ตอนที่ 43 อาหาร
ตอนที่ 43 อาหาร
มีเสียงคนสองคนกำลังก้าวเท้าลงบันไดมา คนหนึ่งกำลังถือเทียนให้แสงสว่างแก่พื้นที่มืด
"... คงได้สักห้าหมื่น"
"โบนัสก้อนใหญ่เลยครั้งนี้?"
"แน่นอน เพราะผู้ซื้อครั้งนี้มีชื่อเสียงมากๆ และเขาชอบเด็กสาวสวยๆ โครซี่หยุดน้ำลายไหลได้แล้ว เราไม่สามารถแตะต้องเธอได้ เราจะเอาเธอไปส่งพรุ่งนี้เช้า ... "
"ฮาริติมาด้วยตัวเอง ฉันได้ยินมาว่าคงมีการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้น ไม่น่าจะมีใครรอดสักคน"
"ชู่ๆๆ อย่าพูดเล่นสิ ถ้าเกิดว่าใครจะได้ยินล่ะ?"
“แกจะกลัวอะไร ที่นี่มีแต่อาหารของเราเท่านั้น ใครจะมาแอบฟัง?”
"แกลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนสุดท้ายที่พูดเรื่องนี้ไม่ได้แล้วใช่ไหม"
ชายอีกคนหนึ่งตัวสั่นและไม่ตอบ
เย่วซิงฟังคำพูดไม่ชัด แต่เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก "เธอยังคงอยู่ทดี เธอยังไม่ได้ถูกฆ่า... เธอยังมีชีวิตอยู่" เขาคิด เย่วซิงปิดตาของเขา ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ ขณะพวกมันเดินเข้ามาใกล้
"โชคร้ายอะไรอย่างงี้ที่ต้องมาให้อาหารมัน" คนแคระที่ถือโคมไฟสาปแช่ง
"ความผิดใครละ? แกเป็นคนลากฉันเข้ามาเอง" เพื่อนของเขาเตะเขา "คนสุดท้ายที่ให้อาหารเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นกินอะไรไม่ได้ไปหลายวันเลย น่าขยะแขยงจริงๆ !"
"เฮ้ อย่าเพิ่งโกรธ" คนแคระหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาหยิบห่อเล็กจากกระเป๋าของเขา มันขนาดพอดีมือและดูหนัก ดวงตาของเพื่อนของเขาลุกวาว แกเอามันมาจากที่ไหน? "
"ชาวอินเดียนแดงที่มาใหม่ นำมันมาจากแท่นบูชาพระกฤษณะ " คนแคระร้องว่า "พวกเราซื้อมันมาจำนวนมาก แค่ห่อเล็กนี่ก็ทำให้ฉันใช้ชีวิตได้ครึ่งปีแล้ว"
ดวงตาของชายคนหนึ่งดูสนใจห่อนั้นมากๆ" มันเป็นยาเสพติดใช่ไหม แบ่งมาให้ฉันบ้างสิ"
"ไม่ ทำไมฉันต้องแบ่ง?" คนแคระได้เปิดห่ออย่างระมัดระวัง เมื่อมองไปที่ผงแป้งสีขาวมือของเขาเริ่มสั่น "ฉันต้องอัดผงนี่มันเข้าไปมาก เพราะเมื่อสัตว์ประหลาดเริ่มกินอาหาร ฉันจะได้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นทันที"
เพื่อนสนิทคนแคระ สการ์เฟซมองไปที่ชายหนุ่มที่ห้อยอยู่หลังลูกกรง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ "น่าเสียดาย เขาดูน่ารักมาก เขาคงขายได้ดี"
"มันใกล้จะตายแล้ว แกคิดว่าแกพูดอะไรอยู่ ... " คนแคระเหลือบมาองไปที่เย่วซิง ดวงตาของเขาก็สว่าง "ฉันยังไม่ได้ค้นตัวมันเลย"
หลังจากถูกโซ่ล่าม เย่วซิงได้แต่นิ่งเงียบราวคนตาย ที่หน้าอกของเขา กระเป๋าเงินที่เป็นรูทำให้มองเห็นกระดาษสีเขียวด้านใน – มันคือสีของเงิน!
เงินจากสินค้าที่เขาไปส่งมีอย่างน้อยสี่หรือห้าหมื่นปอนด์!
"เด็กคนนี้เอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน?" คนแคระกลืนน้ำลาย
"เงินขนาดนี้มัน?" สการ์เฟซตาพล่ามัว "ฉันกำลังจะบ้า?"
"แกรออะไรอยู่?" คนแคระเตะสการ์เฟซ "รีบไปเอาเงินมา อยากให้มันถูกสัตว์ประหลาดกินไปพร้อมเสื้อผ้าหรอ ไปเอามาก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะแบ่งกันยังไง"
สการ์เฟซได้สติทันที และรีบไปหากุญแจมาเปิดกรงเหล็กหนา เขาหยิบตะขอเหล็กจากข้างๆ พยายามเล็งไปที่โซ่
"รอก่อน!" คนแคระเอาตะขอออกมา "แกกำลังทำบ้าอะไร ถ้าเกิดมันตกลงไป จะทำยังไง!"
สการ์เฟซจ้องมองเขา คนแคระดูจะกังวลเรื่องเงินมากๆ เขาสบถด่าคนแคระและปล่อยให้มันทำงานไปโดยที่เขาคอยเฝ้าระวัง
"ระวังด้วยละ" สการ์เฟซพูดอย่างเย็นชา "อย่าตกลงไปละ ไม่งั้นแกได้เป็นอาหารของมันแน่"
คนแคระทำอย่างระมัดระวัง ตะขอของเขาเกี่ยวติดโซ่และลากเย่วซิงที่โดนล่ามเข้ามา เขาเอื้อมมือเข้าไปในอกของเย่วซิง "พวกเรารวยแล้ว ... "
ก่อนที่เขาจะหยิบกระเป๋า มีมือใครบางคนกำลังจับมือของเขา สายตาสการ์เฟซหนาวสั่น
มือของใครกัน?
ในขณะนั้นเขาคิดว่าเย่วซิงตายแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นแบบนั้น ดวงตาสีดำที่จ้องมองเขาทำให้เขารู้สึกตกใจ ดวงตาอันดำมืดราวกับกระแสน้ำหมุนวนจมลงสู่ความมืดมิด
ก่อนที่คนแคระจะตอบโต้อะไรได้ทัน เขาถูกดึงเข้าไปในกรงเหล็กด้วยแรงมหาศาล เย่วซิงคว้าตะขอและออกแรงดึงอย่างสุดกำลัง ด้วยแรงดึงอย่างไม่คาดคิดทำให้คนแคระล้มเซมาหาเย่วซิง เขาใช้ตัวคนแคระเป็นตัวส่งกระโดดข้ามหัวสการ์เฟซไป
สการ์เฟซพยายามหาทางช่วยคนแคระ แต่ที่เขาเห็นคือเย่วซิงลอยข้ามหัวเขา พร้อมเหวี่ยงปลายตะขอเข้าที่หัวของเขา
บูม!
ตะขอกระแทกเข้ากับศีรษะของสการ์เฟซทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาเขาดับลง เขาล้มตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวด และรู้สึกถึงโซ่เหล็กหนาที่กำลังพันรอบคอของเขา
ประตูค่อยๆ ปิดลง อย่างช้าด้วยแรงผลักของเย่วซิง
เย่วซิงหอบหายใจแรง ขณะเหยียบย่ำใบหน้าของสการ์เฟซให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เขาค่อยๆดึงโซ่ที่พัดรอบคอสการ์เฟซ ผลักตัวมันเข้ากับลูกกรงจนเกือบจะดันหัวของมันผ่านเข้ามาได้
"ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย!" ในบ่อน้ำคนแคระพยายามเกาะขอบบ่อและพยายามปีนกลับขึ้นไป แต่เย่วซิงกลับดับฝันของเขา
"หุบปาก!" เย่วซิงจับโซ่ที่กำลังดึงสการ์เฟซแน่น ทำไมความหวังของคนแคระจางหายไป
เย่วซิงใช้แรงทั้งหมดในการดึงสการ์เฟซเข้ามาหา ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรโซ่ก็จะไม่คลาย เย่ววซิงเพ่งมองไปที่คนแคระและถาม "แกพาฉันมาขังไว้ที่ไหน?"
