ตอนที่16 ผลลัพธ์อีกสี่ปีต่อมา
“เจ้าหนูตื่นสิ เจ้าหนู!”
ชิบะน้อยค่อยๆฟื้นคืนสติ ในขณะที่เขามึนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นมา นั้นเป็นเสียงของ หวังเทียนเหล่ย ต่อมาเขาได้ยินเสียง“ปั้ง!”เสียงเปิดประตูอย่างดังและแม่ของชิบะน้อยก็พุ่งเข้ามากอดลูกชายของตนเอาไว้พร้อมกับน้ำตา
“ลูกแม่ เจ้าอย่าเป็นอะไรเลยนะ โอ้!”
มันชั่งสิ้นหวังและชั่งโชคร้ายมากๆ
เป็นเรื่องง่ายมาก หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่าอาจจะชิบะน้อยสิ้นชีพอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ครอบครัวโจวได้ค้นหาตัวชิบะน้อยอย่างวุ่นวาย ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบว่าเขาสลบอยู่ลานหน้าผาข้างหลังหมู่บ้านโดยที่พวกเขาไม่ทันสังเกต พวกเขารีบพาตัวเขากลับบ้านทันเวลาพอดีและรีบตามหาแพทย์ให้มาดูอาการอย่างเร็วที่สุด ทั้งหมดนี้มันชั่งวุ่นวายไปหมด อย่างไรก็ตามแม่ของชิบะน้อยนั้นได้ตื่นกลัวและตกใจเป็นอย่างมาก
ขณะที่เธอถูกพาออกไป หวังเทียนเหล่ยได้ตะโกนดังจนได้ยินกันทั้งหมู่บ้านว่า ชิบะน้อยรู้สึกตัวแล้ว
เธอได้ตื่นขึ้นจากอาการตื่นกลัวและได้พุ่งเข้าไปในห้องที่ชิบะน้อยนอนอยู่ในทันที
แต่หลังจากนั้นไม่นาน
หลังจากที่เห็นว่าอาการของชิบะน้อยไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็สงบสติลงไป แต่ทันทีที่พวกเขานั่งลงชิบะน้อยก็ประสบปัญหา
บางสิ่งที่เรียกว่า “การแก้แค้นไม่ช้าก็เร็ว” ได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขาในตอนนี้
ด้วยลมที่พัดไปมา ชิบะน้อยก็ได้ล้มตัวนอนลงบนกองฟางด้วยมือที่วางอยู่บนศีษระ ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นบนใบหน้าของเขา เขาจึ้งมองไปยังก้อนเมฆที่กระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยฝุ่นที่ล่องลอยอยู่เหนือสายลมและได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเขาเอง
มีเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เขาฟื้นคืนสติ เมื่อเฒ่าโจวได้เข้าไปในป่าและห้ามไม่ให้ชิบะน้อยกินอาหารเป็นเวลาสามวัน
เฒ่าโจวเป็นชาวบ้านที่เกิดมาและได้รับการอบรม ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ในภูเขา แล่สำหรับการเลี้ยงดูเด็กๆดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยสำหรับเขา
ชิบะน้อยเชื่อในคำพูดที่เคยได้ยินจากชีวิตก่อนหน้าว่า “การตามใจทำให้เด็กเสียคน” นี่เป็นรูปแบบการเลี้ยงดูที่เข้มงวดและตรงไปตรงมา ชิบะน้อยนั้นฟังคำสอนของเฒ่าโจวมาตลอดจนบัดนี้จึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาไม่เคยถูกให้อดอาหารเช่นนี้มาก่อน การที่มานั่งอดอาหารแบบนี้มันเหมือนกับนักมวย
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้ชิบะน้อยประสบปัญหา หลังจากที่เขาฟื้นคืนสติมา เฒ่าโจวก็สั่งห้ามไม่ให้ชิบะน้อยไปวิ่งเล่นที่ไหนเป็นเวลาสามวันและได้ตีด้วยไม้เป็นการลงโทษอย่างพี่น้องเขาเคยโดน
ในอีกไม่กี่วันต่อมาเฒ่าโจวพอใจกับการกระทำของเขามากเพราะสามวันที่เขาถูกลงโทษนั้นชิบะน้อยเชื่อฟังเขาโดยไม่โต้เถียงใดๆ ทำให้เฒ่าโจวไม่กังวลอีกต่อไป
เวลาได้ผ่านไป....
สี่ปีต่อมา...ในตอนนี้ชิบะน้อยนั้นอายุได้แปดขวบแล้ว
คนส่วนใหญ่นั้นเห็นว่าช่วงเวลาสี่ถึงแปดขวบนั้นเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างวุ่นวาย แต่ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่สำหรับชิบะน้อยนั้นช่วงเวลาสี่ปีนี่เป็นช่วงเวลาที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงอยากตะโกนออกมาดังๆว่า “ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า!”
ขอบคุณหวังเทียนเหล่ยและความพยายามร่วมกันของเฒ่าตาบอดในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านรุ่นหลังๆจะได้เรียนรู้วิธีอ่านและเขียน บางทีพวกเขาอาจไม่ได้รับการศึกษาที่ดีพอ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความรู้และเมื่อต้องการส่งจดหมายถึงญาติห่าง ๆ พวกเขาจะไม่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้คนอื่นเขียนให้พวกเขา แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การเขียนของพวกเขายังมีข้อผิดพลาดไปบ้างเล็กน้อย
แต่โดยรวมนั้นถือว่าเป็นความสำเร็จตลอดที่พยายามมาสี่ปี
ชิบะน้อยไม่ได้สนใจในเรื่องนี้มากนัก แต่ก็หมายความว่าเขาจะไม่ต้องปกปิดความรู้ความสามารถของเขาจากคนอื่นอีกต่อไป เด็กในวัยเยาว์ในหมู่บ้านโดยทั่วไปจะสามารถจดจำตัวอักษรได้ไม่กี่ตัวและมี “อัจฉริยะ” หนึ่งถึงสองคนเท่านั้นที่สามารถท่องบทกวีได้แม้แต่บทกวีคลาสสิกหรือแม้แต่บทเรียงความของนักปราชญ์ พ่อแม่ของ “อัจฉริยะ”เหล่านี้นั้นเป็นแรงผลักดันที่ดีแก่พวกเขาเพื่อให้เข้าร่วมการแข่งขันการสอบของจักรวรรดิในรอบแรกอีกด้วย
เขาไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะและไม่สนใจระบบวัฒนธรรมของโลกนี้มากนักซึ่งคล้ายคลึงกับของจีนโบราณ ตราบเท่าที่คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นคนที่รู้หนังสือเท่านั่นก็เพียงพอแล้ว
การฝึกฝนวรยุทธอัคคีของเขานั้นได้คล่องตัวและดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป หลังจากใช้วรยุทธของเพลงดาบเทวโลกหยิงหยางได้นั้นเขาก็สามารถสำเร็จส่วนที่ยากที่สุดของ วรยุทธอัคคีได้เขาสามารถดูดซับคุณสมบัติธาตุไฟจากพลังธรรมชาติของโลกได้และด้วยการสร้างวิธีการฝึกฝนแบบพิเศษของ พลังภายในของเขาได้เปลี่ยนพลังงานของธาตุเพลิงอัคคีให้กลายเป็น พลังชี่ภายในที่มีอยู่ภายในร่างกายเขา
นี่คือหลักการพื้นฐานที่สุดของความแข็งแกร่งโดยทั่วไป แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเช่นนี้
ระหว่างสวรรค์กับโลกนั้นไม่ได้มีเพียง ธาตุเพลิงอัคคี เท่านั้นแต่ในโลกใบนี้ยังมีอีกหลายธาตุ เช่น
ธาตุอัศนีบาตร เป็นต้น ไฟที่ปล่อยออกมาจากพระอาทิตย์เหนือศีรษะของเรานั้นมีหลายร้อยรูปแบบซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นที่รู้จักกันดีคือแสงแดด แม้เพียงเล็กน้อยของชนิดของไฟมันก็เพียงพอที่จะละลายโลหะดังนั้นยกเว้นอักขระในตำนานที่จักการกับแสงแดดได้ แน่นอนว่า วรยุทธอัคคีนั้นเป็นเพียงทักษะการเพาะปลูกพลังแบบพื้นฐานที่สุดของพลังภายใน ที่มีคุณสมบัติเป็น ธาตุเพลิงอัคคี
ชิบะน้อยยังไม่ทราบเรื่องนี้และระดับความรู้ในปัจจุบันของเขานั้นยังไม่ได้รับรู้อะไรมากนัก
เนื่องจากการฝึกฝนอย่างหนักของชิบะน้อย เขาจึงสามารถเปลี่ยน พลังแก่นแท้แห่งชี่กง ให้กลายเป็น พลังอัคคี และสามารถใช้พลังของมันได้ เขาได้รวบรวมพลังอัคคีไปยังหมัดของเขาและได้ใช้ร่วมกับทักษะเพลงหมัดของเขา ก่อเกิดทักษะการใช้หมัดอัคคีได้ เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไปอย่างเต็มแรงก็เกิดพลังทำลายล้างสูงไปที่จุดๆเดียว
หลังจากที่เขาตระหนักได้ว่า หลังจากที่สามารถเปลี่ยนพลังชี่ถ่ายในให้เป็น พลังอัคคี ได้อย่างช้าๆโดยใช้พลังแก่นแท้แห่งชี่กง ดูเหมือนว่าจะมีผลกระทบแปลกๆกับภายในกล้ามเนื้อและกระดูกเส้นเอ็นรวมไปถึงเส้นเลือดของเขาอีกด้วย มันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นอย่างที่หวังเทียนเหล่ยกล่าวไว้ว่า “ความแข็งแกร่งจากภายในสู่ภายนอก”นั้นกล่าวถูกต้องความแข็งแรงภายในที่เหมาะสมอาจเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างร่างกาย ความแข็งแรงภายในและความแข็งแรงภายนอกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตอบสนองซึ่งกันและกัน
ในแง่ความสามารถในการทะลวงด้วยหมัดอัคคีของชิบะน้อยนั้น อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับพื้นฐาน ภายในสามปีที่ผ่านมาเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ถ้าเขาจะยกระดับความสามารถของเขามากกว่านี้มันถือเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเอง อาจกล่าวได้ว่ากำลังภายในและภายนอกในตอนนี้นั้นมันถึงขีดจำกัดของร่างกายในวัยนี้ไปแล้ว
เขาอายุแค่แปดขวบและร่างของวัยแปดขวบที่ยังไม่โตเต็มที่ เขายังไม่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว โครงสร้างกระดูกและเส้นเอ็นทั้งหมดยังอ่อนแอเกินไปถ้าเขาบังคับให้ตัวเองก้าวข้ามขีดจำกัดในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตามร่างกายของเขาตอนนี้คงเกินจะรับไหว
ดังนั้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเขาได้ใส่พลังทั้งหมดลงในเพลงดาบเทวโลกหยิงหยาง
เพลงดาบเทวโลกหยินและหยางนั้นเป็นทักษะศิลปะการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตามในความทรงจำของ หลี่ฮาวเล่อ นั้นเขายังไม่ทราบว่านี่คือเทคนิคพิเศษ
ดังที่กล่าวมาในข้างต้นว่าวิธีการเพาะปลูกพลังคือพื้นฐานของทักษะศิลปะการต่อสู้คือช่วยให้พลังธรรมชาตินั้นเข้าสู่ร่างกายและเปลี่ยนเป็นพลัง นั้นคือแหล่งที่มาของพลังชี่ภายใน และจากนั้นก็ใช้พลังที่ถูกสะสมไว้จากข้างใน ให้พลังชี่ไหลเวียนไปยังเส้นเลือดและเส้นเอ็นทั่วร่างกายเป็นการบำรุงเส้นเอ็นและเส้นเลือดทั่วร่างกาย กระบวนการนี้เรียกว่า “จากภายในสู่ภายนอก”
เพลงดาบเทวโลกหยิงและหยางนั้นเป็นทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใครอย่างที่ชิบะน้อยนึกมาก่อนและเขาก็ไม่มีความรู้ในเรื่องศิลปะการต่อสู้ในด้านนี้มากนัก แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนความจริงที่ว่าเขายังรู้จักโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ยังไม่กว้างนัก
หากต้องการฝึกฝนเพลงดาบเทวโลกหยิงและหยางนั้น เขาควรใช้พลังชี่ด้านลบ เพื่อใช้วิธีการลับแบบเดียวกับวิธีการเพาะปลูกจิตของพลังภายในและจากนั้นจะดูดกลืนพลังชี่ด้านลบจากนั้นก็กลั้นพลังงานเหล่านั้นลงไปในดาบ และในขั้นตอนสุดท้ายก็นำพลังแห่งดาบชี่กงลงไปในร่างกาย
มันฟังดูราวกับว่ามันไม่ได้แตกต่างจากศิลปะการรวบรวมพลังชี่เลย แต่จุดสำคัญนั้นต่างกันมาก
ผู้ที่ฝึกฝนพลังภายในจำเป็นในการดูดซับพลังธรรมชาติของโลกและแน่นอนว่าพลังธรรมชาติของโลกเหล่านั้นมีหลากหลายธาตุและนับไม่ถ้วน ซึ่งพลังชี่นั้นแบ่งได้เป็นสองชนิด คือ พลังชี่ด้านบวก และพลังชี่ด้านลบ ซึ่งพลังชี่ด้านลบนั้นสามารถดูดซึมและเปลี่ยนเป็นพลังภายในได้ก็จริงแต่มันยากมากที่จะทำได้ และพลังชี่ด้านบวกนั้นสามารถดูดซึมได้ค่อยข้างง่ายแต่คุณสมบัติมันจะอ่อนและการดูดซึมพลังงานธรรมชาตินั้นเป็นพลังธาตุ อย่างเช่น เปลี่ยนเป็นพลังอัคคีในการฝึกวรยุทธอัคคี เป็นต้น และการนำพลังชี่ด้านลบที่เป็นพลังงานธรรมชาตินั้นแทบจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังชี่ภายในได้เลย พลังชี่ด้านลบมันก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำเดือดที่ไม่สามารถที่จะสัมผัสได้เลยซึ่งแน่นอนไม่ต้องพูดถึงว่ามันสามารถดื่มได้หรือป่าว นั้นก็หมายความว่าการนำพลังชี่ด้านลบเข้าสู่ร่างกายนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการดื่มน้ำเดือดๆเลย
พลังชี่ด้านลบนั้นมีคุณสมบัติที่รุนแรง แต่ในเวลาเดียวกันพลังของมันนั้นไม่สามารถนำมาเทียบกับพลังชี่ด้านบวกได้เลย ธาตุเพลิงอัคคีที่ชิบะน้อยดูดซับมานั้นและนำธาตุไปแปลงเป็นพลังอัคคีโดยการใช้วรยุทธอัคคีนั้นเป็นเพียงการดูดซับทั่วไปเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างพลังชี่ด้านลบกับพลังธาตุทั่วไปนั้นมีมาก
ดังนั้นการที่จะใช้พลังชี่ด้านลบนั้นจำเป็นต้องมีเทคนิคพิเศษ
เทคนิคพิเศษที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคโบราณรวมทุกๆวิธีและทุกๆศิลปะการต่อสู้ของแต่ละประเภทของ พลังชี่ภายในมันรวมลักษณะทั้งหมดของพลังชี่ด้านลบ้เพื่อสร้างเทคนิคลับแบบพิเศษซึ่งสามารถเปลี่ยนพลังชี่ด้านลบที่ไม่สามารถดูดซึมได้นั้นให้มันปลอดภัยและเสถียรจากนั้นก็นำพลังนั้นบรรจุลงไปยังเส้นเอ็นและเส้นเลือดภายในร่างกาย
เนื่องจาก เทคนิคนิวแมติก ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษนี้สามารถเปลี่ยนความไม่เถียรที่เรียกว่าแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยในการเอามันเข้าสู่ร่างกายและนำมันไปใช้เป็นพลังชี่ด้านลบของตนเอง แต่ด้วยเทคนิคพิเศษนี้มันมีความเป็นไปได้ในการใช้มันและให้มันอยู่ในรูปแบบที่ถาวรในร่างกายของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น เพลงดาบเทวโลกหยิงและหยาง ทำโดยการกลั่นพลังชี่ด้านลบเข้าไปยังในดาบพลังชี่และเมื่อหลังจากที่กลั่นพลังนั้นลงไปในดาบพลังชี่ คุณสมบัติที่รุนแรงของพลังชี่ด้านลบจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานที่รุนแรงที่อยู่ในดาบพลังชี่ นี้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคพิเศษอะไรก็ตามมันต้องอาศัยพลังชี่ด้านลบเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น เพลงดาบเทวโลกหยิงหยางนั้นจำเป็นจะต้องหลอมรวมพลังงานทั้งสองประเภทลงไป ทั้งพลังหยินและพลังหยาง แม้ว่าจะสามารถหลอมรวมพลังทั้งสองขั้วนี้ได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บรักษาไว้ในร่างกายได้ สามารถแก้ไขได้เฉพาะรูปแบบการเก็บไว้ในเส้นเอ็นและเส้นเลือดไว้ และจุดสำคัญคือการจัดเก็บพลังชี่ภายในของตนเองจำเป็นจะต้องมีกล้ามเนื้อและเส้นเลือดที่มีความทนทานสูงกว่ากล้ามเนื้อและเส้นเลือดปกติ
ชิบะน้อยเพิ่งจะอายุแปดขวบและกระดูกกล้ามเนื้อเส้นเอ็นและเส้นเลือดยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะสามารถค้นพลพลังชี่ด้านลบได้ทั้งสองชนิด แต่ก็ไม่สามารถจะเก็บไว้ภายในร่างกายเขาได้ เพราะร่างกายของเขาในตอนนี้จะรับภาระพวกนี้ไม่ไหวอย่างแน่นอน
น่าเสียดายจริงๆ ข้าคิดว่าข้าจะได้รับความสามารถนี้ในการช่วยให้ข้าแกร่งขึ้น!
เมื่อเขาคิดถึงจุดนั้น เขาก็ค่อนข้างน่าขัน เขาเป็นแค่เด็กแปดขวบที่เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านที่ห่าไกล แต่ความคิดในใจเขาเป็นเหมือนกับพวกนักผจญภัยแบบคนอื่นๆ ที่อยากมีวรยุทธในการช่วยให้ตนเองคงอยู่ตลอดกาล ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาคิดแบบนี้ หรือเป็นเพราะเขาอ่านนิยายศิลปะการต่อสู้มากเกินไปกันแน่?
แน่นอนในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมานั้นเขาได้เข้าใจลักษณะการใช้ของวรยุทธอัคคีและเพลงดาบเทวโลกหยินและหยาง ได้อย่างลึกซึ้ง ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาชิบะน้อยเป็นห่วงสิ่งที่เป็นประโยชน์มากต่อตนเองอย่างการถอดรหัสวรยุทธอัคคี และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการฝึกฝนเพลงดาบเทวโลกหยินหยาง แต่สิ่งที่ทำให้สี่ปีที่ผ่านมานั้นเขาได้เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆได้มากขนาดนี้คือ ดวงตาคู่นี้ของเขานั้นเอง
หลังจากสี่ปีของการฝึกฝนแล้วเขาสามารถเบิกเนตรของเขาได้เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงโดยไม่ทำให้ตนเองอ่อนเพลียแต่อย่างใด หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตัวเองอ่อนเพลียมากจนไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากจุดอันตรายได้ ธรรมชาติของการรักษานั้นยังเป็นปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพเขา แต่หลังจากเข้าสู่สภาวะเบิกเนตรนั้นการสะท้อนการมองเห็นการควบคุมร่างกายและการไหลเวียนของพลังชี่ภายใน ตลอดจนความเร็วและความแรงทั้งหมดของเขาดีขึ้นโดยก้าวกระโดด ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการแก้ไขโดยมีปัจจัยอย่างน้อยห้าถึงหกข้อ แต่ความผิดหวังเดียวคือความสามารถของเนตรนี้ไม่สามารถคัดลอกทักษะการต่อสู้ของผู้อื่นได้
ข้าใช้เวลาไปแล้วเจ็ดปีในการฝึกเพลงหมัดไทเก๊กดังนั้นข้าคิดว่าข้าคงได้เรียนรู้ถึงประเด็นที่ลึกซึ้งขึ้นบ้างแล้ว ฮ่าฮ่า! เมื่อฝึกฝนพลังแก่นแท้แห่งชี่กงจนตัวข้าได้พบว่า หมัดไทเก๊กสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ ตอนนี้ข้าสามารถเปลี่ยนพลังแก่นแท้แห่งชี่กงให้เป็น พลังอัคคีได้โดยสิ้นเชิงข้าไม่คิดว่ามันจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น แต่การเสริมกำลังของหมัดไทเก๊กนั้นทำให้ร่างกายของข้าเองใหญ่ขึ้น เป็นทักษะที่มีประโยชน์กว่าที่คิด แปลกจังที่ข้าไม่เคยมีอะไรแบบนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้เลย?
หลังจากที่ได้ฝึกหมัดไทเก๊กเสร็จสภาพร่างกายของชิบะน้อยก็เต็มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาจากบนลงล่างนั้นชุ่มไปหมด และทั่วร่างเขาได้มีพลังชี่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าย เป็นความสดชื่นที่ไม่อาจจะอธิบายได้
เมื่อเร็วๆนี้พ่อของข้ากังวลเป็นอย่างมากดูเหมือนว่าข้ากำลังจะไปเป็นเด็กฝึกงาน ได้ออกไปสู่โลกข้างนอก เป็นความคิดที่ดีอย่างน้อยก็ยังดีกว่าอยู่แต่ที่นี่ ที่ๆห่างไกลความเจริญเช่นนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้นึกถึงความสำเร็จอะไรมากมายแต่ข้าก็อยากจะมีโอกาศได้มองเห็นโลกแห่งความมหัศจรรย์แห่งนี้ด้วยตาของข้าเอง ไม่ใช่มาติดอยู่ในที่แบบนี้ตลอดไป!
นี่เป็นภาพวาดฝันที่แท้จริงของชิบะน้อย แม้ว่าหมู่บ้านนี้จะเป็นหุบเขาที่เงียบสงบและได้รับการสร้างขึ้นโดยหวังเทียนเหล่อ ในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้เกษียณอายุแต่ชิบะน้อยไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขายังไม่อยากเกษียณอายุในตอนนี้ ดังนั้นเขาจริงมองไปข้างหน้าเพื่อที่จะไปยังตลาด เทียนหย่าง เพื่อไปเป็นเด็กฝึกงาน แน่นอนว่าเขายังไม่ทราบว่าโอกาสที่ท่านลุงของเขาจัดให้เขาจะเป็นเช่นไร