ตอนที่ 52 - ออกไปแตะขอบฟ้า
ไปทำภารกิจเสี่ยงตายในหนังกันเถอะ ตอนที่ 52 - ออกไปแตะขอบฟ้า
คารอนฝืนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ขณะที่ผู้ถือขวานคู่เล่มยักษ์เดินออกมาจากผนังที่พึ่งพังไป เขาเป็นชายร่างใหญ่สวมผ้าคาดหัวสีดำ ความสูงของเขาอย่างน้อยๆก็ราวๆ 2.2 เมตร มือทั้งสองสวมถุงมือสีดำ ชายคนนี้มีผิวหนังที่หย่อนคล้อยและเต็มไปด้วยรอยเย็บดูน่าขนลุก ยิ่งกว่านั้นบริเวณผิวหนังตามตัวของเขาก็เต็มไปด้วยเหล็กแหลมที่เต็มไปด้วยเลือด และมันยื่นออกมากว่า 10 เซนติเมตร!
ชายร่างยักษ์คำรามราวกับสัตว์ป่า ก่อนที่จะลากขวานยักษ์ของเขา แล้วพุ่งเข้าหาเหล่าโจรสลัด! กลิ่นไม่ดีบางอย่างโชยออกมาจากร่างกายของเขา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นกลิ่นของซากศพที่เน่าเปื่อย --- ใครสูดดมก็จะเกิดอาการคลื่นไส้! หนึ่งในลูกเรือโจรสลัดที่อยู่มานานและมากไปด้วยประสบการณ์ได้ตะโกนออกมาว่า
“อันเดธ! พวกมันคืออันเดธจากลัทธิวูดู!”
ลัทธิวูดูนั้นเป็นลัทธิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเรื่องไพเรต และแบล็คเบียร์ดก็คือหนึ่งในผู้ช่ำชองมนต์ดำวูดู และนั่นทำให้สมาชิกหลักบนเรือของเขานั้นเป็นอันเดธ!
อันเดธเป็นซากศพอันแสนน่าหวาดกลัว พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากอวัยวะที่แข็งแกร่งที่สุดของซากศพที่ตายไปแล้ว โดยการเย็บแต่ละส่วนเข้าด้วยกันจนกลายเป็นปีศาจ เมื่อพวกมันถูกสร้างขึ้นมา พวกมันจะไม่สามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้นานนัก อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มันยังอยู่ มันจะไม่รู้เจ็บปวดหรือเหนื่อยล้า! ภายใต้การควบคุมของหมอผีวูดู ทำให้มันเป็นดั่งสัญญาณเริ่มต้นของการนองเลือดและความตาย!
ทันใดนั้นก็มีคนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นหลังอันเดธ
คนแรกเป็นชายชราที่ผมและหนวดเคราเป็นสีขาว และมีผ้าสีแดงคาดเอวไว้คล้ายเข็มขัด ใบหน้าของเขาถูกทาด้วยผงสีขาวเป็นรูปงูสองตัวกำลังขดอยู่ ท่าทางการเดินของชายชราค่อนข้างแปลก -- ก้าวเดินแต่ละก้าวของเขารอบกับกำลังครึ่งลุกครึ่งนั่ง ทำให้ดูแปลกๆและไม่มั่นคง
ข้างๆเขาคือชายหนุ่มที่สวมผ้าโพกหัวสีเทา และใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาหอบหายใจอย่างหนักขณะที่กำลังลากดาบโค้งที่ดูแปลกประหลาด --- เขาคือกัปตันของเรือลำนี้ที่ถูกแต่งตั้งโดยเฟอร์นันเดส --- กัวทัส
กัวทัสเป่านกหวีดที่แขวนอยู่ ทันใดนั้น ลูกเรือและทหารรับจ้างบนเรือลำนี้จำนวนมากพร้อมอาวุธครบมือก็ออกมาจากประตูตรงข้าม พร้อมกับคำรามก้อง!
เห็นได้ชัดว่านี่คือกับดักที่ถูกวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน
เฟอร์นันเดสได้คาดเดาไว้ก่อนแล้วว่า การเดินทางในครั้งนี้ของเขาจะดึงดูดพวกโจรสลัด และเนื่องจากพวกโจรสลัดมันโลภมาก มันจะไม่มีทางจมเรือของเขาจนกว่าจะได้สมบัติไปอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงได้เตรียมหมอผีจากลัทธิวูดูมาสั่งให้พวกเขาวางค่ายกลบนเรือลำนี้ เพื่อเตรียมตอบโต้ผู้รุกราน!
แต่สำหรับอัมมาน ถึงแม้สถานการณ์ในตอนนี้จะค่อนข้างอันตราย แต่มันก็ยังไม่ถึงกับวิกฤติ! เพราะตลอดเส้นทางที่เขาเดินผ่านมา เขาได้ทำการกวาดล้างลูกเรือที่ขวางทางเขาจนหมด … ในเมื่อเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้ เขาก็แค่ถอยหลังกลับไปยังเรือเบลแอนมัค
และเมื่อกลับไปบนเรือ เขาก็จะสั่งลูกเรือของเขาให้ตัดเชือกที่ผูกเรือทั้งสองลำให้ติดกันอยู่ออก จากนั้นก็ใช้สกิลพิเศษของเรือ ‘wind slide’ แล้วแล่นเรือหนีไปภายใต้การนำของเขา หลังจากนั้นเรือพาณิชย์ที่ใกล้อัปปางลำนี้ก็จะไม่สามารถไล่ตามพวกเขากลับไปได้อีกต่อไป ท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ ต่อให้ศัตรูของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน พวกมันก็จะไร้ซึ่งอำนาจ และทำได้เพียงเฝ้ารอความตายเท่านั้น!
“ถอย!!”
อัมมานออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด แต่คำพูดของเขาที่ออกมานั้นก็ออกมาจากฟันที่ขบกันแน่นด้วยความโกรธ มีคำกล่าวว่าการล่าถอยนั้นก็เปรียบดั่งการพ่ายแพ้ และถึงแม้พวกเขาจะหนีและถูกฆ่าระหว่างทาง หรือบางคนก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่มันก็ยังเป็นราคาที่ยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม
เมื่ออัมมานกลับมายังดาดฟ้าเรือพาณิชย์ เขาก็เห็นเรือเล็กสามลำลอยเข้าประชิดเรือเบลแอนมัค --- พร้อมกับพวกทหารสเปนที่ดูยุบยับราวกับมด! ร่างกายของอัมมานเย็นเยียบราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง นี่มันเป็นหลุมพรางอันโหดเหี้ยมของศัตรู เพื่อตัดเส้นทางการหลบหนีของเขา!
“แบบนี้ไม่ดีแน่! ข้าจำเป็นที่จะต้องรีบกลับไปยังเรือเบลแอนมัค! ถ้าพวกทหารสเปนยึดดาดฟ้าเรือของพวกเราได้ล่ะก็ สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเรา!”
หลังจากที่ผ่านศึกมานับร้อย อัมมานก็นิมิตได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาส่งสัญญาณไปยังคารอนที่บาดเจ็บบริเวณศีรษะอยู่ ทันใดนั้นคารอนก็ตื่นจากภวังค์! พร้อมกับวิ่งนำลูกเลือโจรสลัดไปดักตรงทางขึ้นดาดฟ้า! เพื่อพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดไม่ให้เจ้าอันเดธวิ่งออกมา! การเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับวินาทีอันแสนมีค่าของกัปตันแค่นั้นก็คุ้มค่าสำหรับเขา!
แต่ระหว่างที่อัมมานเดินไปยังเรือของเขานั้นเอง จู่ๆหน้าต่างบนเรือพาณิขย์ก็แตกออก ก่อนที่จะมีร่างๆหนึ่งกระโจนออกมา! --- กัปตันกัวทัส!!
จากนั้นก็ตามมาด้วยร่างของทหารรับจากอีกหลายร่าง พวกเขากระโจนมาพร้อมกับคาบดาบไว้ในปาก เพื่อดักทางหนีของอัมมาน!