ริมฝีปากของคนแคระสั่น แต่เขายังไม่ยอมพูด ดวงตาของเย่วซิงดูเย็นชา เขากระตุกตะขอที่เกี่ยวอยู่กับคนแคระทำให้มันต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมา
"บอกฉันว่าเราอยู่ที่ไหน?"
“นี่คือชั้นล่างสุดของระบบท่อบำบัดน้ำเสียของ Avalon มันเป็นทางเดินในอุโมงค์ลึกลับ ฮาริติค้นพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อก่อนมันเคยเป็นแค่สถานที่รกร้าง เราพยายามสร้างผีน่าหวาดกลัว เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาพบที่นี่” คนแคระกรีดร้องว่า "ช่วยฉันก่อน พาฉันขึ้นไป!"
"ฮาริติคือใคร?" เย่วซิงถาม "ผู้หญิงในตำนานที่กำลังจะกลายเป็นปีศาจ?"
"คือเธอนั่นแหละ เธอมีรูนที่ควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้และพวกมันก็ฟังเธอ" คนแคระเริ่มจะหลั่งน้ำตา "ฉันขอร้อง ช่วยฉันด้วย!"
"ทำไมพวกเขาต้องการตัวไป่ฉี?" เย่วซิงพยายามสอบปากคำ
"ฉันได้ยินมาว่ามีชาวตะวันออกบางคนยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้พาเธอกลับไป แม้แต่ชาแมนก็ยังพลาด ดังนั้นฮาริติจึงเข้ามาทำงานแทน ฉันบอกคนายหมดทุกอย่างที่ฉันรู้แล้ว!" คนแคระร้องไห้ "ช่วยฉันขึ้นไปที "
เขาพยายามกรีดร้อง ในบ่อน้ำลึกน้ำนิ่งเหม็นเริ่มเกิดฟองผุดขึ้นมา เหมือนปลากินคนนับไม่ถ้วนกำลังพยายามกระโดดไปมา น้ำที่นิ่งสงบเริ่มสูงขึ้นเรื่อย มีเงาบางอย่างอยู่ในน้ำนั่น มันพยายามขึ้นมาจากน้ำอย่างช้าๆ
เกิดเสียงราวกับคลื่นสึนามิดังขึ้น ...
มันดูราวกับผีที่ไร้รูปแบบที่ไป่ฉีเคยพูดให้เขาฟังมาก่อน เป็นหนึ่งในสัตว์ที่เกิดจากแม่มดแห่งความหายนะ
หลายคนคิดว่าพวกมันเป็นวิญญาณของคนตาย แต่พวกมันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่กินเลือดเพื่อความอยู่รอด การปรากฏตัวของพวกมันจะมากน้อยแล้วแต่สถานที่ บางครั้งพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในสุสานคอยกินซากศพ แต่หากพวกมันอยู่อุโมงค์แล้วพวกมัน มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นวิญญาณคนตายและคอยกินคนที่มันพบเจอ
บางคนกลัวอำนาจของมัน กลัวที่จะถูกวิญญาณชั่วร้ายกลืนกิน แต่จากบันทึกของศาสนจักรแสดงให้เห็นว่าพลังจริงๆของพวกมันคือความสามารถในการแปลงตัวเองเป็นฝุ่นละออง ร่างกายของพวกมันสามารถสลายหายไปจนกลายเป็นหมอกหนาๆ สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกจะถูกกลืนกินด้วยความหวาดกลัวในความตายและสูญเสียสติทั้งหมดและทำได้เพียงเป็นอาหารให้กับมัน
อะไรบางอย่างทำให้สัตว์ประหลาดพวกนี้ชอบกินมนุษย์เป็นอาหาร?
เกิดบางอย่างส่องแสงสะท้อนอยู่ในน้ำ มันเป็นกระดูกสีขาวที่แตกหัก อาจจะเป็นครึ่งหนึ่งของกะโหลกศีรษะ กระดูกเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วบ่อน้ำ เย่วซิงเข้าใจทันทีว่าพวกเขานำมนุษย์มาเป็นอาหารแก่สัตว์ประหลาดเหล่านี้
"พวกแกเอาคนมาเป็นอาหารพวกมัน?" เย่วซิงเหลือบมองไปที่คนแคระ
"เราเอาเฉพาะคนที่ตายแล้ว!"
"แกคิดว่าฉันตายแล้วสินะ?" เย่วซิงจ้องมองไปยังคนแคระที่กำลังตัวสั่น
ความหวาดกลัวของคนแคระแสดงออกมาอย่างชัดเจน "ช่วยฉันด้วย ... "
เย่วซิงมองเขาอย่างเย็นชาและไม่ตอบ
เย่วซิงดึงโซ่ที่รัดคอสการ์เฟซ ทำให้เขาสำลักก่อนจะหยุดดิ้นรนต่อสู้ ร่างกายของเขาอ่อนปวกเปียกและเริ่มหมดสติ ทำให้เย่วซิงเริ่มที่จะขยับตัวออกไปนอกกรงขัง
คนแคระพยายามพุ่งขึ้นมาจากปากบ่อพร้อมสาปแช่งเย่วซิง
น้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
"ช่วยด้วย!" คนแคระกรีดร้อง "เด็กกำลังจะหนี!"
เย่วซิงใช้ตะขอฟาดไปที่ศีรษะของเขา "คุณจะทำเสียงดังทำไม"
"พวกมันกำลังจะมาแล้ว!" คนแคระเตะผีที่พยายามจะลากเขาลงไป เขาร้องไห้ "ช่วยฉัน ช่วยฉัน!"
เย่วซิงยังนิ่งเฉยราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินอะไร เขามองไปรอบ ๆ พยายามค้นหาบางอย่าง ในที่สุดเขาก็หยิบห่อเล็กๆขึ้นมาและใช้ผงคลายแป้งบางส่วน
ยาเสพติดเป็นสิ่งชั่วร้าย มันมาจากโรงงานของอินเดีย ซึ่งเริ่มแรกมันเป็นยาแก้ปวดที่ใช้ในการทหารตอนช่วงสงคราม Asgard แต่ภายหลังพวกเขาพบว่ามันคือยาเสพติดที่ให้โทษอย่างมาก หลังจากใช้แล้วจะทำให้เกิดภาพหลอนและทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว มันจึงเป็นของผิดกฎหมาย
เย่วซิงมองดูมันและวิเคราะห์ส่วนผสมที่ใช้สกัด แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร เขาถอนหายใจและเดินเข้าไปหาคนแคระ
เย่วซิงยืนอยู่ใกล้บันได เขาได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าเข้าใกล้ประตูเรื่อยๆจนมันเปิดออก
ช่วงเวลาที่มีเสียงประตูเปิดออก เย่วซิงได้ลงไปหลบอยู่ที่ด้านล่างของบันได เขาตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนขั้นบันไดที่ปูด้วยตะไคร่น้ำ ความมืดทำให้คนที่เดินลงบันไดมามองเห็นเขาได้ไม่ชัด และเมื่อแสงไฟจากตะเกียงส่องไปด้านหน้า .........บูม!