ตอนที่แล้วChapter 113: เนื่องจากว่าพระเจ้าจำเป็นที่จะต้องมีฉันยังไงละ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 115: เสียหน้า

Chapter 114: ผมไม่รู้จักแม้กระทั่งคุณ โอเคไหม?


Chapter 114: ผมไม่รู้จักแม้กระทั่งคุณ โอเคไหม?

หลังจากเดินด้วยกันเป็นระยะทางสั้นๆ นิกายซวนเฉินก็แยกกันเพื่อที่จะไปฝึกฝนหรือทำเควสของพวกเราทำกันให้สำเร็จ

ดาบน้ำแข็งก็ออกจากเกมก่อนที่จะเริ่มแพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับความลับในเว็บบอร์ด ในขณะที่หวังหยู่นั้นเดินอย่างน่าสงสารกลับไปยังเมือง

ไร้ความกลัวและคนอื่นนั้น ในตอนแรกมีความต้องการที่จะช่วยกับหวังหยู่ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขานั้นได้ยินว่าเขาสามารถที่จะแบ่งปันเควสได้กับเพียงแค่คนเพียงคนเดียว และเขาก็จำเป็นที่จะต้องสู้กับบอสที่มีระดับเดียวกับเทพเจ้ามังกรเลือดทั้งสี่ พวกเขาก็ยอมแพ้ในทันที แล้วพวกเขาก็ยืนกรานว่าผู้ชายที่แท้จริงนั้นจะต้องแก้ปัญหาด้วยตัวของพวกเขาเอง

พูดตามธรรมชาติแล้ว หวังหยู่นั้นก็ไม่ได้โทษพวกเขาสำหรับความภักดีของพวกเขา สุดท้ายแล้วเขานั้นจะต้องเผชิญหน้ากับบอสโหมดอิสระ.....การเผชิญหน้ากับบอสที่พวกมันรู้ที่จะเล็งเป้าหมายคนที่อ่อนแอเป็นคนแรกนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาจะกลายเป็นภาระให้กับหวังหยู่!

หลังจากที่พิจารณาเป็นเวลาสักพักแล้ว หวังหยู่ก็ตัดสินใจที่จะไปยังเมืองวาติกันก่อน ตั้งแต่ที่มันอยู่ใกล้ที่สุด และมันใช้เวลาเพียงยี่สิบวินาทีจากการนั่งเรือบิน

เมืองวาติกันนั้นเป็นเมืองที่ขึ้นอยู่กับชื่อของมัน เมื่อมันเป็นเมืองหลวงของดินแดนมนุษย์ เมื่อเปรียบเทียบกับมันแล้ว เมืองรัตติกาลนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ขนาดของเมืองนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าดึงดูดใจที่สุดในเมืองก็คือจำนวนมอนสเตอร์ที่ผู้เล่นสามารถเก็บระดับได้! มันมีมอนสเตอร์ระดับ15ถึง20ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองด้วยตัวเองเลย! ผู้เล่นที่อยู่ในที่เก็บระดับนั้นก็กำลังพูดคุยกันสบายๆในขณะที่กำลังเก็บระดับ

ทางเข้าของดันเจี้ยนระดับสิบห้านั้นเป็นโบสถ์อันนองเลือดที่อยู่ภายในเมืองด้วยเช่นกัน! มันเป็นสถานที่ที่ของนักบวชในการเก็บระดับ และมันจึงเต็มไปด้วยคนจำนวนมาก

“ดันเจี้ยนทั่วไประดับ 15 มีผู้เล่น 3คนแล้วกำลังตามหาอีกสองคน และไอ้นักต่อสู้ก็ไสหัวไปซะ…”

“ดันเจี้ยนชั้นยอดระดับ 15 พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญในการนำพวกเรา เรากำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง! นักต่อสู้ไม่ต้องมา…”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนทั้งหมดจากเหล่าผู้เล่น หวังหยู่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นักต่อสู้นั้นไม่เป็นที่ต้อนรับกับทุกที่เลยสินะ…

ตั้งแต่ที่หวังหยู่นั้นกำลังตามหาขนนกศักดิ์สิทธิ์ เขานั้นกำลังตามหาสิ่งที่สำคัญในธาตุแสง อย่างไรก็ตามมันก็เป็นปัญหา เพยีงแค่ดูไปที่ธาตุของมันก็ทำให้เป็นเรื่องที่เด่นชัดว่าบอสตัวนี้มาจากฝ่ายแสงสว่าง…

ใน {REBIRTH} เมืองวาติกันนั้นเป็นที่มั่นของฝ่ายแสงสว่างทั้งหมด! NPC ในเมืองนั้นก็ใกล้ชิดกับฝ่ายแสงสว่างด้วยเช่นกัน ความจริงที่หวังหยู่นั้นจำเป็นต้องฆ่าหนึ่งในพวกเขานั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

หลังจากที่เดินไปมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง หวังหยู่ก็ยังหาเบาะแสไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินออกไปสืบหานอกเมือง

ถึงแม้ว่าเมืองวาติกันนั้นเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ กิลด์ใหญ่นั้นก็ไม่ได้มีข้อแตกต่างไปจากเมืองอื่น พื้นที่เก็บระดับยี่สิบห้าด้านนอกนั้นถูกแบ่งกันและมันก็มีธงของแต่ละกิลด์ ผู้เล่นธรรมดาทั่วไปนั้นจะไม่มีที่ไว้เก็บระดับเลยแม้แต่นิดเดียว!

