บทที่ 6: ความสามารถของสติปัญญา(ฟรี)
"นี้มัน งูปานาจาเป็นงูสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีพิษร้ายแรงมากเราจำเป็นต้องได้รับยาถอนพิษทันทีหากโดนมันกัดเข้า" กาเร็นตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและรับรูถึงชนิดของงูนี้ถึงแม้เขาจะถึงมาใช้ชีวิตใหม่ในโลกนี้ แต่เขาได้จดจำความรู้ทั่วไปของโลกนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตัวกาเร็นในอดีตที่เติบโตขึ้นมาในชนบทก็มีความรู้เกี่ยวงูชนิดนี้มาก่อนแล้ว
เมื่อเขาพูดเสร็จแล้วเขาก็เตะก้อนหิน
ตุบ!
หินตกลงไปข้างงูดำ ก็เลื้อยเข้าไปในลำธารไหลเพื่อหนีจากความกลัวที่จะโดนกาเร็นทำร้ายโดยทิ้งร่องรอยของคลื่นที่หายไปอย่างรวดเร็ว
"แล้วพวกจะถอนพิษงูได้ยังไง" เสียงพูดปนเสียงร้องไห้คือเสียงของลูกพี่ลูกน้องของเฟย์ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่ได้โดนกัด
"ล้างออกด้วยน้ำและหาใบไม้ต้นป็อปลาร์บางส่วนจากนั้นก็เคี้ยวมันและนำมันไปแปะที่รายโดนกัดสะ" กาเร็นอธิบายโดยละเอียด
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้นักเรียนทุกคนกับทำอะไรไม่ถูก นี่แสดงให้เห็นถึงความสุขุมของกาเร็นที่มีความเป็นผู้ใหญ่เขาสั่งให้เด็กผู้ชายได้รับใบต้นป็อปลาร์และขอให้สาวๆ ช่วยทำความสะอาดแผลที่ถูดกัดและบีบเลือดของงูพิษออกมา ทุกอย่างถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
ซินดี้ ลุกขึ้นยืนจากพื้นดินเธอจับผมที่สกปรกและสบัดกระโปรงของเธอ และมองไปที่กาเร็นซึ่งกำลังประกอบอาหารเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"ฉันจะจำนายไว้ว่าได้ช่วยเพื่อนของฉันในวันนี้" เธอกล่าวอย่างสงบขณะที่เธอช่วยเพื่อนของเธอด้วยการพยุงด้วยแขน
"มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก" กาเร็นยักไหล่ตัวเขาไม่ได้คิดมากอยู่แล้วแค่คิดว่าตัวเองสามารถช่วยได้จึงได้ยืนมือเข้าช่วย "แน่นอนถ้าเธอต้องการแสดงความขอบคุณจริงๆฉันขอดูเครื่องประดับโบราณ ที่เธอใส่อยู่มาดูหน่อยได้ไหม"
สายตาของเขาจ้องมองไปที่สร้อยคอสีขาวของซินดี้ซึ่งเป็นสายหนังสีดำสีน้ำเงินเข้มที่แขวนไว้
ขณะที่เขากำลังเดินใกล้เข้ามาค่าประสบการณ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในด้านการมองเห็นที่ โดนเพิ่มจาก 89% เป็น 92% เขามั่นใจว่าเครื่องประดับของซินดี้อันนี้อาจมีคุณภาพดีกว่าไข่มุกดำที่เขาดูดซัพพลังงานก่อนหน้านี้
"สร้อยคออันนี้อะหรอ" ซินดี้ถามอย่างขุ่นเคือง
เฟย์ที่อยู่ใกล้เข้ามาอธิบายว่า "กาเร็นชอบเครื่องประดับสมัยโบราณกาเร็นไม่ได้ต้องการสร้อยหรอกซินดี้ กาเร็นแค่อยากดูเฉยๆนะ ฉันรับประกันว่ากาเร็นจะไม่ขโมยสร้อยของเธออย่างแน่นอน "
"งั้นหรอ นี้นายต้องการที่จะเป็นผู้ประเมินราคาเครื่องประดับหรอกาเร็น" ซินดี้ถามเธอคิดเรื่องนี้สักพักจากนั้นก็เอื้อมมือไปที่หลังคอด้วยมือทั้งสองข้างและคลายสายหนังสีเข้ม
เฉพาะตอนนี้ทุกคนสามารถเห็นจี้ที่แนบมากับสายสีน้ำเงินมันเป็นคริสตัลสีฟ้ารูปเพชรขนาดของเล็บ น่าแปลกที่ภายในคริสตัลเป็นรัศมีเงินเล็ก ๆ
"นี่เป็นของเก่าที่ฉันซื้อมานานแล้ว อะนี้ สร้อยที่นายอยากดู" ซินดี้ส่งคริสตัลไปให้กาเร็น
กาเร็นเอาคริสตัลและตรวจดูดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยมีคุณค่าอะไรนอกจากความจริงที่ว่ามันดูโบราณมาก
"มันสวยมาก ... "
ขณะที่มือของเขาสัมผัสคริสตัล แต่เขารู้สึกว่ามีลมร้อนจัดขึ้นจากผลึกและเข้าสู่นิ้วมือของเขา
ค่าพลังงานที่แสดงอยู๋มุมล่างของเขาอยู่ๆก็พุ่งสูงขึ้น
92% ... 98% ... 103% ... 132% ... 177% ... 181%!
ค่าพลังเริ่มค่อยๆชะลอตัวก่อนที่จะหยุดที่ 181%
มองไปที่คริสตัลในมือกาเร็นรู้สึกราวกับว่าบางอย่างภายในคริสตัลค่อยๆหายไปแม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพก็ตามหลังจากได้รับค่าประสบการณ์ดกาเร็นพยายามเก็บความปีติยินดีไว้ในใจ "นี่เป็นคริสตัลที่ดีจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากรู้ความเป็นมาของเครื่องประดับชิ้นนี้ได้หรือไม่ "
ซินดี้ประหลาดใจและถามว่า "นี้นายรู้หรอว่ามันคืออะไร"
"รู้อะไร" เพื่อนคนอื่นๆที่เสร็จจากการดูแลแผลงูกัดได้เริ่มกลับมานั่งพักผ่อนกันแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่าทั้งสองคนคุยกันเองเด็กสาวผมแดงก็รู้สึกทึ่ง เธอเดินผ่านและเข้าร่วมการสนทนา
"อ่อ ไม่มีอะไรหรอกฉันแค่คุยกับกาเร็นนิดๆหน่อยๆหน่ะ" ซินดี้พยักหน้า "ชื่อของคริสตัลคือโศกนาฏกรรม ตำนานบอกว่าคนที่สวมจี้นี้จะประสบกับความโชคร้ายทุกชนิดและในที่สุดก็ตายโดยธรรมชาติ แต่ฉันไม่เชื่อในความเชื่อโชคลางเหล่านี้ อย่างไรก็ตามฉันสนใจเป็นอย่างมากในสิ่งต่างๆเหล่านี้ดังนั้นฉันจึงต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อ ฉันใส่มันตั้งแต่นั้นมา แต่มันก็มีของปลอมเยอะแยะและฉันก็ไม่แน่ใจว่าอัญมณีนี้เป็นของจริง "
กาเร็น พยักหน้าเบื้องหลังคริสตัลนี้เป็นจริงดังกล่าวเป็นเรื่องที่พื้นหลังแพร่กระจายอย่างกว้างขวางอัญมณีแห่งศักยภาพทั้งสองที่เขาเคยชินไว้ก่อนก็มีเรื่องราวความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา นี้เพิ่มการคาดการณ์อีกทฤษฎีของเขา เครื่องประดับเท่านั้นที่มีภูมิหลังเหนือธรรมชาติจะมีศักยภาพพอที่จะสามารถเพิ่มค่าพลังงานของเขาได้
"นายคิดว่ามันเป็นจริงไหมเรื่องที่ของอัญมณีชิ้นนี้" ซินดี้ถามออกมา
"เจ้าของทั้งหมดก่อนหน้านี้เสียชีวิตจากสาเหตุที่ไม่เป็นธรรมชาติดังนั้นมันจึงเป็นของจริงหรือของปลอมก็คงไม่ทราบหรอก" สาวสองคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากบาดแผลของพวกเธอ
กาเร็นหลังจากที่ได้รับค่าประสบการณ์มาก็เดินไปที่ลำธารเพียงคนเดียวและแกล้งทำเป็นล้างมือและหน้า
"เราได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเราแล้วเมื่อครั้งล่าสุดผลคือเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แล้วรอบนี้ถ้าเกิดตัวเราเพิ่มค่าสถานะต่างๆเข้าไปอีกมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกไหม "
ในวิสัยทัศน์ของเขาแสดงให้เห็นถึงค่าสถานะทั้ง 4
"สถานะความแข็งแกร่งคือจุดอ่อนของเรา แต่กำลังกายและความว่องไวสามารถปรับปรุงได้อย่างง่ายดายด้วยการฝึกฝน อย่างไรก็ตามหากตัวเราคิดถูก มันก็ไม่แน่ว่ามันจะส่งผลต่อร่างกายมากขนาดไหน "
หยุดชั่วครู่หนึ่งเขาวางสายตาของเขาไว้ที่ความแข็งแกร่ง สติปัญญา และกำลังกาย
"การที่ตัวเราสามารถเพิ่มค่าสถานะทางด้านร่างกายได้เลื่อยๆแบบนี้มันต้องส่งผลกับตัวเราในอนาคตอย่างแน่นอน เพื่อสร้างความได้เปรียบจริงๆเราจำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งก่อน ตั้งแต่ที่เราได้เพิ่มจุดเพื่อความแข็งแกร่งเพิ่มไปนั้นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะพัฒนาขึ้น แต่ถ้าเราสามารถแยกจุดและเพิ่มค่าสถานะทุกด้านพร้อมกันละ "
ทันทีที่เขาคิดว่าการไหลเวียนของสาระสำคัญที่บิดเบี้ยวภายในสมองของเขาแบ่งออกเป็นสามส่วนที่แตกต่างกันและเข้าสู่แต่ละองค์ประกอบทั้งสามอย่าง ได้แก่ ค่าความแข็งแกร่ง กำลังกายและสติปัญญา
กาเร็นรู้สึกว่าร่างกายเริ่มสั่นและเกิดอาการชาที่แปลกประหลาดลงมาจากศีรษะลงมาที่หลัง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีร่างกายของเขาก็กลับสู่สภาพปกติ
เขารู้สึกเหมือนร่างกายส่วนบนของเขาเพิ่มขึ้นในด้านความแข็งแรง จิตใจของเขาก็เริ่มปรับสภาพตาม ทันใดนั้นเขาก็สามารถคิดถและตอบคำถามปัญหาต่างที่ตัวเองเคยสงสัยในการศึกษาทางวิชาการของเขาที่ไม่เคยเข้าใจมันได้
เขาใช้เวลาในการปรับตัวและมองไปที่ค่าสถานะ
ความแข็งแกร่ง: 0.44, ความคล่องตัว: 0.23, กำลังกาย: 0.31, ความฉลาด: 0.36, ค่าประสบการณ์: 81%
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.03 กำลังกาย 0.03 และ ความฉลาด 0.04
"ค่าสถานะเพิ่มขึ้นพร้อมกัน" กาเร็นหยุดชั่วคราว"การใช้ปัญญาหรือค่าสถานะความฉลาดคืออะไร" เขาสงสัยในขณะที่เขาตรวจสอบสภาพของร่างกายของเขา
สถาบันขุนนางฉินหยางใช้หลักสูตรของขุนนางมาตรฐานกล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาเชี่ยวชาญในการพัฒนาอัจฉริยะ ตราบเท่า ที่นักเรียนมีพื้นที่ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาอาจได้รับการยอมรับในสถาบันอย่างไรก็ตามกาเร็นไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมกับสถาบันฉินหยางนั่นเป็นเส้นทางที่ปูทางให้กับเด็กที่มีอำนาจซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารหรือเสื้อผ้า นักเรียนสามัญมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นก็อาจจะมีสิทธิได้เข้าร่วม
ในการทำเช่นนี้นักเรียนต้องมีความชำนาญในทุกองค์ประกอบ
*******************
เวลากลางคืน
ชุมชนเล็ก ๆ ทางด้านใต้ของเมืองภายในคอนโดที่มีหลังคาสีแดง
กาเร็นนั่งอยู่หน้าโต๊ะในห้องของเขาผมสีม่วงและดวงตาสีม่วงเรืองแสงสลัวในขณะที่เขาใช้แสงไฟสีเหลืองอ่อนเพื่ออ่านหนังสือที่ด้านหน้าของเขา
กระดาษบาง ๆ ค่อยๆติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาก่อนที่จะพลิกไปหน้าต่อไปอีกครั้งหนังสือที่วางไว้ตรงหน้าเขาเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ทางสังคม
ดง ... ดง ... ดง ...
ระฆังนาฬิกาหมองคล้ำจางหายไปนอกหน้าต่าง
กาเร็นเหลือบไปข้างนอกตึกที่อยู่ตรงข้ามเขาเป็นสีดำสนิท "นี้เที่ยงคืนแล้วหรอเนี่ย นี้คงเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการที่เราเพื่มค่าสถานะของสติปัญญา ทำให้มีสมาธิเพิ่มมากขึ้นและสามารถเข้าใจอะไรหลายๆอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าใจได้"
กาเร็นลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้และเดินตรงมานอนที่เตียงมือทั้งสองข้างรองรับศีรษะของเขา
"ความสามารถของหน่วยความจำทั่วไปของเราดีขึ้นเล็กน้อย เวลาที่เราต้องการแก้ปัญหาก็สามารถคิดหาวิธีได้แล้วขึ้นนิดหน่อยแต่ที่สำคัญที่สุดความเร็วของการคำนวณตัวเลขของเราได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ตอนนี้เราจำเป็นต้องทำความเขาใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสังคมของโลกนี้หากเราคำนวณตามกฎของโลกนี้เราคงอยู่ระดับล่างสุดของชนชั้นทางสังคมเท่านั้น ยังคงมีอีกสามขั้นคือ ศิษย์ขั้นกลางและขั้นสูงสุดท้ายคือระดับขุนนาง"
ทันทีที่เขามีความคิดเรื่องเหล่านี้ด้านล่างของวิสัยทัศน์ของเขาก็กระพริบและสัญลักษณ์ใหม่ ปรากฏขึ้นกระพริบเหนือห้าสถานะทั้งหมด กาเร็นถึงกับตัวแข็ง
"อ่ะ นี้มันคืออะไร"เขากระโดดลงมาจากเตียงและจ้องมองสัญลักษณ์ที่เพิ่งตั้งขึ้น
สัญลักษณ์สีแดงอ่อนสามารถเห็นได้ชัดเจนที่ด้านล่างของวิสัยทัศน์
ทักษะการเรียนรู้ - (ประวัติสังคม ขั้นต้น เงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ค่าสถานะความฉลาด สูงกว่า 0.34)
กาเร็นอ่านบรรทัดนี้ด้วยความจกใจเป็นเวลาสิบนาทีก่อนที่เขาจะมั่นใจได้ว่าสัญลักษณ์ใหม่นี้เป็นความจริง
คล้ายกับองค์ประกอบอื่นๆก็มีสัญลักษณ์เล็กๆที่อาจพลาดได้ง่ายหากไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเมื่อเขาไม่ได้ให้ความสนใจสัญลักษณ์สีแดงเหล่านี้จางหายไปในสถานะกึ่งโปร่งแสงและไม่เป็นอุปสรรคต่อวิสัยทัศน์ของเขาเลย
นอกจากนี้หลังจากสัญลักษณ์ใหม่เหล่านี้ปรากฏกาเร็นเรียกคืนข้อมูลจากชั้นเรียนประวัติศาสตร์สังคมเขาสามารถจำได้ถึง 70% ของเนื้อหาราวกับว่ามันถูกตราตรึงใจลึกลงไปในสมองของเขา
"เราพึ่งเริ่มเรียนหลักสูตรนี้ในวันนี้ แต่กับจำเนื้อหาทั้งหมดเกือบทั้งหมด นี่เป็นข้อดีของการเพิ่มค่าสถานะของความฉลาด ด้วยความแตกต่างในเรื่องความยากลำบากคิดว่าข้อกำหนดด้านสติปัญญายังแตกต่างกัน ค่าสถานะของสตอปัญยาที่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามขอบเขตของความเข้าใจเรื่องนั้นๆ "
หลังจากนั้นกาเร็นก็ไม่มีความปรารถนาที่จะนอนเลยเขาหันมารวบรวมตำราเรียนสำหรับทุกวิชา
เขาอ่านหนังสือทุกเล่มทีละเล่ม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"เงื่อนไขที่จำเป็นในการสร้างหัวข้อคือการอ่านตำราอย่างละเอียด กาเร็นใช้เวลาหนึ่งปีในการเข้าใจเรื่องการศึกษาประวัติความเป็นมาของจีนโบราณ ก็ยังอยู่ในระดับขั้นต้นเท่านั้น "
กาเร็นพูดกับตัวเองและตามด้วยถอนหายใจ
เขามองดูสัญลักษณ์ในวิสัยทัศน์ด้านนอก
(ประวัติศาสตร์: ขั้นต้น), (ประวัติศาสตร์สังคม: ขั้นต้น), (ภาษาต่างประเทศ: ยังไม่สำเร็จ), (ฟิสิกส์: ยังไม่สำเร็จ)
คณิตศาสตร์ประวัติศาสตร์สังคมประวัติศาสตร์ภาษาต่างประเทศและฟิสิกส์เป็นวิชาบังคับทั้งหมดที่โรงเรียนต้องการโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั่วทั้งประเทศนักเรียนต้องผ่านชั้นเรียนเหล่านี้ เพื่อที่จะสำเร็จการศึกษา
กาเร็นได้คำนวณและเปรียบเทียบทักษะของเขากับผลการทดสอบของเขา
"ในสมัยก่อนสำหรับการทดสอบประวัติศาสตร์โบราณกาเร็นเด้งขึ้นระหว่างคะแนน 60 และ 70 จาก 100ซึ่งหมายความว่าระดับอยู่ในช่วงนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดวิชาประวัติศาสตร์สังคมของเราควรมีคะแนนระหว่าง 60 ถึง 70 นั้นหมายความว่า เราจะมีคะแนนอยู่ติดอันดับ 1ใน10ของห้อง"
"สำหรับมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นตามค่าเฉลี่ยของคะแนนของสถาบันฉินหยางประจำปีฉันจำเป็นต้องติด 1ใน100 เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหากอยู่ 1ใน100 อันดับแรกในโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 1,000 คนต่อปีก็คงไม่ยากจนเกืนไปหรอกนะ"เขาจำได้ว่า พ่อแม่ของกาเร็นทำงานล่วงเวลาทุกวันเพียงอย่างเดียวและใช้เวลาเพียงวันเดียววันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อที่จะให้ค่าเล่าเรียนสำหรับเขาและน้องสาวของเขาพวกเขาวางความหวังไว้ที่พี่น้องทั้งสอง
"เพื่อรับประกันการจัดอันดับในด้านบน 100 คะแนนเฉลี่ยสำหรับชั้นเรียนของเราจะต้องอยู่ระหว่าง 70 ถึง 80 ในอัตรานี้ถ้าเราสามารถเข้าถึงระดับกลางในหลักสูตรบังคับทั้งหมดของเราได้ก็จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะทำงานหนักและต้องขยันมากขึ้น แต่คนอื่นๆ ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน หากคำถามที่นักเรียนได้รับในการสอบเป็นเรื่องง่ายนักเราต้องแข่งขันกันโดยยึดผู้ที่พิถีพิถันมากขึ้น "
"ถึงจะเสียดายแต่ถ้าหากเราเพิ่มค่าประสบการณ์ไปอีกสักหน่อยก็สามารถเพิ่มจุดแอตทริบิวต์ของฉันได้อีกครั้ง"เขารู้สึกเสียใจมากเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทะเลสาบริปเปอร์