Chapter 253: กลับไปยังเจียงเบย
Chapter 253: กลับไปยังเจียงเบย
หยานฟางเฟยนั้นเกือบที่จะกลัวจนตาย เมื่อเฉินเบียวนั้นจ้องมาที่เธอ มันเหมือนกับว่าเธอนั้นเผชิญหน้ากับซอมบี้นับไม่ถ้วน ในความคิดของเขานั้นเจียงลู่ฉีนั้นเพียงแค่โชคดีและสำหรับคนอื่น สำหรับสุภาษิตที่จีนกล่าวไว้ว่า “ไก่และหมานั้นเปลี่ยนกลายเป็นอมตะ --- ญาติพี่น้องนั้นจะติดตามเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อที่จะได้รับการเลื่อนระดับจากเขา”
ก่อนวันโลกาวินาศ เธอนั้นไม่ได้วางเจียงลู่ฉีไว้ในสายตาของเธอ พวกเธอนั้นเหมือนกับอาศัยกันอยู่ในอีกโลกหนึ่ง แม้กระทั่งหลังจากวันโลกาวินาศ หยางฟางเฟยนั้นก็รู้สึกว่าเธอนั้นเหนือกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเจียงลู่ฉี สุดท้ายแล้วเธอนั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เธอนั้นค่อนข้างโชคร้าย หยานฟางเฟยนั้นสามารถได้ยินบทสนทนาของเฉินเบียว เธอรู้ว่าพวกเขาต้องการที่จะฆ่าเจียงลู่ฉี
เฉินเบียวนั้นสังเกตว่าหยานฟางเฟยสามารถได้ยินบทสนาทของพวกเขาได้ แต่เขานั้นก็ไม่ได้ลดเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการที่จะรู้ว่าหยานฟางเฟยนั้นมีประโยชน์หรือว่าเธอนั้นไร้ประโยชน์กันแน่...
[ความหยิ่งยโสของเจียงลู่ฉีนั้นไม่มีขอบเขต เขานั้นจะต้องโดนกำจัด!]หยานฟางเฟยคิดและหลังจากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆเพื่อทำให้ใจเย็นลง และหลังจากนั้นเธอก็พูด “ความสามารถของฉันนั้นเกี่ยวข้องกับเสียง ฉันนั้นมีสัญชาตญาณอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยินและฉันก็สามารถที่จะได้ยินเสียงเล็กน้อยในระยะหนึ่งร้อยเมตร”
ถ้าเธอไม่ได้มีความสามารถนี้ หยานฟางเฟยก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดจนกระทั่งตอนนี้ เธอสามารถได้ยินเสียงเท้าซอมบี้ที่กำลังเดินในระยะที่ห่างไกล ดังนั้นทุกคนสามารถที่จะพึ่งพาความสามารถของเธอในการเอาชีวิตรอดได้ มันแม่นยำมาก เนื่องจากเรื่องนี้นี่เองผู้รอดชีวิตจึงพึ่งพาความสามารถของเธอและพวกเขาก็จึงเชื่อคำพูดของเธอ และด้วยเหตุนี้นี่เอง เธอจึงสามารถที่จะใช้พวกเขาเป็นเหยื่อได้สำเร็จ
แน่นอนว่าแผนของเธอนั้นไม่ใช่ไม่มีจุดอ่อน ผู้รอดชีวิตที่ติดตามเธอนั้นพร้อมกับสายตาที่คมกริบและร่างกายที่พลิ้วไหวนั้นก็ทำให้เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของหยานฟางเฟย โชคร้ายที่การกระทำของซอมบี้และหยานฟางเฟยนั้น ‘ใจกว้าง’ เพียงพอที่ไม่โยนหินใส่เขาเมื่อเขาล่วงหล่น
หลังจากที่แนะนำความสามารถพิเศษของเธอแล้ว ความมั่นใจของหยานฟางเฟยนั้นก็เพิ่มขึ้นในทันที เธอมองตรงไปยังเฉินเบียวตรงๆ
“โอ้ความสามารถของเธอนี่เยี่ยมจริงๆ มนุษย์มีระยะที่ได้ยินอยู่ที่ 20 ถึง 20000 เฮิร์ตซ์ และค้างคาวนั้นมีระยะที่ได้ยินอยู่ที่ 1000ถึง 120000 เฮิร์ตซ์ และสำหรับช้างนั้นมีระยะที่ได้ยินอยู่ที่ 1 ถึง 20000 เฮิร์ตซ์ ด้วยเหตุนี้นี่เอง จึงมีสัตว์มากมายที่สามารถได้ยินคลื่นความถี่อินฟราซาวน์และอุลตร้าซาวน์ได้ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถที่จะได้ยิน คลื่นควาถี่อื่นที่เธอสามารถตรวจจับได้นั้นคืออะไรงั้นเหรอ?”เฉินเบียวถามพร้อมกับรอยยิ้ม
หยานฟางเฟยนั้นตกตะลึงกับคำถามของเขาและเธอก็ส่ายหัวก่อนที่เธอจะอธิบาย “ฉันไม่รู้ แต่ฉันนั้นได้ยินเสียงต่ำจำนวนมากภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร”
“มันค่อนข้างเป็นความสามารถพิเศษจริงๆ”เฉินเบียวยิ้ม
เฉินเบียวนั้นไม่กล้าที่จะดูถูกเจียงลู่ฉี เนื่องจากว่าเขานั้นได้ไปสืบค้นประวัติของเจียงลู่ฉี เจียงลู่ฉีนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เฉินเบีวนั้นก็มั่นใจว่าทุกคนนั้นมีจุดอ่อน ตราบเท่าที่พวกเขานั้นตรวจสอบเขาอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็สามารถที่จะหาจุดอ่อนของเขาเจอได้และหยางฟางเฟยก็สามารถที่จะทำหน้าที่หลักในการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ นอกจากนี้หยานฟางเฟยนั้นยังรู้จักเจียงลู่ฉีและหลี่ยู่ซินอีกด้วย
“ถ้างั้นเธอควรที่จะจับตามองเพื่อนเก่าของเธออย่างระมัดระวัง”ผู้หญิงคนนี้พูดพร้อมกับรอยยิ้ม หยานฟางเฟยนั้นก็ฝืนยิ้มมาด้วยเช่นกัน แต่เธอไม่ได้พูดว่าเธอนั้นไม่ได้คุ้นเคยกับเจียงลู่ฉี..
“ให้เนื้อเธอบ้างเถอะ”เฉินเบียวนั้นบอกชายที่อยู่ต่อจากเขา และหลังจากนั้นชายคนนั้นก็หยิบเนื้อที่ถูกพันด้วยพลาสติกออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาในทันที เขาโยนมันให้กับหยางฟางเฟยตรงๆ
“เอามันไปซะ! เธอคงไม่เคยกินเนื้อนี้แน่ๆ ไม่สงสัยเลยว่าที่ความสามารถของเธอนั้นยังคงอ่อนแออย่างมาก”เฉินเบียวพูด
หยานฟางเฟยนั้นไม่ได้กินเนื้อดีๆมานานแล้ว เธอนั้นพุ่งเข้าไปหาเนื้อนั่นโดยปราศจากความลังเลใจ เธอจ้องไปที่เนื้อนั้นและหลังจากนั้นก็หยิบมันขึ้นมากัด มันอร่อยอย่างมาก! เนื้อกลายพันธุ์นี้ยอดเยี่ยมมาก
หยานฟางเฟยกลายเป็นคนตะกละและโลภมาก เธอนั้นคิดไปถึงพวกเครื่องดื่มบนรถมินิบัสของเจียงลู่ฉี เธอนั้นประเมินว่าพวกเขานั้นก็มีอาหารที่เอร็ดอร่อยอยู่บนรถมินิบัสนั่น ตราบเท่าที่พวกเธอสามารถฆ่าเจียงลู่ฉีได้ เธอก็สามารถที่จะกินได้เท่าที่เธอต้องการ
ผู้หญิงอีกคนหัวเราะออกมา ในขณะที่หยานฟางเฟยนั้นกำลังกินอยู่ ในความคิดของเธอนั้นหยานฟางเฟยนั้นก็เป็นหญิงสาวที่บ้าคลั่ง
“พวกเราควรที่จะออกไปแล้วและรีบตามพวกเขาไปกันเถอะ”เฉินเบียวก็ยืนขึ้นและพูด เมืองนี้ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเจียงบาก ก่อนวันโลกาวินาศ มันใช้เวลาขับเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตามหลังจากวันโลกาวินาศ การเดินทางนี้ก็จะยาวนานยิ่งขึ้น
“พวกเราจะไม่เข้าพื้นที่ทางเหนือของเจียงเบย แต่พวกเรานั้นก้าวข้ามพื้นที่นั้น มันเป็นระยะที่ใกล้ที่สุด ก่อนหน้านั้น พวกเรานั้นจะอ้อม ไปยังทางภูเขา โชคร้ายที่มันไม่มีเส้นทางอื่นเลย เนื่องจากโรงงานเก่าที่พื้นที่นั้นไฟไหม้ ซึ่งมีระเบิดที่ร้ายแรงขึ้น”ซูฉางชิงพูดในขณะที่ชี้ไปที่แผนที่
เจียงลู่ฉีก็มองไปที่แผนที่ด้วย เขานั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับเจียงเบยมาก และเขารู้เกี่ยวกับโรงงานนี้ ซึ่งมันมีก๊าซอะเซทิลีน การระเบิดก๊าซอะเซทิลีนนั้นทั้งทรงพลังและเลวร้ายมาก ซึ่งทำให้ทางนั้นไม่สามารถที่จะผ่านได้
เจียงลู่ฉีก็มองไปยังแผนที่ เขาก็คุ้นเคยอย่างมากกับเจียงเบยและเขาก็รู้เกี่ยวกับโรงงานนี้ดี ซึ่งมันเป็นโรงงานก๊าซอะเซทิลีน หลังจากการระบาดของไวรัส ก็มีปฏิกิริยาลูกโซ่ตามมาและกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ทำลายล้างครั้งใหญ่ขึ้น ซึ่งเปลวเพลิงและการระเบิดนั้นกว้างขวางอย่างมาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่สามารถเตรียมมาตรการป้องกันล่วงหน้าไว้ได้
[พื้นที่ถูเขานี้…]เจียงลู่ฉีมองไปยังแผนที่และหลังจากนั้นเขาก็จำหมูป่ากลายพันธุ์ที่เขาพบในบริเวณนี้ได้ เมื่อเห็นพื้นที่บางแห่งนั้นล้อมรอบไปด้วยสีแดง อารมณ์ของเจียงลู่ฉีก็เลวร้ายยิ่งขึ้น เขารู้สึกถึงลางไม่ดีอย่างมาก
“พวกเราควรที่ระวังตัวไว้!”เจียงลู่ฉีพูด