อไม่แน่ใจว่าสมควรทำอย่างไร มันพลันบังเกิดความคิดที่ใจกล้าบ้าบิ่นสุดขั้ว ไฉนมันไม่นำกลุ่มก้อนจิตสำนึกนี้ใส่เข้าไปในยุทธภัณฑ์เวทเล่า! ประการแรก ในเมื่อลูกกลมจิตสำนึกกับจิตสำนึกดั้งเดิมต่างต่อต้านอีกฝ่าย เช่นนั้นมันก็ต้องหาสถานที่อื่นสำหรับกลุ่มก้อนจิตสำนึกนี้ ประการต่อมา กลุ่มก้อนจิตสำนึกลูกนี้เชื่อมต่อกับมันด้วยหัวใจเดียวกัน หากใส่ลงไปในยุทธภัณฑ์เวทได้จริง นี่จะยอดเยี่ยมถึงเพียงไหน! หากยุทธภัณฑ์เวทสามารถเคลื่อนไหวตามความคิดของมัน โดยไม่ต้องควบคุม และกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมัน...

จั่วม่อยิ่งคิด ก็ยิ่งพบว่าความคิดนี้น่าสนใจมากจริงๆ!

เนื่องเพราะกลุ่มก้อนจิตสำนึกเชื่อมโยงกับจิตใจมัน มันสามารถตระหนักได้ว่ากลุ่มก้อนจิตสำนึก ไม่ได้คัดค้านความคิดอันอุกอาจนี้

เช่นนั้นก็ทำเลย!

จั่วม่อเริ่มคำนวณหายุทธภัณฑ์เวทที่เหมาะสม อย่างรวดเร็ว มันพบยุทธภัณฑ์เวทที่เหมาะสมที่สุดแทบจะในทันที

เจดีย์ห้าสี!

ตั้งแต่แรกมันก็ไม่ได้มียุทธภัณฑ์เวทมากมายอันใดอยู่แล้ว ย่อมไม่ได้มีหลายชิ้นให้เลือก

เจดีย์ห้าสีมีพื้นที่เล็กๆ อยู่ภายใน สามารถรองรับกลุ่มก้อนจิตสำนึกลูกนี้ได้พอดี แม้ว่าเจดีย์ห้าสีสามารถแยกแยะวัตถุสามัญทุกสิ่งออกเป็นแก่นปราณห้าธาตุ แต่จิตสำนึกไม่ได้จัดเป็นหนึ่งในห้าธาตุ ฉะนั้นมันจึงไม่ต้องกังวลว่ากลุ่มก้อนจิตสำนึกจะถูกย่อยสลาย ในความเห็นของมัน เจดีย์ห้าสีอาจเสร็จสมบูรณ์เพียงครึ่งเดียว แต่ในบรรดายุทธภัณฑ์เวททั้งหมดที่มันครอบครอง นับเจดีย์ห้าสีมีความสามารถยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ที่สุด ทั้งยังมีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุด!

เพียงมันครุ่นคิดแล้วเสร็จ ลูกกลมจิตสำนึกที่อยู่ตรงหน้า ก็หายวับไปทันที

ชั่วขณะจิตต่อมา จั่วม่อสามารถรู้สึกว่าปัจจุบันมันอยู่ในตำแหน่งที่เต็มไปด้วยแก่นปราณห้าธาตุ

มันอยู่ภายในเจดีย์ห้าสี!

จั่วม่อเบิกบานใจยิ่ง

 

ในเวลาเดียวกัน แสงห้าสีเจิดจรัสบาดตาพลันสว่างวาบไปทั้งค่ายกล!

สี่ยอดฝีมือที่ต่อสู้กันภายในค่ายกล รวมถึงฉางเหิงที่ยังเฝ้าชมดูกลุ่มวงแหวนแสง ล้วนหยุดมือ พากันแหงนหน้าขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง

เจดีย์ห้าสีปรากฏตัวเหนือขบวนค่ายกล ปลดปล่อยแสงห้าสีที่ทั้งแข็งแกร่งและตระการตา ลำแสงหลากสีสันช่างสะดุดตา บดบังจันทร์เสี้ยวที่อยู่เหนือขึ้นไป จนคล้ายจะสูญเสียประกายและอับแสงไป เจดีย์ห้าสีประดุจพระอาทิตย์ที่เพิ่งโผล่พ้นจากม่านเมฆา เปล่งแสงรัศมีอันสูงส่งกลบกลืนแสงอื่นจนหมดสิ้น

เจดีย์ห้าสีที่ห่อหุ้มด้วยรัศมีห้าสี รูปลักษณ์ภายนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย บนองค์เจดีย์ปรากฏชั้นผิวคล้ายแก้วอันเงางาม แวววามกระจ่างชัด สีสันที่แตกต่างกันในแต่ละชั้น ดูละเอียดอ่อนและบริสุทธิ์มากขึ้น ชายคาของเจดีย์โค้งด้วยมุมอันเลิศพิศดาร มองคล้ายชายคาที่โค้งขึ้นแบบจีน องค์เจดีย์แคบเรียวและสูงขึ้นกว่าเดิม ปลายยอดเจดีย์ให้ความรู้สึกแหลมคมดุจกระบี่!

ทันใดนั้นคลื่นแสงคล้ายสาดส่องลงในใจทุกผู้คน

 

“ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ!” ซินหยานมีปฏิกิริยาเป็นคนแรก ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าในทันที สุ้มเสียงของมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!

อีกสามคนเหม่อมองอย่างงงงัน ไปยังเจดีย์ห้าสีอันปราณีตงดงามในภาพมายา แสงที่เปล่งออกมา รายละเอียดทุกอย่าง ทั้งหมดสำแดงชัดว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

อึดใจต่อมา พวกมันทั้งสามค่อยบังเกิดปฏิกิริยา เผยเหยียนหรานเหลียวหน้ามามองซินหยานเป็นคนแรก “นั่นเป็นยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณจริงๆ?”

เหล่าศิษย์ที่ด้านหลัง ข้ามองดูเจ้า เจ้ามองดูข้า ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใด พวกมันสามารถได้ยินความตื่นเต้นตึงเครียดในสุ้มเสียงของท่านเจ้าสำนัก อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ สิ่งที่เรียกว่ายุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณคืออะไร? เป็นสิ่งล้ำค่าพอให้กระทั่งอาจารย์อาซินหยานกับท่านเจ้าสำนักเสียกิริยาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

“ไม่ผิด!” ซินหยานตอบอย่างเฉียบขาด

อีกสามคนใบหน้าเผยแววปลาบปลื้มยินดีสุดระงับ ไม่สามารถปิดซ่อนไว้ได้ ซินหยานมีฝีมือทางหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ อีกทั้งมักไม่เคยกล่าวเหลวไหลไร้สาระ หากมันมั่นใจ เช่นนั้นก็ไม่ผิดไปแล้ว

ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ!

จั่วม่อมียุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณจริงๆ!

หากซินหยานสามารถตระหนักถึงความจริงข้อนี้ เช่นนั้นผู้อื่นก็ย่อมสามารถพบเห็นได้เช่นกัน หลายคนแสดงสีหน้าไม่คาดคิดและตื่นตะลึง

ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ เป็นยุทธภัณฑ์เวทที่เชื่อมโยงกับซิวเจ่ออย่างแน่นแฟ้น ยุทธภัณฑ์เวทชนิดนี้หายากมาก พลังของยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณเหลือล้ำกว่ายุทธภัณฑ์เวททั่วไป มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้ผู้คนน้ำลายหก เมื่อซิวเจ่อผู้เป็นเจ้าของมีพลังบำเพ็ญเพียรสูงล้ำกว่าเดิม ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย ของสิ่งนี้เชื่อมโยงกับจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้นพวกมันสามารถใช้พลังอันยิ่งใหญ่ที่สุดโดยไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งความหมายของการเชื่อมโยงวิญญาณยังชัดแจ้ง ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของซิวเจ่อผู้เป็นเจ้าของ จึงไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลว่าจะถูกผู้อื่นช่วงชิงไป

แม้ว่ายุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณจะถูกขโมยไป แต่คนร้ายผู้นั้นก็ไม่อาจใช้งานของสิ่งนี้ได้ เนื่องเพราะมันเชื่อมพันธะอยู่กับซิวเจ่อผู้เป็นเจ้าของ นั่นยังเป็นเหตุผลให้มันถูกขนานนามว่ายุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ ผู้ใดสามารถตัดมือคนอื่นแล้วเชื่อมต่อกับร่างกายตนเองเล่า?

ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณเป็นยุทธภัณฑ์เวทสูงสุด ที่เหล่าซิวเจ่อล้วนใฝ่ฝันถึง! กล่าวไปก็น่าประหลาด ไม่มีผู้ใดสามารถหลอมสร้างยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณขึ้นมาได้ พวกมันมักถือกำเนิดขึ้นจากสมบัติอันยิ่งใหญ่ของโลก ผ่านเรื่องราวซึ่งเต็มไปด้วยโชควาสนาอันยิ่งใหญ่บางอย่าง จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ถึงปัจจัยที่จำเป็นต่อการถือกำเนิดของยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณ

แน่นอน แม้ว่ายุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างซิวเจ่อกับยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณแน่นแฟ้นมากเกินไป หากยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณได้รับความเสียหาย ซิวเจ่อผู้เป็นเจ้าของก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยทั่วไป ยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณยังถูกเรียกว่ายุทธภัณฑ์ช่วยชีวิตอีกด้วย เจ้าของยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณมักระมัดระวังในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง แทบจะไม่เคยนำมาใช้หากไม่จำเป็น

ผู้ใดจะคาดคิด ซิวเจ่อด่านจู้จีถึงกับครอบครองยุทธภัณฑ์เชื่อมวิญญาณชิ้นหนึ่ง!

ผู้คนล้วนอิจฉาริษยาโชควาสนาของจั่วม่อ

 

ขณะที่เจดีย์ห้าสีแปรสภาพไป และปรากฏโฉมขึ้น ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์เจ็ดสิบสองค่ายกลย่อยฉบับสมบูรณ์ ก็เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกัน!

แสงห้าสีที่เปล่งออกมาจากเจดีย์ห้าสีค่อยๆ เลือนหายไป ในเวลาเดียวกัน จันทร์เสี้ยวบนฟากฟ้าก็เปลี่ยนเป็นจันทร์เต็มดวง ยิ่งกระจ่างสว่างใสกว่าเดิม แขวนสูงอยู่กลางนภา!

จันทร์เต็มดวงคล้ายวงล้อ เส้นใยแสงจันทร์นับไม่ถ้วน ลอยเงียบๆ ลงมาจากพระจันทร์เต็มดวง เส้นใยแสงจันทร์อันพิสดารนี้ประหนึ่งผ้าม่าน ปลายด้านหนึ่งแขวนติดดวงจันทร์ ส่วนปลายอีกด้านแกว่งไกวพลิกพลิ้วไปตามลม ไหลผ่านอากาศธาตุอย่างเงียบงัน ร้อยรัดเหล่าวงแหวนแสงที่ว่ายเวียนอย่างเสรี ในชั่วพริบตาเดียว กลุ่มวงแหวนแสงน้อยใหญ่ทั้งหมด ล้วนถูกร้อยเป็นพวงด้วยเส้นใยแสงจันทร์สีเงินยวง ปรากฏรูปร่างดุจขบวนกระดิ่งลมพวงมหึมา!

พระจันทร์เต็มดวงส่องสกาวเจิดจรัสกว่าเดิม เส้นใยแสงจันทร์ที่ห้อยลงมาพลันสั่นไหว วงแหวนแสงทุกวงก็สั่นสะเทือน วงแหวนแสงนับร้อยนับพันเปล่งเสียงคล้ายตีระฆังออกมาโดยพร้อมเพรียง!

ติง!

คลื่นเสียงสดใสกังวาน กวาดผ่านหอคลื่นสนอันกว้างใหญ่ในพริบตา ทั่วทุกมุมล้วนได้ยินชัดเจน

ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์คล้ายผ่านการกำเนิดใหม่ ตระเตรียมสำแดงฤทธาอันน่าตื่นตาตื่นใจ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด