บทที่ 61: การโต้เถียง
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 61: การโต้เถียง
ในโลกของผู้ฝึกตน มีอุปกรณ์วิเศษมากมาย ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะใช้มันโดยตัวคนเดียว ของบางสิ่งสามารถใช้งานมันโดยกลุ่มคนได้ ซึ่งปกติของอุปกรณ์กำหนดมาให้ถูกใช้งานเป็นกลุ่ม ดังนั้นชื่อของมันถูกตั้งจากธรรมชาติของมัน ก็คือ ‘อุปกรณ์วิเศษยักษ์’
อุปกรณ์ดังกล่าวมีความพิเศษ กระบวนการสร้างพวกมันเป็นเรื่องน่าเบื่อ นอกจากนี้ยังใช้วัสดุต่าง ๆ จำนวนมาก แต่เมื่อได้รับการขัดเกลาแล้ว แน่นอนว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ดังนั้นจึงไม่มีอุปกรณ์วิเศษขนาดยักษ์ที่เป็นอุปกรณ์คุณภาพต่ำ แม้แต่คนที่ไร้คุณภาพที่สุดยังสามารถครอบครองอุปกรณ์ระดับสูงได้ นอกจากนี้ คุณภาพของอุปกรณ์วิเศษขนาดยักษ์ยังแตกต่างจากอุปกรณ์วิเศษชนิดอื่น ๆ กล่าวได้ว่ามันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือความแข็งแกร่งของอุปกรณ์วิเศษขนาดยักษ์นั้นมีมากเกินไป และจำนวนคนที่ใช้งานมันก็มากขึ้นตามไปด้วย บางครั้งอุปกรณ์วิเศษยักษ์มีระดับต่ำกว่ากลุ่มคนที่ใช้งานมัน ซึ่งนั่นจะสามารถปลดปล่อยพลังของมันได้เต็มที่
แน่นอน แม้ว่าอุปกรณ์วิเศษยักษ์จะมีความแข็งแกร่งมาก แต่การสร้างมันขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่ลำบากมากเช่นกัน ไม่เพียงแต่ปริมาณของวัสดุเท่านั้น ทั้งจำนวนคนและเวลาที่ใช้ก็มากตามไปด้วย
แม้ว่าสำนักเสวียนเทียนจะมีความสามารถเพียงพอ แต่ยังต้องใช้เวลานับพันปีในการรวบรวมวัสดุต่าง ๆ เพื่อสร้างอุปกรณ์วิเศษยักษ์ ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญนับร้อย ทั้งระดับจินตันและหยวนหยินจะต้องใช้เวลานับสิบปีเพื่อสร้างมันขึ้นมา เช่นนี้แล้วเห็นได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่มีค่าอย่างยิ่ง
อุปกรณ์วิเศษยักษ์ส่วนใหญ่แล้วเป็นสมบัติของนิกาย มันจะไม่ถูกนำออกมาใช้พร่ำเพื่อ ในวันนี้เจ้าอ้วนมองเห็นนาวายักษ์สีดำซึ่งเป็นอุปกรณ์วิเศษยักษ์ลอยอยู่
แม้ว่าขนาดของมันจะเพียงร้อยฟุต และอาจถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์วิเศษยักษ์ระดับต่ำ แต่หากนำมันออกประมูล แน่นอนว่าราคาของมันต้องพุ่งขึ้นอย่างมหาศาล
เมื่อเจ้าอ้วนมองเห็นการปรากฏตัวของสมบัติเช่นนั้น มันรู้สึกอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
เมื่อมันจ้องมองไปที่นาวายักษ์สีดำ เหล่าชายหนุ่มแต่งชุดสีขาวกำลังกระโดดออกมา พวกเขาอาจจะกำลังคิดว่าตนเองเท่ห์มาก ด้วยผ้าคลุมที่โบกสะบัดในจังหวะที่กำลังจะโดดลงมาจากฟากฟ้า การกระทำเช่นนี้บอกได้ว่าพวกเขาอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดา อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเหนือกว่าเจ้าอ้วน การปรากฏตัวเช่นนี้เป็นเพียงการแสดงความหยิ่งยโสแค่นั้น ซึ่งเจ้าอ้วนจ้องมองด้วยความไม่พอใจ
ในขณะที่พวกเขาบินลงมา นาวายักษ์บนท้องฟ้าได้หดตัวลงโดยอัตโนมัติ ขนาดของมันย่อเล็กลงเพียงต้นไม้เล็ก ๆ และอยู่บนฝ่ามือของชายหนุ่มผู้นั้น
เขาเก็บนาวายักษ์ในขณะที่เดินมาหยุดตรงหน้าเจ้าอ้วนพอดี เขาพิจารณามองมายังเจ้าอ้วนที่กำลังดื่มด่ำกับน้ำชายามบ่าย ขณะนั้นเขาเผยใบหน้าเหยียดหยามออกมา จากนั้นเขาตะโกนเสียงดัง “ไปเรียกผู้นำวัดของเจ้ามาพบข้า หยูก้วนฉู่ บอกเขาว่าเพื่อนเก่าของเขามาเยี่ยมเยือน!”
เจ้าอ้วนตกตะลึงไปชั่วขณะพร้อมกันเขาคิดในใจ ‘ข้าคือผู้นำวัดนี้และนามสกุลของข้าคือซ่ง ในตอนนี้เจ้ากำลังมองหาผู้นำวัด ดูเหมือนว่าเขาจะมีนามสกุลว่าหยู’ เนื่องจากความรังสีความเกลียดชังที่มันมีต่อเจ้าอ้วนแผ่ออกมาอย่างล้นหลาม เขาไม่สามารถแม้แต่จะใส่ใจนามสกุลของคนผู้นี้
เมื่อได้ยินว่าไม่ได้มองหาเขา บวกกับการดูหมิ่นรูปลักษณ์ ทำให้เจ้าอ้วนไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่แม้แต่จะชายตามองพร้อมกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ผู้นำวัดที่เจ้ากำลังมองหาได้ปลดระวางและเดินทางกลับไปยังวัดเสวียนเทียนแล้ว เจ้าสามารถไปพบเขาได้ที่นั่น!”
“อะไร? ปลดระวาง? เขาไม่ได้เป็นผู้นำวัดอีกแล้วงั้นหรือ?” ชายหนุ่มผู้นั้นตกตะลึงไปพร้อมกับกล่าวเสริม “แล้วผู้นำวัดคนใหม่คือใคร? ไปบอกให้เขาออกมาพบข้า!”
“เจ้าได้พบเขาแล้ว!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างอดกลั้น
“ข้าพบเขาแล้ว?” ชายหนุ่มมิได้เป็นคนโง่เขลา เขาเข้าใจได้ทันที จากนั้นจึงตอบออกมาอย่างตกใจ “อา? เป็นเจ้า?”
“ถูกต้อง!” เจ้าอ้วนกล่าวเสริม “เหตุใดเจ้าจึงหาข้า?”
ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหัวและส่งสายตาดูถูกรูปลักษณ์ของเจ้าอ้วน “สำนักเสวียนเทียนนั่นเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ในรุ่นถัดมา! เหตุใดกันพวกเขาจึงส่งก้อนไขมันที่ดูอ่อนล้ามาปกป้องสถานที่แห่งนี้ หรือจะตัดสินจากขนาด ข้าเกรงว่าทุกคนในที่นี่คงรับสินบนจากเขาแล้วกระมัง!”
แม้ว่าเขาจะกล่าวออกมาเบา ๆ แต่หลังจากเจ้าอ้วนเข้าสู่ระดับเซียนเทียน หูของเขารับเสียงได้อย่างดีเยี่ยม เขาได้ยินทุกสิ่งอย่างที่มันพ่นออกมาพร้อมกับเลือดขึ้นหน้าทันที ถ้าหากเขาไม่ได้มีอุปกรณ์วิเศษขนาดยักษ์ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขามีผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เจ้าอ้วนจะรีบให้รางวัลเขาเป็นสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ทันที
เด็กหนุ่มคนนี้คงอยู่ในครอบครัวของชนชั้นสูงและเป็นความภาคภูมิใจของตระกูล และความจริงคือเขาอยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นแปดซึ่งไกลกว่าเจ้าอ้วน แน่นอนว่าเขากำลังคิดจะใช้ประโยชน์จากก้อนไขมันนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด
หลังจากพึมพำเสร็จ เขาเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับโยนรายการอาหารลงตรงหน้าของเจ้าอ้วนอย่างหยาบคาย พร้อมกล่าวเสียงดัง “หากเจ้าเป็นผู้นำวัด ถึงคราวที่เจ้าต้องตัดสินใจแล้ว! วันนี้ข้ามายังที่แห่งนี้เพื่อซื้อมัจฉาไร้เนตรและเห็ดจิตวิญญาณสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดบิดาของข้าด้วยหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งหมื่นก้อน รีบเตรียมสิ่งของทุกอย่างให้กับข้าจำนวนห้าสิบจิน!”
เมื่อมองเห็นทัศนคติที่แสนต่ำต้อยของเขา ที่กระทำราวกับว่าเจ้าอ้วนคือคนรับใช้ภายในบ้านของตนเอง พร้อมกันนั้นมันหยิบกระเป๋าเก็บของโยนใส่เท้าของเจ้าอ้วน เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป พร้อมตะโกนลั่น “ที่แห่งนี้มีขอทานเข้ามาได้อย่างไร? ถ้าหากว่าไม่สามารถจ่ายเงินได้ ก็อย่าแสดงตนใหญ่โตนัก!”
ไม่แปลกที่เจ้าอ้วนจะโกรธจัด มัจฉาไร้เนตรและเห็ดจิตวิญญาณไม่ได้มีมากนัก หนึ่งปีผลิตได้เพียงหนึ่งพันจินเท่านั้น และหลังจากหักค่าใช้จ่ายสินบนที่มันควรจะได้รับ มันต้องส่งหินจิตวิญญาณกลับไปยังนิกายเป็นจำนวนหนึ่งล้านก้อน หินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนก้อนอาจจะไม่เพียงพอที่จะซื้อมัจฉาไร้เนตรกับเห็ดจิตวิญญาณจำนวนห้าสิบจินด้วยซ้ำ แต่กับชายผู้นี้ เขาหยิบมันออกมาเพียงหนึ่งหมื่นก้อนและกระทำตนราวกับว่าอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย เจ้าอ้วนจะไม่รู้สึกโกรธได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนไม่ตอบสนองคำสั่งของเขา ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนพร้อมกับก่นด่าเจ้าอ้วนทันที “เจ้าก้อนไขมัน เจ้ากล้าหาญยิ่งนักที่กล่าววาจากับข้าเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”
เจ้าอ้วนนั้นเกลียดบุคคลที่เรียกเขาว่าก้อนไขมันอย่างถึงที่สุด และความโกรธนี้คือระดับสูงสุดแล้ว เขาไม่อาจใส่ใจกับพื้นเพของชายหนุ่มผู้นี้ได้พร้อมตะโกนกลับไปว่า “มีสุนัขมากมายบนโลกใบนี้ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามาจากแห่งหนใด?”
ชายหนุ่มโกรธจัดจนเกือบจะอกแตกตาย การคลานออกจากรังของสุนัขยังถือว่าเป็นมนุษย์ได้หรือไม่? เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองชายหนุ่มผู้นี้เปรียบได้กับสุนัขเท่านั้น
ขณะนั้นเขาตระหนักได้กับความจริงว่าเขานั้นอยู่เหนือเจ้าอ้วน เขาโกรธจัดทันที เขาดึงดาบออกมาพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของเจ้าอ้วนและเริ่มตำหนิทันที “ก้อนไขมันเอ๋ย เจ้าสร้างความอับอายให้แก่ข้า หรือว่าเจ้าเหนื่อยเกินว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว?”
ยิ่งได้ยินคำว่าก้อนไขมัน ความโกรธก็ยิ่งแผ่กระจายออกไปทั่วทุกรูขุมขน เขากระโดดออกจากเก้าอี้ทันที พร้อมเรียกดาบอินทรีย์ทองออกมาชี้ไปที่ชายหนุ่มพร้อมกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงเป็นเพียงวานรผิวเผือกที่เบื่อหน่ายที่ชีวิตนี้เต็มทีแล้ว!”