กัวทัสใช้มือซ้ายถอดหมวกแล้ววางมันลงตรงหน้าอกของเขา ก่อนที่จะโค้งคำนับเหมือนดั่งพวกสุภาพบุรุษที่แสนสง่างาม ในขณะที่มือขวาของเขายังคงกระชับดาบตรงเอวไว้แน่น --- ช่องว่างระหว่างอัมมานกับกัวทัสนั้นอยู่ห่างกันราวๆ 12 เมตร ซึ่งสำหรับอัมมานแล้วมันเป็นช่องว่างที่เขาไม่สามารถฝ่าไปได้!
“ที่แท้พวกมันก็ซ่อนกับดักอันซับซ้อนเอาไว้นี่เอง ...”
ชีหยาน กล่าวออกมาขณะที่เขากำลังยืนอยู่ตรงจุดเดียวกับที่ ชายที่ชอบตะโกนว่า ‘ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย’ ชอบนั่งตรงบริเวณหัวเรือโจรสลัด ก่อนที่จะเอียงศีรษะมองไปยังเรือของฝ่ายตรงข้าม
“แค่เรือเล็กที่ส่งทหารสเปนมาก็เปรียบดั่งระเบิดเวลาอันร้ายแรงแล้ว นี่ยังใช้แผนซ้อนแผนมาดักหน้าอีก กลยุทธ์ในครั้งนี้อาจเป็นถึงกลยุทธ์ระดับสูงที่สุดที่เคยใช้มาในช่วง 4 ศตวรรษเลยก็เป็นได้ ..”
และจากมุมมองของชีหยาน บางทีอาจจะมีเหล่าเพลเยอร์แทรกซึมอยู่ในกองเรือรบพารากอนก็เป็นได้ ไม่เพียงเท่านั้น ชีหยานคิดว่าสถานะและชื่อเสียงของเหล่าเพลเยอร์ฝ่ายตรงข้ามก็คงจะสูงไม่น้อย ถึงสามารถวางแผนนี้และทำให้มันเป็นจริงได้
“พวกมันมีจำนวนมากกว่าพวกเรา”
ชีหยานกล่าวพลางเหลือบมองไปยังทหารสเปนที่อยู่ห่างออกไป7 - 8 เมตรที่กำลังจะเตรียมโจมตี จากนั้นก็เดินผ่านเหล่าโจรสลัดที่ไร้ประโยชน์จนน่าอับอายบนดาดฟ้า
“อาวุธของพวกมันก็ดีกว่าของพวกเรา”
ชีหยานจ้องมองดาบคาดเอวของทหารสเปน ก่อนที่จะคว้าดาบอันเก่าคร่ำครึของโจรสลัดที่ยืนอยู่ข้างๆขึ้นมาดู ก่อนที่จะหันไปมองโจรสลัดอีกคนที่กำลังสั่นไปทั้งตัวพร้อมกับถือมีดทำครัว
“ขวัญกำลังใจของพวกทหารสเปนก็ดีเยี่ยม”
แค่มองจากความกระตือรือร้นของพวกมันก็พอจะบอกได้
“แต่ ….”
“พวกมันไม่ได้ถืออาวุธโจมตีระยะไกล”
“ภายใต้สภาพอากาศแบบนี้ คลื่นก็แรง และน้ำอาจจะกระฉอกเข้าเรือเล็กได้ ดังนั้น พวกทหารสเปนจึงไม่พกปืนมา เพราะเมื่อปืนเปียกมันก็ไร้ประโยชน์! นอกจากนี้ เรือเบลแอนมัคก็สูงราวๆสามเมตร ดังนั้นถ้าพวกทหารสเปนจะปีนขึ้นมาก็ต้องใช้เชือกตะขอถึงจะปืนขึ้นมาได้”
ทันใดนั้นเอง เรือเล็กสเปนลำแรกก็ประชิดเรือเบลแอนมัคได้สำเร็จ และในช่วงเวลาสั้นๆ เชือกตะขอก็ถูกโยนขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ พร้อมกับมีทหารร่างยักษ์หลายคนเริ่มปีนขึ้นมาบนเรือ
ในตอนนั้นเอง ชีหยานก็เดินไปดักรอตรงบริเวณตะขอที่พวกมันโยนมาเรียบร้อยแล้ว เขายิ้มให้กับพวกทหารสเปนอย่างชั่วร้าย ตัวเขายังคงสงบแตกต่างกับเหล่าโจรสลัดที่ยืนอยู่รอบๆอย่างสิ้นเชิง
ชีหยานหยิบขวานอันหนักอึ้งมากระชับบนมืออย่างง่ายดาย ก่อนที่จะมัดปลายขาวนเข้ากับเชือก แล้วพันมันวนไปรอบๆ --- ขวานเล่มนี้หนักอย่างน้อยๆก็ซัก 100 กิโลกรัม แต่ด้วยแต้มสเตตัสความแข็งแรงที่มีถึง 11 แต้ม ทำให้เขาสามารถยกมันแล้ววางไว้บนไหล่ด้วยแขนเพียงข้างเดียวได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ขวานของเขาจะไม่ใหญ่โตเท่ากับขวานของเจ้าอันเดธ แต่มันก็ดึงดูดสายตาของเหล่าโจรสลัดที่อยู่บนดาดฟ้าเรือได้ไม่น้อยเลย!
ทหารสเปนสองคนปีนขึ้นมาจนถึงตะขอเชือกที่เกี่ยวกับดาดฟ้าเรือ ทันใดนั้นชีหยานก็คำรามก้อง พร้อมกับกวาดขวานเล่มยักษ์บนมือของเขาออกไป! --- ขวานที่ทีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม หวดเข้าเต็มตัวของทหารสเปนทั้งสองที่พึ่งขึ้นมาบนเรือได้สำเร็จ --- เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอันรุนแรงเช่นนี้ พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องออกมา!
ทหารสเปนทั้งสองลอยละลิ่วไปตามแรงขวาน ก่อนที่จะร่วงตกลงทะเล!
เมื่อทหารสเปนคนอื่นๆเห็นเพื่อนของพวกเขา บินออกไปแตะขอบฟ้า พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความหายนะ!
ต่อมา ทหารสเปนอีกหลายคนก็ได้ปีนขึ้นมา พร้อมกับพุ่งตรงไปข้างหน้าแล้วกวัดแกว่งกระบี่ขอพวกเขาด้วยความโหดร้าย --- เลือดและเนื้อกระเซ็นไปทั่ว!
ตามร่างกายของชีหยานปรากฏบาดแผลแดงเป็นทางยาวกว่า 5 - 6 แผล! พร้อมกับมีเลือดไหลทะลักออกมา --- ร่างกายกว่าครึ่งของชีหยานถูกย้อมไปด้วยเลือดในชั่วพริบตา!
อย่างแต่ก็ตาม ชีหยานก็ได้กวาดขวานหนักของเขาเป็นแนวนอนออกไปอีกครั้ง -- แรงกวาดส่งผลให้เกิดลมโบกสะบัดขึ้น! ตามทางที่กวาดขวานไปเต็มไปด้วยฝุ่นที่ถูกแรงลมปัดขึ้น!
ทหารสเปนหลายคนถูกขวานกวาด ส่งพวกเขาโบยบินไปแตะขอบฟ้าอีกครั้ง! พร้อมกับเสียงกรีดร้องระงมด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะร่วงตกทะเล!
ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับศัตรูหลายคน แต่ชีหยานก็สามารถเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด!
ชีหยานในตอนนี้ดูยิ่งใหญ่และบ้าคลั่ง! --- ตราบใดที่เขายังคุมดาดฟ้าเรืออยู่ ต่อให้ทหารสเปนเป็นหมื่นคนก็ไม่สามารถผ่านเขาไปได้!!!
สายลมจากการกวาดขวานโบกสะบัดขึ้นอีกครั้ง! พร้อมกับบาดแผลจากกระบี่ที่ทหารสเปนได้ทำไว้เพิ่มมากขึ้น! แต่เขายังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม โดยไม่สนบาดแผลลึก! เขากระชากเสื้อที่ขาดจนรุ่งริ่งออก พร้อมกับกระชับขวานหนักที่เริ่มจะแตกร้าวไว้แน่น! พร้อมกับชูมันขึ้นฟ้าราวกับใช้มันชี้ไปยังสรวงสวรรค์ พร้อมกับคำรามออกมาราวฟ้าผ่า!
“ดาหน้าเข้า เจ้าพวกโง่!!!”