Chapter 92 - ลั่วเทียน เจ้ากล้า?
Chapter 92 - ลั่วเทียน เจ้ากล้า?
“แปลงเป็นสัตว์ร้าย?”
“เขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลปีศาจ?”
ฝูงชนระเบิดความวุ่นวาย.
ไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเองได้ นับตั้งแต่ราชาปีศาจได้เริ่มต้นสงครามใหญ่กว่าหมื่นปีที่แล้วและบรรดาเผ่าปีศาจได้ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาหลังจากที่พ่านแพ้.
หลังจากพันกว่าปี คนส่วนใหญ่ได้อ่านเรื่องของปีศาจในหนังสือและไม่เคยเห็นด้วยตัวเองมาก่อน.
แขนของฟางเล่ยปกคลุมไปด้วยเกล็ดน่าเกลียดของปลาและขอบเกล็ดเหมือนกับมังกรสีเลือดในตำนานที่เหมือนกับเลือดสดๆที่ซึมออกมามาในระหว่างชั้นเกล็ด นิ้วมือของเขาหายไปเป็นกรงเล็บและปลายกรงเล็บที่มีร่องรอยแตกร้าว!
พลังประเภทใดกัน...
มันแข็งแกร่งอย่างมาก!
ฟางเล่ยที่กำลังยืนอยู่ราวกับราชสีห์ที่โกรธเกรี๊ยวที่ไม่ได้ยินเสียงใดๆเบื้องล่างเวที ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่เฉินซ่งอย่างเย็นชาและพูดว่า“มันเป็นทีของข้าแล้ว.”
หัวใจของลั่วเทียนกลายมาเป็นมีความสุข.
เขารู้ว่าเจ้าอ้วนไม่ใช่คนธรรมดา และอย่างยิ่งเมื่อเห็นเกล็ดสีเลือด ลั่วเทียนก็กล่าวกับตัวเอง“แปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย? ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายดายนัก.”
เกล็ดสีเลือดทำให้เขารู้สึกว่าผิดปกติยิ้งขึ้นไปอีก.
มันไม่ได้ง่ายดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงของสัตว์ร้ายแบบปกติ ลั่วเทียนรู้สึกถึงความรุนแรงของฟางเล่ยที่เหมือนจะมากกว่าสัตว์ร้ายทั่วๆไป.
หูน้อยๆของชุนชุนขยับไปมาและดวงตาก็เบิกกว้างแสดงออกมาอย่างประหลาดใจ มีเสียงกลัวน้อยๆที่ออกมาจากปากเธอเบาๆว่า “เทพโลหิต?”
เสียงของเธอเบามากจนคนด้านนอกไม่อาจได้ยิน.
หลี่ซูเอ๋อร์รู้สึกตกใจมาก แต่ก็เป็นคนที่แสดงอาการตะลึงน้อยที่สุดจากทุกคน ท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าอ้วนมีพลังมากจริงๆ.”
บนเวที.
เฉินซ่งที่แสดงออกถึงความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเย็นชา“ข้าไม่คิดเลยว่าภูเขาหยกแห่งนี้จะมีเผ่าปีศาจซ่นตัวอยู่ที่นี่.”
“ดียิ่งนัก.”
“วันนี้ข้าจะให้ความเป็นธรรมภายใต้นามของสวรรค์!”
หลังจากนั้น...
เฉินซ่งเดินกลับไปที่กลางเวทีและดึงดาบออกจากเอว เมื่อดาบถูกดึงออกก็มีเสียง.
“วู่มมม~...”
ดาบที่ปกคลุมไปด้วยฉีเริ่มที่จะม้วนกลายเป็นเกลียวบนใบดาบ.
เฉินซ่งยืนอยู่ตรงกลางของพายุจากดาบฉี ดาบฉีที่ได้ส่งเสียง ชิ้ง กับการหายใจของเขาที่รวมเข้ากับร่างกาย.
ซูซางเฟยพูดอย่างประหลาดใจกับตัวเอง “ข้าไม่คิดว่าดาบดาวสวรรค์ของเฉินซ่งจะมาถึงระดับนี้แล้ว ดูเหมือว่าถ้าไม่ใช่การแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายของฟางเล่ยเขาก็ไม่ใช้ออกมา”
ซูเหยาซงมองไปที่ซูซางเฟยอย่างขุ่นเคือง.
ซูซางเฟยยิ้มอ่อน“ไม่ต้องห่วงท่านลุง แม้ว่าเจ้าอ้วนจะกลายร่างอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังไม่อาจจัดการกับเฉินซ่งได้ เพียงแค่รอเตะพวกเฒ่าทั้งหลายออกจากคฤหาสน์บรรพบุรุษของตระกูลลั่วก็พอ”
ริมฝีปากของซูเหยาซงการเป็นรอยยิ้ม ราวกับได้กินยาสงบใจ จากนั้นเขาก็เฝ้ามองอย่างยิ้มแย้ม.
ที่กลางเวที.
แขนของฟางเล่ยที่เกือบจะถึงพื้นได้กางกงเล็บออกมาทำให้เกิดรอยสีฟ้าที่พื้นเวที เขาจ้องมองไปที่เฉินซ่งและตะโกนออกมา “เข้ามา!”
ก่อนที่เสียงของเขาจะจางหายไป...
เฉินซ่งชี้ดาบออกมาและดาบฉีก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ตาย!”
“ทักษะดาบดาวสวรรค์...”
“หมื่นดาวประกายแสง!”
“ตูม~”
ดาบฉีทั้งหมดได้ล้อมรอบเฉินซ่งกลายเป็นดาบขนาดใหญ่ตกลงมาจากฝากฟ้า ท้องฟ้าที่มือครึ้มกลายเป็นวูบวาบดังแสงดาว.
มีดาบมากมายที่ร่วงลงมาราวกับแสงดาว!
“ฉัวะ!”
“วูซ~, วูซ~, วูซ~”
ราวกับมีลูกศรนับไม่ถ้วยพุ่งเข้ามาหาฟางเล่ย แขนของเขาชูขึ้นไปบนอากาศ.
“ปัง~!”
ได้ยินเสียงที่ราวกับโลหะถูกฉีก ความเร็วของแขนฟางเล่ยไม่เร็วนัก ดาบมากมายได้ฉีกส่วนที่เหลือตามร่างกายของเขา.
ภายในไม่กี่วินาที ร่างกายของฟางเล่ยก็เปียกโชกไปด้วยเลือดทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูดุร้ายยิ่งขึ้น.
ในตอนแรกฟางเล่ยใช้แขนของเขาป้องกันดาบฉีได้บางส่วน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กังวลอีกต่อไปและเพียงหันหัวและเดินทางไปหาเฉินซ่ง.
กับดาบนับไม่ถ้วนที่ตกลงมามีความเจ็บปวดมากมายราวกับถูกตัด.
ความเจ็บปวดมันมากเพียงไหน? ฟางเล่ยไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว ในสายตาของเขามีแต่เฉินซ่ง มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจกับความเจ็บปวดที่ร่างกายของเขาได้รับอยู่.
เจ้ายังไม่ตาย?
เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
แม้ว่าเจ้าจะมาจากตระกูลปีศาจ แต่เจ้าก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก?
ฝูงชนเกิดความกลัวจริงๆ.
คิ้วของเฉินซ่งขมวดแน่นขณะที่ในใจของเขารู้สึกได้ถึงอันตราย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้สึกแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกแย่มาก เห็นได้ชัดว่าฟางเล่ยที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสามเมตรเบื้องหน้าเขา การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เขาแทงดาบมาหาเขาโดยตรง.
แมงไปยังศูนย์รวมพลังชีวิตของฟางเล่ย ประตูเป็น! (สะดือ)
การแทงนี้มันเร็วมากกว่าก้าวเงาพายุของลั่วเทียนเสียอีก.
เมื่อประตูชีวิตถูกแทงแล้ว แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้.
ทันใดนั้นฟางเล่ยหดแขนของเขา ดวงตาของเขาจ้องมองด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก พลางยิ้มกว้างพูดออกมา “ในที่สุดเจ้าก็เข้ามา!”
แขนของเขาหนักเกินไป.
มันหนักจนหางเล่ยไม่อาจยกขึ้นมาได้.
เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่อาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้.
อย่างไรก็ตามพลังที่อยู่ในแขนของเขาก็เข็มแข็งมากจนเกือบควบคุมไม่ได้.
เขากำลังวางแผนในการใช้พลังทั้งหมดในทีเดียว แต่เป้าหมายต้องอยู่ใกล้ๆ.
โอกาสได้มาถึงแล้ว.
ไม่มีความลังเลเลยสักนิดจากฟางเล่ย เขาเคลื่อนย้ายโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง.
แม้ว่าดาบจะชี้มากทางเขา ฟางเล่ยก็อ้าแขนรับอาวุธ.
ไปซะ บิดานี่จะช่วยให้เจ้าได้แทงเอง!
เฉินซ่งหัวเราะอย่างเย็นชาภายใน “บ้านนอกนี่มันบ้านนอกจริงๆ เจ้าไม่รู้หรือว่าประตูของชีวิตเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของคน? แม้ว่าเจ้าจะมาจากตระกูลปีศาจ แต่มันก็ยังมีรูปร่างเหมือนมนุษย์.”
“ตายซะ!”
แขนของฟางเล่ยก็เคลื่อนไหวในที่สุด แต่มันไม่ได้ปกป้องดาบจากเฉินซ่ง มันมุ่งตรงไปที่เข้าแทน.
“วึมๆ~!”
ดาบได้แทงไปที่ประตูชีวิตของฟางเล่ยและมีเลือดไหลออกมา แต่อย่างไรก็ตามดาบของเฉินซ่งได้เจ้าะเข้าไปไม่กี่เซนฯและไม่อาจเข้าไปได้ลึกว่านี้อีก มันดูเหมืนอว่าไขมันของเขาจะป้องกันและไม่ยอมให้มันเข้ามา.
นี่เป็นช่วงเวลาที่ฟางเล่ยยิ้มและเผยให้เห็นเลือดที่ย้อมฟัน นี่เป็นรอยยิ้มที่เจิดจ้าที่สุดบนใบหน้าของเขา.
แขนของเขาขยับ.
ความคมของกรงเล็บก็ทะลวงเข้ามา.
“ฉัวะ~, ฉัวะ~, ฉัวะ~...”
พลังที่อยู่ในแขนของเขาระเบิดขึ้นทันที การโจมตีได้จู่โจมเข้าสู่หน้าอกของเฉินซ่งและเสียงของการชกก็ดังเหมือนกับฟ้าร้อง พลังแบบนี้และฉากแบบนี้ดูน่าตกใจเป็นอย่างมาก!
แรงปะทะได้เข้ามาสั่นไหวในใจของผู้คน!
ฝูงชนได้แต่โง่งม.
ซูซางเฟยก็โง่งม.
ซูเหยาซงและตระกูลซูก็กลายเป็นตัวโง่งม.
เฉินซ่งสาวกภายนอกของนิกายเมฆครามที่ติด10อันดับแรกได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจจะหายใจได้และไม่อาจตอบโต้ได้อีก.
นี่เป็นไปได้ไง?
นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย!
ประตูแห่งชีวิตที่ถูกแทงเขาก็ยังไม่ตายและเขาก็ยังระเบิดพลังที่รุนแรงดังกล่าว บางทีอาจจะเป็นเพราะทุกคนไม่คิดว่าฟางเล่ยจะทำอะไรอย่างนี้.
“ปัง~!”
“ปัง~!”
แขนข้างหนึ่งจับเฉินซ่งไว้แน่นขณะที่แขนอีกข้างของฟางเล่ยก็โจมตีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปลดปล่อยพลังทำให้เกิดฉากที่เหี้ยมโหดขึ้น แขนของเขาเริ่มมองเห็นได้น้อยลง.
หมัดสุดท้าย!
“ปัง~!”
หนัดนี้ได้ทะละเข้าไปในอกของเฉินซ่ง มีเลือดเจิ่งนอกและอวัยวะภายบิดไปมา ขณะเดียวกันฟางเล่ยก็คว้าเฉินซ่งและโยนลงจากเวที.
ทันใดนั้นมันก็ตกลงไปยังเบื้องล่างเท้าของลั่วเทียน.
“แล้วแต่นายท่าน!”
ที่ปากเหวแห่งความตาย เฉินซ่งจ้องมองไปที่ตาของลั่วเทียนและกล่าวว่า “อย่า อย่า อย่าฆ่าข้า ลุงของข้าเป็นอาวุโสของนิกายเมฆคราม ถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ตายด้วยเช่นกัน…”
ลั่วเทียนลุกขึ้นยืนและเดินมาด้านบนหัวของเฉินซ่ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูซางเฟยและยิ้มอย่างเย็นชา.
ซูซางเฟยคำรามและชี้ไปที่ลั่วเทียนพร้อมกับตะโกนว่า“ลั่วเทียน เจ้ากล้า?!”
ลั่วเทียนมีรอยยิ้มนิดๆและเริ่มยิ้มกว้างมากขึ้น.
และจากนั้น...
เจตนาฆ่าของเขาก็ออกมาจากร่างกายของเขาเกราะเลือดปีศาจก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างหิวกระหาย...