เพียงแค่หวังหยู่จะเดินผ่านพื้นที่นี้และกำลังหาบอสของเควส เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลังของเขาขึ้นมา

“จับเธอไว้! อย่าปล่อยเธอหนีไป!”

“ฉันจะให้ใครก็ตามที่จับเธอได้ หนึ่งร้อยเหรียญทอง!”

เมื่อหันกลับไป หวังหยู่ก็หญิงสาวที่สวมหน้ากากเล็กๆกำลังวิ่งออกมาจากเมืองพร้อมไปกับผู้เล่นจำนวนมากที่กำลังไล่ล่าเธออย่างดุเดือด

ท่ามกลางคนที่ไล่ล่า ผู้คนที่นำการไล่ล่านั้นเป็นเทมพลาร์ที่กำลังใช้กระบองมันวาวที่มีระดับทอง เกราะที่เหลือของเขานั้นก็มีการส่องแสงสีน้ำเงินออกมารอบๆด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้เขาดูเลิศหรูมากและมีบรรยากาศแห่งความเป็นวีรบุรุษ

ผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังเทมพลาร์นั้นก็สวมอุปกรณ์ที่ดีด้วยเช่นกัน แต่ละคนนั้นก็จะมีอุปกรณ์ระดับเงินสองชิ้นกันในแต่ละคน

ฉากที่เกิดขึ้นนี้ทำให้หวังหยู่รู้สึกตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้เล่นส่วนมากนั้นมีเพียงแค่อุปกรณ์ระดับเหล็กในตอนนี้ และผู้เล่นระดับสูงนั้นก็ใช้อุปกรณ์ทองแดงกันเพียงคนละชิ้น ถ้าผู้เล่นที่มีอุปกรณ์ระดับเงินหนึ่งหรือสองชิ้น พวกเขาก็สามารถที่จะถูกพิจารณาได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว! แม้กระทั่งนิกายซวนเฉิน ส่วนมากของพวกเขาก็ยังคงใช้อุปกรณ์ระดับทองแดงอยู่

เมื่อมองไปที่ผู้หญิงใกล้ๆ หวังหยู่ก็กระพริบตาของเขารัวๆและก็พึมพำ “ทำไมรูปร่างของคนๆนี้มันช่างดูคุ้นเคย…”

ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้วิ่งหนีไปอย่างสิ้นหวัง เธอนั้นก็ยังหลบหลีกการโจมตีระยะไกลของฝูงชนได้ทั้งหมด ในเกมเสมือนจริงแบบนี้ มันก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ และความสามารถของเธอนั้นก็สามารถพิจารณาว่าเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มพวกเขาได้

“นายกำลังมองอะไรอยู่กัน? รีบมาช่วยฉันเร็วเข้า!”ผู้หญิงก็รีบตะโกน ด้วยเหตุผลบางอย่างนั้น ทันทีที่เธอเห็นหวังหยู่ ตาของเธอก็โตขึ้นอย่างเต็มไปด้วยความสุข

“เธอกำลังพูดกับผมอยู่งั้นเหรอ?”หวังหยู่ถามอย่างสับสน ในขณะที่เขานั้นกำลังชี้ไปที่ตัวเขาเอง

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! จะมีใครอื่นนอกจากนายกัน?”ผู้หญิงตอบกลับ พร้อมกับความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ เธอนั้นก็มาถึงอยู่ด้านข้างของหวังหยู่แล้ว

เมื่อมองไปรอบๆ หวังหยู่ก็ตระหนักได้ว่าผู้เล่นนั้นมาล้อมรอบเขาและก็กระจัดกระจายกันไปหมดแล้ว และก็ทิ้งหวังหยู่ไว้เพียงคนเดียว..

“อึ้ก ทำไมเสียงมันดูคุ้นเคย…”หวังหยู่บ่น

เมื่อเห็นหวังหยู่ยืนขวางกั้นผู้หญิง ใบหน้าของเทมพลาร์ก็มืดคล้ำลงและเขาก็ยกกระบองของเขาขึ้นและตะโกน “นายเป็นผู้สมคบคิดงั้นเหรอ?”

“,…”หวังหยู่หลี่ตา และจ้องไปที่เทมพลาร์อย่างเงียบงันและคิด “เขาคิดว่ากระบองนั้นทำให้เขาเหมือนกับเป็นจักรพรรดิหรืออะไรงั้นเหรอ? แม้กระทั่งธงสงครามอันนองเลือดนั้นก็ไม่ได้อวดดีเท่านี้มาก่อน!”

“เฮ้! เขากำลังถามนายอยู่นะ! ทำไมถึงเงียบละ?”

เมื่อเห็นหวังหยู่เมินผู้นำของพวกเขา ผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยิงลูกศรใส่หวังหยู่

{แจ้งเตือนระบบ : คุณได้รับการโจมตีจากสมาชิกของปาร์ตี้นายน้อยปักกิ่ง คุณมีเวลา 90 วินาทีในการป้องกันตัวเอง!}

พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ หวังหยู่ก็จับไปที่ลูกธนูและตอบกลับตรงๆ “ผมไม่..”

หวังหยู่นั้นมีเจตนาที่จะพูดว่าเขานั้นไม่ได้รู้จักกับหญิงสาวคนนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็รีบตัดบทเขาในทันทีและตะโกน “เขาเป็นพี่ใหญ่ของฉัน!”

“ใครเป็นพี่ใหญ่ของนายกัน…”หวังหยู่ขมวดคิ้วและเขาก็หันกลับไป ถึงแม้ว่าตระกูหวังนั้นจะใหญ่ เขานั้นก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่เป็นผู้หญิงอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงน้องสาวเลย!

“นายคือ…”ผู้หญิงแสยะยิ้มและหลังจากนั้นก็ตะโกน “พี่ชาย! ไอ้บัดซบพวกนี้รังแกฉัน!”

“นายกำลังพูดผิดคนแล้ว!”หวังหยู่จ้องไปก่อนที่จะหันกลับและเดินจากไป

ถ้าผู้หญิงนั้นหลบอยู่ด้านหลังหวังหยู่หรือขอความช่วยเหลือจากเขาละก็ หวังหยู่นั้นก็อาจจะเตรียมช่วยเหลือเธอเนื่องจากบุคลิกนิสัยของเขา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจที่จะพยายามบีบบังคับเขาแบบนี้ ถ้างั้นหวังหยู่ก็จะไม่ช่วยเธอแน่นอน

ถึงแม้ว่าคนอื่นจากนิกายซวนเฉินนั้นจะหน้าด้าน พวกเขาก็จะไม่หลอกลวงแบบนี้ สำหรับเธอที่พยายามที่จะลากคนอื่นลง ตั้งแต่ที่เธอพึ่งพบเจอ นั้นมันช่างดุร้ายมากเกินไปจริงๆ!

นายน้อยปักกิ่งนั้นไม่ใช่คนโง่ ทันทีที่หวังหยู่จับไปที่ลูกศร เขานั้นก็สามารถบอกได้ว่าหวังหยู่นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ดังนั้นทันทีที่เขาเห็นหวังหยู่จากไป เขานั้นก็ฉลองอย่างเงียบงันและตะโกน “ฮึ่ม! เขานั่นไม่รู้จักเธอหรอกไอ้ผู้หญิงชั่วร้าย! รีบยอมแพ้และทิ้ง ‘สิ่งของศักดิ์สิทธิ์’ และรีบตามพวกเราไปรับบทลงโทษเร็วเข้า!”

“สิ่งของศักดิ์สิทธิ์?”หวังหยู่นั้นหยุดเดินเมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เกี่ยวข้องกับคำว่าศักดิ์สิทธิ์ สำหรับหวังหยู่แล้ว คำว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถที่จะเป็นเบาะแสให้กับเขา

เมื่อเห็นหวังหยู่หยุด ผู้หญิงคนนั้นก็ตื่นเต้น “ฉันรู้ว่านายจะไม่ละทิ้งฉัน..”

“อะไรคือสิ่งของศักดิ์สิทธิ์”หวังหยู่ถาม

เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยู่ ใบหน้าของเธอก็มืดมนลงในทันทีและเธอก็กระซิบ “นายจะฆ่าฉันเพื่อมันด้วยงั้นเหรอ?”

“เพียงแค่สงสัยหน่า ถ้านายไม่ยอมให้ฉันดูมันละก็ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่!”หวังหยู่หัวเราะ เขานั้นใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ซึ่งมันเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับหวังหยู่

“นายจะทิ้งฉันไว้จริงๆเหรอ?”เธอเริ่มต้นที่จะตื่นตระหนก

“ดูสิ พวกเรานั้นไม่รู้จักกันและกัน นายไม่สามารถที่จะพูดแบบนั้นได้นะ?”

“ถ้างั้น อย่างน้อยก็ให้ฉันยืมอาวุธละกัน!”เธอขอร้องอย่างสิ้นหวัง

ทันใดนั้นเอง หวังหยู่ก็สังเกตว่าผู้หญิงนั้นไม่มีอาวุธในมือของเธอ

“อาชีพของเธอคืออะไรงั้นเหรอ?”

“นักธนู!”เธอรีบตอบ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสงสัยเลยว่าเธอนั้นมีการหลบหนีที่ยากลำบาก ไม่สำคัญหรอกว่านักธนูนั้นจะมีความสามารถมากแค่ไหน โดยปราศจากอาวุธ พวกเธอก็ไม่สามารถโจมตีได้!

“รีบมันเอาคืนผมมาเมื่อคุณใช้เสร็จแล้ว!”หวังหยู่ตะโกน แล้วเขาก็โยนธนูให้กับเธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด