บทที่ 59: สู่ตำแหน่งผู้นำวัด
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 59: สู่ตำแหน่งผู้นำวัด
สิ่งแรกนั้นคือ วัดเสวียนเทียนจะไม่พยายามสร้างวัดในหุบเขาลึกเช่นนี้อย่างแน่นอนถ้าหากมันไร้ประโยชน์ เหตุผลเดียวที่พวกเขาตัดสินใจเช่นนั้นเพราะมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญของวัดเสวียนเทียนโดยบังเอิญ มันเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณมหาศาล อีกทั้งยังมีเห็ดจิตวิญญาณที่เติบโตได้ในถ้ำนั้น และยังมีมัจฉาไร้เนตรอยู่ภายในบ่อน้ำในถ้ำอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเห็ดจิตวิญญาณหรือมัจฉาไร้เนตร พวกมันทั้งหมดล้วนแต่รสชาติดี ไม่เพียงแต่ใช้รับประทานได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงแต่งยาอายุวัฒนะ แม้ว่าจะไม่ใช่ยาที่ยอดเยี่ยม แต่เหมืองขนาดใหญ่เช่นนี้ สามารถปรุงแต่งยาได้นับหนึ่งพันจิน ซึ่งตัวเลขเช่นนี้สามารถสร้างมูลค่าได้อย่างยอดเยี่ยม! มูลค่าของมันอย่างน้อยที่สุดอยู่ที่ล้านหินจิตวิญญาณ
แน่นอนว่าหินจิตวิญญาณหนึ่งล้านก้อนไม่สามารถงอกงอยขึ้นมาได้ในสำนักเสวียนเทียน และที่สำคัญ ในสถานที่นี้มันถูกสะสมมายาวนานหลายปี จำนวนของมันจึงมีมากพอสมควร เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อการครอบครองถ้ำ วัดเสวียนเทียนจึงสร้างวัดชิงเฟิงขึ้นมาไว้ที่นี่ มีทางเข้าถ้ำอยู่ในวัด
เพราะว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ของมนุษย์แต่กลับมีปราณจิตวิญญาณอยู่มากมาย แต่ก็มิอาจเปรียบเทียบกับสำนักเสวียนเทียนได้ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ฝึกตนมาอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนั้นสถานที่นี้จึงถูกทิ้งให้อยู่ในความดูแลของวัดเสวียนเทียน ตราบใดที่มีการจัดการมูลค่าของมันกับการเก็บเห็ดจิตวิญญาณและมัจฉาไร้เนตรในทุกปี ปริมาณของเหมืองอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เรื่อย ๆ ผู้คนที่ถูกส่งมาประจำที่นี่เพียงแต่ขยับมือสักเล็กน้อยก็สามารถได้รับหินจิตวิญญาณนับหมื่นก้อนต่อปี ในเวลาเดียวกัน พวกเขาสามารถลิ้มรสของเห็ดจิตวิญญาณและมัจฉาไร้เนตรได้อย่างไม่มีวันหมด สถานการณ์ความเสี่ยงต่ำแต่กลับได้รับผลตอบแทนที่สูงเช่นนี้ มีหรือที่จะถูกปล่อยทิ้งไป
หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ของวัดชิงเฟิงแล้ว เจ้าอ้วนเข้าใจได้ทันทีว่าอาจารย์ลุงฉิงเฟิงซีนั้นปฏิบัติกับเขาอย่างดีเยี่ยม เขาดูแลมันราวกับเป็นลูกหลานของตนเอง เจ้าอ้วนรู้สึกขอบคุณเขาจากส่วนลึกของหัวใจ อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนนั้นเก็บตัวโดยสันโดษและไม่เคยแสดงความกตัญญูออกมาสักครั้ง เขาเก็บความคิดเหล่านี้ไว้ในใจและจะกลับไปตอบแทนอาจารย์ลุงในอนาคต
เนื่องจากวัดชิงเฟิงมีสภาพแวดล้อมที่ดีมาก และเจ้าอ้วนไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนักในวัดเสวียนเทียนเนื่องจากปัญหาที่เขาได้สร้างขึ้นมานั้นหนักหนาอย่างมาก ผู้คนอื่นในวัดถูกลากมาช่วยกันสะสางปัญหาที่เขาเป็นคนก่อขึ้นมา เจ้าอ้วนจึงไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากขอเส้นทางการเดินทางไปยังวัดชิงเฟิงเสร็จแล้ว เขาหยิบเครื่องหยกที่แสดงถึงยศของเขาเก็บเข้าที่พร้อมกับออกเดินทางทันที
สองวันถัดมา เจ้าอ้วนพบวัดชิงเฟิงในหุบเขาลึก สถานที่แห่งนี้ไม่อาจเทียบกับวัดเสวียนเทียนได้เลย มันต่างกันราวกับสวรรค์และนรก มีลานเพียงสามลานและนักบวชเต๋าเจ็ดถึงแปดคนที่อยู่ในวัยชรากำลังทำงานอยู่ ถ้ำถูกซ่อนไว้ที่ด้านหลังของลาน
เจ้าอ้วนกล่าวถึงเหตุผลในการมาที่แห่งนี้กับผู้นำวัดและเขาแสดงหยกที่ฉิงเฟิงซีมอบให้ ทุกอย่างราบรื่นอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามใบหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดที่เจ้าอ้วนเข้ามารับตำแหน่งแทนเขา แต่กฎของนิกายนั้นเข้มงวดจนเขามิอาจต่อต้านมันได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะโกรธเพียงใด เขาก็จำเป็นจะต้องเก็บข้าวของทุกอย่างออกไปอย่างไร้หนทาง แต่ทว่าดวงตาที่แค้นเคืองนั้นจะไม่ยอมจบลงโดยง่าย
เจ้าอ้วนนั้นมีฉิงเฟิงซีสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและตัวเขาเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นเจ็ดนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย หลังจากที่เจ้าอ้วนพูดคุยกับเขาอย่างสุภาพ แต่สถานการณ์ก็ยังเย็นชาอยู่มาก เจ้าอ้วนจึงหมดความอดทน จึงต้องการสร้างความบันเทิงให้แก่เขาสักเล็กน้อยเพื่อขจัดความถือดีต่าง ๆ ของเขาออกไป ดังนั้นแล้วเขาจึงแสดงตัวว่าเป็นผู้อยู่เหนือวัดแห่งนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าอ้วนได้เป็นผู้นำวัด ทุกอย่างแปลกใหม่สำหรับเขามาก และเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เขาจึงให้พวกเขาเตรียมไวน์ไว้และเรียกผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนี้เข้ามาพูดคุยด้วยสองคน ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดดื่มด้วยกันก็ได้มีการไถ่ถามเกี่ยวกับหน้าที่ที่ต้องทำ อีกฝ่ายรู้ดีว่าเจ้าอ้วนนั้นได้รับการสนับสนุนอย่างดี มิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารถมาที่นี่ได้ และความจริงที่ว่าขณะดื่มกันเจ้าอ้วนนั้นสุภาพกับพวกเขาเสมอ ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับวัดชิงเฟิงได้อย่างง่ายดาย
วัดชิงเฟิงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผ่อนคลาย สิ่งที่เจ้าอ้วนต้องทำอันดับแรกคือการสำรวจถ้ำ และป้องกันสัตว์ร้ายเข้ามาภายในนี้ พร้อมตรวจสอบการเติบโตของเห็ดจิตวิญญาณ นั่นคือสิ่งเล็กน้อยที่เจ้าอ้วนต้องจัดการ สำหรับเรื่องราวเหล่านี้ถูกจัดการโดยนักบวชลัทธิเต๋าซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของเจ้าอ้วน ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำวัด ความจริงแล้วเขาจึงไม่มีอะไรทำไปโดยปริยาย ทุกครึ่งปีวัดเสวียนเทียนจะส่งนักบวชบางส่วนเพื่อมาเก็บเห็ดจิตวิญญาณและมัจฉาไร้เนตร นอกเหนือจากนั้นเขาจึงไม่มีอะไรทำอีกแล้วในเวลาที่เหลือ
ในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ เจ้าอ้วนยังได้ลิ้มลองรสชาติของสิ่งเหล่านี้อีกด้วยทั้งเห็ดจิตวิญญาณและมัจฉาไร้เนตร เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำวัดคนใหม่ต่อจากนี้ไป และแน่นอนว่านักบวชเต๋าในที่แห่งนี้ต้องการได้รับตำราดี ๆ จากเขา
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มัจฉาไร้เนตรกับเห็ดจิตวิญญาณรสชาติเป็นเลิศ ลำตัวของมัจฉาไร้เนตรมีลำตัวยาวสามนิ้วและร่างกายของมันโปร่งใส ชื่อของมันได้รับมาเพราะมันไม่มีดวงตา เมื่อมันเข้าไปอยู่ในปาก เนื้อของมันนุ่มและส่งกลิ่นหอมฟุ้งออกมาซึ่งมิอาจลืมได้ สำหรับเห็ดจิตวิญญาณ มันมีสีขาว ขนาดของมันใหญ่เท่ากำปั้น มันนุ่มเหมือนเต้าหู้เมื่อเอาเข้าปาก
สองสิ่งนี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่มีปราณจิตวิญญาณ ถ้าผู้ฝึกตนกินมันเข้าไป มันจะเพิ่มพูนความสามารถในการฝึกตนของเขา แต่ถ้าเหล่ามนุษย์กินมันเข้าไปมันจะสามารถยืดอายุขัยของพวกเขาออกไปได้อีก
น่าสงสารที่สิ่งของพวกนี้มีราคาแพง เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นแห่งเดียวที่สามารถผลิตมันได้ และผลิตมัจฉาได้มากกว่าสี่ร้อยจินกับเห็ดจิตวิญญาณหกร้อยจินต่อปี ดังนั้นจึงไม่ถูกนำออกไปสู่ภายนอก เพียงอาหารมื้อนี้ใช้หินจิตวิญญาณไปเพียงพันก้อน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำวัดแต่ก็สามารถกินมันได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
แต่เจ้าอ้วนก็โลภมาก หลังจากได้กินมันเพียงครั้งเดียว มันปลุกความโลภทั้งหมดในตัวของมัน เช่นนี้เขาจึงเริ่มสนใจถ้ำนั้นขึ้นมา เขาใช้การตรวจสอบมาเป็นข้ออ้าง เจ้าอ้วนจึงเดินเข้าไปในถ้ำในนามของนักบวชผู้ดูแลกิจการนี้
หลังจากสำรวจถ้ำแล้ว เจ้าอ้วนมองเห็นว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เส้นทางของมันมีทั้งเล็กและใหญ่ แม่น้ำหลายแห่งลึกเกินกว่าที่จะวัดได้ เห็ดเจริญเติบโตขึ้นอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ในขณะที่มัจฉาไร้เนตรมีอยู่ทั่วแม่น้ำ นอกเหนือจากนี้ ในแม่น้ำยังมีหญ้าสีขาวซึ่งเป็นอาหารของมัจฉาไร้เนตรอีกด้วย
เจ้ามัจฉาไร้เนตรว่ายน้ำอย่างอิสระอยู่ในแม่น้ำ เจ้าอ้วนแทบจะอดกลั้นน้ำลายของเขาไว้ไม่ได้เมื่อยืนมองจากริมน้ำ เขาคิดกับตนเอง ‘เจ้าปลาพวกนี้มันเยี่ยมยอดมาก แต่ก็ไม่สามารถได้รับมันทุกวันเพราะมันเป็นทรัพย์สินของนิกาย ถ้าหากในอนาคตข้าจะต้องออกเดินทาง ข้าก็ไม่สามารถกินมันได้อีกต่อไป! อย่าบอกนะว่าในอนาคตข้าจะต้องซื้อมันเท่านั้น?’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจ้าอ้วนรู้สึกกระวนกระวายในใจ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็พองโตพร้อมกับที่นึกบางสิ่งบางอย่างได้ เนื่องจากเขาสามารถเก็บดอกบัวแห่งองค์ประกอบทั้งห้าไว้ในมิติลึกลับได้ แล้วเหตุใดเขาจึงจะเก็บเห็ดจิตวิญญาณและมัจฉาไร้เนตรพวกนี้ด้วยไม่ได้? เนื่องจากเจ้าพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปราณจิตวิญญาณ แน่นอนว่าพวกมันจะต้องชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณหนาแน่นเช่นนี้ หากใช้มิติลึกลับนี้แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ ถ้าหากเขาทำสำเร็จ เขาก็จะมีอาหารที่ดีไว้กินในอนาคต!