ตอนที่แล้วตอนที่ 61 ช่างน่าขัน (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 63 ร้องเรียน (FREE)

ตอนที่ 62 นั่งข้างๆ (FREE)


“เหยียน ซิว ไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบด้านปัญญา?!” ฟาง เจิ้งจือ ผงะไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน แต่ที่จริงแผนการของเขานั้นมีข้อผิดพลาด!

หรือ 10 เหรียญเงินของเขา จะบินหนีไปแล้ว?

ไม่! มันเป็นเงินที่มาจากหยาดเหงื่อและแรงกายของข้า!

ฟาง เจิ้งจือ ผิดหวัง ถ้าไม่มี เหยียน ซิว อยู่ เขาต้องคัดลอกกระดาษคำตอบให้อีก 2 คน ซึ่งมันยุ่งยากเกินไป

ไม่เพียงแต่ต้องโยนกระดาษคำตอบให้อีก 2 คน แต่คำตอบที่เขียนนั้นทั้งหมดต้องไม่เหมือนกันอีกด้วย และต้องมั่นใจว่าทั้งสองคนที่ได้รับไปนั้นจะติดอันดับ 1 ใน 3

เห้อ!

มันจบแล้ว

 

เมิ่ง อวี้ชู เตรียมจะจากไป แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของ ฟาง เจิ้งจือ และคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาทันที

“ดูเหมือนเจ้านั่นคิดจะตามหา เหยียน ซิว เพื่อลอกข้อสอบ?”

เมิ่ง อวี้ชู ไม่เชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นสามารถผ่านการทดสอบกฎแห่งเต๋าด้านปัญญาได้ ดังนั้นเขาจึงได้ตามหา เหยียน ซิว เพื่อนั่งข้างๆและลอกเขา

“น้องชาย ในเมื่อเราได้พบกัน ทำไมเราไม่นั่งข้างๆกันละ?” เมิ่ง อวี้ชู หัวเราะอย่างเยือกเย็นภายในใจ ก่อนจะถามออกไป

“นั่งด้วยกัน?” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ที่ สติล่องลอยไปแล้ว ได้ยินที่ เมิ่ง อวี้ชู พูด ดวงตาของเขาสว่างขึ้นทันที เหมือนสติของเขากลับเข้าร่างอีกครั้ง

เขารู้สึกเหมือนว่าเงินที่บินหนีเขาไปแล้ว บินกลับเข้ามาในกระเป๋าอีกครั้งหนึ่ง มันไม่ได้กลับมาเท่าเดิมแต่ยังหอบเงินจำนวนมากกลับมาอีกด้วย

“ได้ งั้นพวกเรานั่งด้วยกัน!” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะออกมาทันที ตอบตกลงด้วยความยินดี

 

เมื่อเห็น ฟาง เจิ้งจือ ตอบตกลง เมิ่ง อวี้ชู ยินดีทันที นั่นหมายความว่าเขาคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้ถูกต้อง....ฟาง เจิ้งจือ ก็เป็นแค่ลูกไก่ในกำมือเขา?

“งั้นพวกเรา...”

“พี่เมิ่ง อยากนั่งข้างๆข้า ท่านต้องการจะบอกว่า เรามาแลกเปลี่ยนคำตอบกันไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่รอให้ เมิ่ง อวี้ชู พูดออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า...ถูกต้อง! ข้าต้องการจะแลกเปลี่ยนกระดาษคำตอบกับเจ้า!” เมิ่ง อวี้ชู ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก หัวเราะออกมาอย่างยินดี

 

หลังจากนั้น เมิ่ง อวี้ชู และ ฟาง เจิ้งจือ เดินเคียงข้างกันพร้อมกับหัวเราะออกมา

เมื่อนักปราชญืคนอื่นๆได้เห็น บนใบหน้าของพวกเขาปรากฎความตกใจออกมา พวกเขาตัวแข็งทื่อไปทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

“หลังจากที่เมื่อกี้เขาแทบจะฆ่ากันตาย แต่ชั่วพริบตาทั้งคู่ก็ตกลงที่จะนั่งข้างกัน?”

“มันเปลี่ยนแปลง...รวดเร็วเกินไปแล้ว!”

 

ผู้คนต่างนิ่งตะลึง แต่ทั้งสองคนกลับหัวเราะอย่างมีความสุข

“ให้ข้าแนะนำตัว ข้าคือ เมิ่ง อวี้ชู!”

“ฟาง เจิ้งจือ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

ไม่นานทุกคนก็เข้าไปยังห้องสอบ

ผู้คุมสอบสวมชุดดำเดินกันขวักไขว่ และคนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาก็เริ่มอ่านกฎของการทดสอบออกมา

 

มันเป็นกฎทั่วๆไป

เช่น ห้ามพูดคุยกัน ห้ามเดินไปรอบๆโดยไม่ได้รับอนุญาติ ใครที่ถูกจับได้ว่าโกงจะถูกไล่ออกจากห้องสอบทันที...

เมื่อ เมิ่ง อวี้ชู และ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินทั้งสองต่างมองหน้ากัน และให้ความมั่นใจ ราวกับเขากำลังจะพูดว่า

อย่ากังวล ข้าจะส่งกระดาษคำตอบให้เจ้าแน่นอน!

 

“รอบแรกในการทดสอบด้านปัญญาใช้เวลา 2 ชั่วโมง!” หลังจากกฎของการทดสอบถูกอธิบายจนหมด สัญญานเริ่มการทดสอบก็ดังขึ้น

หลังจากนั้นกระดาษคำตอบก็ถูกแจกโดยผู้คมสอบทีละคน ทีละคน  ในการทดสอบด้านปัญญานั้นเป็นการทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งเต๋า

หรือพูดง่ายๆเป็นการทดสอบพื้นฐานของผู้เข้าสอบนั่นเอง

 

ฟาง เจิ้งจือ รับกระดาษข้อสอบจากผู้คุม เข้าเห็นกระดาษที่อัดแน่นไปด้วยคำถาม

การตอบคำถามที่เยอะขนาดนี้ภายในเวลา 2 ชม? มันดูยากที่จะเป็นไปได้

เช่น คำถามแรก อะไรคือสิ่งมีชีวิตอันทรงปัญญา 4 ชนิด?

มันเป็นย่อหน้าหนึ่งในบท ‘ความรู้ด้านพิธีกรรม จุดกำเนิด การพัฒนา และ เจตุจำนง’

ซึ่งทำให้ ฟาง เจิ้งจือ สามารถประเมิณความยากง่ายของการทดสอบนี้ได้ มันไม่ได้ยากเกินไป เพราะใครที่คุ้นเคยกับกฎแห่งเต๋าเป็นอย่างดีสามารถตอบคำถามนี้ได้

แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป

เพราะคำถามนั้นไม่ชัดเจน เช่น 4 สิ่งมีชีวิตอันทรงปัญญานั้นถูกกล่าวถึงในหนังสือหลายๆเล่ม มีชื่อเรียก รูปลักษณ์ต่างกันไปบ้าง

ถ้าใครอยากจะตอบให้ถูกต้องละก็ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเวลา

2 ชั่วโมง เห็นอยู่ว่ามันไม่เพียงพอเลย

“พวกมันประกอบด้วย กิเลน หงส์อมตะ เต่า และมังกร เมื่อมังกรคุ้นเคยกับมนุษย์ หมู่มัจฉาจะไม่หลบหลีกมนุษย์อีกต่อไป เมื่อหงส์อมตะคุ้นเคยกับมนุษย์ หมู่มวลนกจะไม่บินหนีด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป เมื่อกิเลนคุ้นเคยกับมนุษย์ ฝูงแกะจะไม่วิ่หนีอีกต่อไป และเมื่อเต่าคุ้นชิน มนุษย์จะไม่เข้าใจผิดอีกต่อไป...”

ฟาง เจิ้งจือ คิดอย่างไม่หยุดยั้ง เริ่มตอบคำถามแรก และตอบคำถามที่สองต่อไป

เมิ่ง อวี้ชู ที่นั่งข้างๆ เห็น ฟาง เจิ้งจือ เริ่มเขียน

เมิ่ง อวี้ชู ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะอย่างเยือกเย้นขึ้นมาในใจ ทำไมเขาถึงเขียนคำตอบได้ไวขนาดนี้? แม้แต่เขาเองจะตอบคำถามนี้ได้ยังต้องใช้เวลาคิดวิเคราะห์คำถาม

จากนั้นค่อยๆเขียนคำตอบลงกระดาษอย่างรอบคอบ

น้อยคนที่เขียนคำตอบลงกระดาษอย่างมั่นใจแบบ ฟาง เจิ้งจือ

เมิ่ง อวี้ชู เริ่มใจเย็นลงก่อนจะค่อยๆเขียนคำตอบลงไป

....

 

ไม่นานทั้งห้องสอบก็เงียบลง

เมื่อผู้เข้าสอบได้รับข้อสอบแล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือวิเคราะห์คำถามและคาดเดาทิศทางของคำตอบ

คนแบบ ฟาง เจิ้งจือ นั้นจัดเป็นสิ่งมีชิวติที่หายาก

ในความเป็นจริง ฟาง เจิ้งจือ ไม่ควรถูกตำหนิ เพราะในโลกนี้ ผู้คนรู้จักหนังสือเพียงเล่มเดียว หนังสือกฎแห่งเต๋า

แต่ ฟาง เจิ้งจือ นั้นได้แบ่งกฎแห่งเต๋าออกตามความเข้าใจของเขาออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ

เขาแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตำราขงจื้อ, มนุษย์ศาสตร์, ความเชื่อ ศาสนา, การฝึกตน ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ย่อยๆได้อีกมากมาย

ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาคิดหาคำตอบอย่างมากมาย แค่มองคำถามเพียงรอบเดียว เขาก็สามารถรู้ได้ว่าคำภามนั้นมาจากเนื้อหาไหน

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเขาก็หยุดเขียน และวางพู่กันลง

ทุกอย่างนั้นเป็นไปอย่างราบลื่นราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ มองไปที่กระดาษข้อสอบที่เขียนเสร็จแล้วด้วยความพอใจ เขาให้คะแนนเต็มร้อย

การสอบยังเริ่มขึ้นได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากการทดสอบนี้มีกฎที่ยุ่งยากเล็กน้อยคือไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ก่อนเวลากำหนดเพื่อกันข้อสอบรั่วไหล

 

ฟาง เจิ้งจือ จ้องมองไปยัง เมิ่ง อวี้ชู

ท่าทางของเขาราวกับจะพูดว่า “มาแลกเปลี่ยนกระดาษคำตอบกันเถอะ ข้าเขียนเสร็จแล้ว!”

 

 

เพจหลัก : Gate of god TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด