ตอนที่แล้วบทที่ 100 ถามมากเกินไป (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 102 รถบรรทุกที่ล้าสมัย (อ่านฟรี)

บทที่ 101 ผู้นำบนสวรรค์ (อ่านฟรี)


“เถ้าแก่เฝิง เสี่ยวเฝิง ไหนๆ วันนี้พวกคุณก็มาอยู่ด้วยแล้ว  เรื่องนี้ทุกคนต่างพูดถึงอย่างโจษจัน ตกลงคุณจะซื้อฟาร์มหมูแห่งนี้หรือเปล่า?”

ในห้องประชุมของกรมการเกษตร หัวหน้านั่งอยู่ด้านหนึ่งในขณะที่เฝิงหยูและพ่อของเขานั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะประชุม

“หัวหน้าครับ เรามาเปิดใจพูดกันตรงๆ เลยดีกว่า ทุกคนในที่นี้ก็รู้สถานการณ์ของฟาร์มหมูเป็นอย่างดี ถ้าฟาร์มหมูสามารถทำเงินได้และผมอยากจะซื้อกิจการ พวกคุณก็ไม่มีทางขายให้ผมหรอก เราจะไม่ทำธุรกิจที่ขาดทุนแน่นอน ตอนนี้เรามีอาหารสัตว์ เทคโนโลยี เงิน และเราอยากที่จะช่วยการเกษตรในเขตของเรา แต่ถ้าเขตของเรายังมีทัศนคติแบบนี้อยู่และร้องขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ ถ้างั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะต้องเจรจาเพิ่มเติมต่อไป”

หลังจากที่เฝิงหยูพูดจบ เขาก็หยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม ให้ตายเถอะ ชานี้มันช่างหอมอร่อยจริงๆ หัวหน้าระดับเล็กในกรมการเกษตรต้องดื่มชาดีขนาดนี้เชียวหรือ? นี่แสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาเอาเงินใช้อะไรกันหมด

แม้ว่าเฝิงหยูจะอยากปรับปรุงเมืองบ้านเกิดให้ดีขึ้น แต่เขาก็ต้องควบคุมการเงินของตัวเองด้วย เขาจะไม่ปล่อยให้กรมการเกษตรเป็นคนจัดการเงินแน่นอน พวกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและยังชอบตัดสินใจไปเรื่อย ถ้าเฝิงหยูเป็นคนชั่วร้าย ป่านนี้เขาคงขอให้พี่จีหรือไม่ก็ฟู่กวางเจิ้งมาร่วมงานกับเขาและวางแผนโกงกรมการเกษตรให้หมดตัวเลย

“ร้องขอสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอะไรกัน? ที่ดินนั้นมีมูลค่ามากจริงๆ” รองเจ้าหน้าที่ซูยืนกวาน

เฝิงหยูชี้ไปที่เขาและพูดว่า “ผมไม่อยากคุยกับคุณ ถ้าขืนคุณพูดแทรกขึ้นมาอีก ผมจะกลับ!”

“นาย….” รองเจ้าหน้าที่ซูรู้สึกเหมือนถูกหยาม เขาเป็นถึงหัวหน้าแต่กลับถูกเด็กวัยรุ่นชี้หน้าใส่

เหวินเต๋อกวางรีบพูด “เสี่ยวหยู ไหนลองเสนอราคามาสิว่าอยากจะจ่ายเท่าไร?”

ฟาร์มหมูมีมูลค่าสูงสุด 100,000 หยวน ผมจะเสนอราคาให้ 200,000 หยวนรวมที่ดินโดยรอบด้วย  สำหรับในฟาร์ม หากพิจารณาตามราคาตลาดปัจจุบัน ทั้งหมดก็มีมูลค่าไม่ถึง 10,000 หยวน งั้นผมให้ 10,000 หยวนเลยละกัน รวมทั้งหมดราคา 310,000 หยวน”

“310,000 หยวนงั้นหรือ? น้อยไปหรือเปล่า ที่ดินผืนนั้นมีขนาดใหญ่มากนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฟาร์มหมูแห่งนั้นจะมีมูลค่าเพียงแค่ 100,000 หยวน เมื่อวานคุณยังบอกว่า 500,000 หยวนอยู่เลย” หัวหน้าเจ้าหน้าที่รู้สึกผิดหวัง จำนวนเงินที่เสนอมาน้อยเกินไป แม้ว่าสิ่งที่เฝิงหยูพูดมาจะมีเหตุผล แต่เงินแค่ 300,000 หยวนเขาจะเอาไปทำอะไรได้? อย่าว่าแต่ความสำเร็จเลย แม้แต่การเปลี่ยนแปลงภายในเขตเขายังไม่สามารถทำให้ได้เลย

“งั้น 500,000 หยวน แต่พวกคุณต้องทำตามเงื่อนไขของผมนะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ คุณควรรู้เรื่องที่ตั้งของที่ดินผืนนั้น เพราะมันได้อยู่ใกล้ร้านค้าหรือหมู่บ้านไหนเลย สภาพถนนก็ยังไม่ดี แถมถนนลูกรังยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ซึ่งไม่สะดวกต่อเราอย่างมากในการขนส่งหมู”

“ผมสามารถซ่อมแซมถนนให้คุณได้ ถ้าผมซ่อมให้เสร็จแล้ว มูลค่าที่ดินจะเพิ่มขึ้นมั้ย?” หัวหน้าเจ้าหน้าที่รีบถาม

“เอางี้ดีมั้ยครั้บ ผมจะเพิ่มเงินให้อีก 100,000 หยวน แค่ 100,000 หยวนนะ พอมั้ย? นอกจากนี้ ผมอยากขยายและปรับปรุงคอกหมูหลังปีใหม่ วัสดุที่ผมต้องการใช้ผมจะซื้อจากกรมของคุณ ผมจะจ่ายมัดจำให้คุณ 90,000 หยวนก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเท่ากับ 500,000 หยวน นี่คุณข้อเสนอสุดท้ายที่ผมจะจ่ายไหวแล้ว ในอนาคตถ้าที่ฟาร์มหมูต้องการอะไรเพิ่มเติม ผมก็จะซื้อผ่านกรมการเกษตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นรายได้อีกทางหนึ่งสำหรับคุณเหมือนกัน”

เมื่อวานตอนบ่าย คนพวกนี้ต้องการอย่างน้อยหนึ่งล้านหยวน ในตอนเย็น พวกเขารู้สึก 800,000 หยวนก็พอรับได้ แต่มาตอนนี้เขารู้สึกว่าจำนวนเงินที่เฝิงหยูเสนอมา 500,000 หยวนก็สมเหตุสมผลแล้ว

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เป็นคนขี้โกงและยอมรับข้อเสนอของเฝิงหยูโดยทันที

รองเจ้าหน้าที่ซูเดินออกไปด้วยสีหน้าแค้น คอยดูเถอะตระกูลเฝิงแล้วจะได้เห็นดีกัน!

……

“การระบายอากาศไม่ดี โดยเฉพาะหน้าหนาวต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้อบอุ่น แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับการระบายอากาศด้วยเช่นกัน กลิ่นในที่นี่เหม็นอับมาก อุจจาระหมูทั้งหมดเก็บเอาไว้ที่ไหนกัน? เอาไปทิ้งหรอ? คราวหน้าอย่าเอาไปทิ้งนะ เอาไปเก็บไว้ตรงบริเวณตะวันออกฉียงเหนือ....”

เฝิงหยูไปสำรวจที่ฟาร์มหมู และทันทีที่เข้าไปถึง เขาก็แทบอาเจียน กลิ่นของอุจจาระหมูมันแย่มาก เขาไม่เข้าใจว่าคนงานก่อนหน้านี้ที่ฟาร์มหมูทนอยู่ได้อย่างไรกัน

คนงานเต็มเวลาที่ฟาร์มหมูถูกย้ายไปยังฝ่ายอื่น มีเพียงคนงานชั่วคราว 3 คนที่เหลืออยู่และได้รับการว่าจ้างจากเฝิงหยู ไม่งั้น ตอนนี้คงไม่มีใครดูแลฟาร์มให้เขาแน่นอน

นอกจากนี้ กรมการเกษตรยังได้ส่งสัตวแพทย์มาที่ฟาร์มหมูของเฝิงหยู แต่หลังจากที่ได้พบกับสัตวแพทย์ เฝิงหยูตัดสินใจจ้างสัตวแพทย์อีกคนเอง เพราะสัตวแพทย์คนดังกล่าวดื่มเหล้าจนเมาตั้งแต่หัววัน และเฝิงหยูไม่ไว้ใจให้เขามาดูแลหมูของเขา

เฝิงหยูได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านเลี้ยงดูสุกร พวกเขาเคยเป็นเจ้าของฟาร์มหมูมาก่อน แต่ฟาร์มของพวกกลับถูกรัฐบาลยึดในช่วงที่เกิดปัญหาและรัฐบาลก็ไม่คืนให้พวกเขา

ครอบครัวนี้มีพ่อและลูกชายสองคน ตอนนี้พวกเขาเลี้ยงดูหมูสองสามตัวและต้องทำงานในไร่เพื่อหาเลี้ยงปากท้อง เมื่อเฝิงหยูเสนอเงินให้พวกเขา 1,500 หยวนต่อปี พวกเขารีบตอบรับโดยทันที

มีการจัดหาอาหารและที่อยู่ให้พร้อม ปีนึงพวกเขาจะมีรายได้ 1,500 หยวน สามคนรวมกันก็เท่ากับ 4,500 หยวนต่อปี ถ้าพวกเขาให้เช่าที่ดินของครอบครัวบางส่วน ลูกชายคนโตของเขาจะได้แต่งงานภายในสองปี

สภาพของฟาร์มหมูแย่กว่าที่เฝิงหยูคิดไว้มาก ส่วนรั้วพังและมีการใช้แผ่นพลาสติกมาปกคลุมเอาไว้ ประตูก็พังเช่นกัน แถมยังมีรูที่ประตูด้วย ซึ่งถูกปกคลุมด้วยการเอาหญ้ามาอุดไว้

ภายในคอกมีหมู 100 กว่าตัว ซึ่งในกลุ่มหมูพวกนี้มีหมูตัวเมียเพียงแค่ 10 ตัวเท่านั้นและมีหมูที่เป็นพ่อพันธุ์แค่สองตัว ส่วนที่เหลือเป็นลูกหมูทั้งนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมที่จะเอาไปขาย

เฝิงหยูถอนหายใจ ให้ตายเถอะ หมูที่นี่มีมูลค่าไม่ถึง 10,000 หยวน เขาจ่ายเงินเกินมากไป

“ต้องเปลี่ยนหน้าต่างพวกนั้นด้วย ประตูด้วย ต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้ เครื่องมือพวกนั้นด้วยเปลี่ยนใหม่ให้หมด พื้นที่นี้ต้องปราศจากเชื้อโรค ทำความสะอาดพื้นที่ด้านนอกของคอกหมูด้วยนะ สถานที่พวกนี้ต้องสร้างใหม่ ต้องบันทึกไว้เลยว่างานพวกนี้จะเริ่มในฤดูใบไม้ผลิ”

ให้ตายสิ คอกหมูนี้มีมูลค่าไม่ถึง 100,000 หยวนด้วยซ้ำ เขาจ่ายเงินเกินมากไปอีกแล้ว

โชคดีที่เฝิงหยูยังมีที่ดิน เขาน่าจะมาสำรวจฟาร์มหรือพาเจ้าหน้าที่ของกรมการเกษตรมาที่นี่ก่อนที่จะไปเจรจาต่อรอง อย่าว่าแต่ 500,000 หยวนเลย แค่ 300,000 หยวนเฝิงหยูก็รู้ถึงว่าแพงมากแล้ว

ตอนนี้หัวหน้าของกรมการเกษตรกำลังเฉลิมฉลองอยู่ ฟาร์มหมูแห่งนี้ขาดทุนเป็นประจำทุกปี ในที่สุดพวกเขาก็สามารถโยนภาระนี้ให้คนอื่นได้แล้ว แม้ว่าจำนวนเงินจะน้อยกว่าที่พวกเขาอยากได้ แต่พวกเขาก็มีความสุขอยู่ดี

อันที่จริงถ้าไม่ใช่ก่อนหน้านี้เฝิงหยูมาขอซื้อที่ดินของโรงงานด้วยราคาที่สูงและทำตัวเป็นนักธุรกิจร่ำรวย หัวหน้าก็คงจะขายที่ดินผืนนั้นพร้อมกับฟาร์มหมูให้ตระกูลเฝิงในราคา 300,000 หยวน

ตอนนี้กรมการเกษตรมีเงินทุนจากการขายที่ดิน พวกเขาสามารถเริ่มสร้างอาคารสำนักงานใหม่หรือหอพักใหม่ได้ในปีหน้า

เฝิงซิ่งไท่กลับไปที่หมู่บ้านและจ้างคนสิบกว่าคนมาช่วยทำความสะอาดฟาร์มหมูและเปลี่ยนประตูและหน้าต่าง รวมถึงมีการซ่อมหลังคาด้วย เขายังจัดให้คนไปซื้อหมูที่เริ่มโตเต็มวัยจากหมู่บ้านเพื่อมาเพิ่มลงในคอกให้เต็ม อย่างน้อยหมูพวกนี้ก็น่าจะพร้อมขายได้ก่อนสิ้นปี

หลังจากที่จ่ายเงินค่าแรงให้คนจากหมู่บ้านแล้ว เฝิงหยูมองดูฟาร์มหมูใหม่ เขาก็รู้สึกดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ใช่ฟาร์มหมูที่ทันสมัย แต่ในที่สุดก็สามารถมาอาศัยอยู่ได้

ตรงบริเวณประตูใหญ่ของคอกหมู มีภาพวาดของตือโป๊ยก่าย เขามองดูแล้วก็รู้สึกชอบ

อืม ทางเข้าดูธรรมดาไปนิดนึง คงจะดีกว่านี้ถ้ามีการแปะกระดาษที่เขียนโคลงกลอน

เขานำกระดาษสีแดงมา จากนั้นใช้พู่กันเขียน 4 คำว่า “ผู้นำบนสวรรค์”

เขาแปะกระดาษดังกล่าวบนด้านขวาของประตู และกระดาษเปล่าสีแดงอีกแผ่นหนึ่งบนด้านซ้าย เฝิงหยูหัวเราะอย่างมีความสุข เขาสงสัยว่าถ้าหัวหน้าจากกรมการเกษตรมาเยี่ยมชมฟาร์มของเขาแล้วเห็นโคลงกลอนนี้ เขาจะเดาท่อนที่สองต่อไปได้หรือไม่?

ปล. โคลงกลอนนี้ในท่อนแรกแปลว่า ผู้นำบนสวรรค์ ส่วนท่อนที่สองแปลว่า หมูบนพื้นดิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด