ตอนที่แล้วตอนที่47ข่าวเลื่อนลอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่49ชั่งน้ำหนักต่อหน้าทุกคน

ตอนที่48 งานแถลงข่าว


 

ในฐานะโค้ชหลักของทีมว่ายน้ำเขตฮั่นเบ ซูฮงหยีนั่งอยู่ตรงกลางของแท่นที่มีไว้เพื่อแถลงข่าว มีนักข่าวเป็นโหลที่นั่งอยู่หน้าเวที บ้างก็มาจากสื่อท้องถิ่น บ้างก็มาเป็นตัวแทนของเว็บไซต์อินเตอร์เน็ตต่างๆ

“โค้ชซู ผมได้ยินมาว่าหยูเฟ่ยเฟ่ยถูกถอดออกจากทีมชาติจริงรึเปล่าครับ?”

“โค้ชซู ว่ากันว่าหยู่เฟ่ยเฟ่ยน้ำหนักขึ้นมาหลายกิโลแล้วตอนนี้เธอน้ำหนัก70กิโลแล้ว เรื่องนี้ถูกไหมครับ”

“โค้ชซูคะ ในฐานะโค้ชผู้สร้างหยูเฟ่ยเฟ่ยขึ้นมา คุณคิดยังไงกับการที่สื่อออกมาบอกว่าเธอขยันไม่เพียงพอระหว่างการฝึกคะ”

เขาโบกมือให้นักข่าวเป็นสัญญาให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ เขาไม่พูดจนกว่าทุกคนจะพูดจบ “ผมเห็นข่าวในอินเตอร์เน็ตแล้ว ดังนั้น ผมของเป็นคนรับผิดชอบที่จะประกาศเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือต่างๆให้ชัดๆกันไปเลย หยูเฟ่ยเฟ่ย… ตอนนี้ยังเป็นสมาชิกของทีมชาติอยู่นะครับ!”

นักข่าวคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม “แล้วถ้าหยูเฟ่ยเฟ่ยไม่ได้ถูกถอดออกจาทีมชาติแล้วทำไมเธอไม่พักอยู่ในทีมชาตฮัวจิงละคะ ทำไมเธอต้องกลับมาที่เมืองเฉิงตูด้วย

“วันปีใหม่กำลังใกล้เข้ามาแล้วครับ มันเป็นเทศกาลประเพณีที่สำคัญมากๆ และทุกคนที่จากบ้านเกิดไป ควรที่จะรู้ว่าพวกเขาต้องกลับบ้านเกิดเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวครับ! นักกีฬาก็ยังเป็นคนนะครับ! บ้านเกิดของเธอ คือเมืองเฉิงตูแห่งนี้ มันก็เป็นเรื่องปรกติที่เธออยากจะกลับบ้านบ้างไหมละครับ แล้วถึงแม้ว่าจะกลับมาอยู่นี้ แต่เธอก็ยังคงซ้อมอยู่ตลอดครับ”

หลังจากที่พูดจบเขาก็เริ่มทำตัวเป็นเหยือที่ถูกกระทำทันที แล้วพูด “แต่ถึงอย่างงั้นเรื่องธรรมดาของใครบางคนก็กลายเป็นข่าวลือเสียๆหายๆได้โดยคนที่มีเจตนาที่ชั่วร้าย ผมขอให้คนพวกนั้น ที่ไม่มีจริยธรรม ไม่มีจรรยาบรรณ ขอให้หยุดซะเดี๋ยวนี้เลยนะครับ มันยังไม่สายไปหรอกนะครับ อย่าสร้างข่าวมาเรียกร้องความสนใจอีกเลย

กลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลในช่วงฤดูใบไม้ผล ไม่มีอะไรที่ธรรมดาไปมากกว่านี้แล้ว แต่ถึงอย่างงั้น พวกนักข่าวดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับคำตอบ พวกเขาเถียงไม่ได้ว่ามันผิดเพราะยังไงเธอก็ต้องกลับมาช่วงปีใหม่อยู่แล้ว

ในห้องประชุมของศูนย์ว่ายน้ำ ระดับเสียงของการถ่ายทอดสดแถลงข่าวนั้นเปิดจนสุดเพื่อให้ทุกคนได้ดู

“ซูฮงหยีนี้โคตรดิบเลยนะ เกือบจะเหมือนคนไร้การศึกษาเข้าทุกวันแล้ว แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นนักแสดงที่ดีได้ด้วย ดูหน้าเขาซิ หน้าตาดูเหมือนหงุดหงิดมานานมากแล้วเลย” ซวงหัวเราะออกมา

“เขาเคยเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะในตอนเขายังหนุ่มหลังจากเวลาผ่านไปที่เขาเป็นโค้ช เขารู้ดีแหละว่าอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูดกับนักข่าว”ฮั้วอธิบาย

“ใช่ ตราบใดที่เขาไม่ได้ไปพูดอะไรที่ไม่มีความรับผิดชอบ การประชุมครั้งนี้ก็ยังสำคัญอยู่” เจียงพูด “ผมแค่เป็นห่วงว่านักข่าวจะไปถามคำถามอะไรแปลกๆใส่เขา!”

ทันทีที่เขาพูดจบมีนักข่าวคนนึงยกมือขึ้นถาม

“โค้ชซูคะ มีข่าวว่าหยูเฟ่ยเฟ่ยน้ำหนักขึ้นมาหลายกิโลเพราะว่าเธอเบื่อการฝึก คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างคะ แล้วเรื่องน้ำหนักของเธอที่มีการรายงานในเน็ตนี้ถูกต้องรึเปล่าคะ”

ทุกกคนในนั้นหันมามองเจียงทันทีที่ได้ยินคำถาม เขาหุบปากสนิททันทีเพราะรู้สึกว่าปากจะศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย พูดปึ๊บเกิดขึ้นปั๊บ นักถามพึ่งถามคำถามที่อ่อนไหวมากๆ และแน่นอนว่าหลังจากที่เขาพูดออกมาเขาเองก็กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

กล้องถ่ายไปที่ซูฮงหยี เขาไม่ได้ดูวิตกกังวลอะไร เขาพูดอย่างระมัดระวัง “ไม่ว่าจะเพื่อทีมชาติ หรือทีมเขต เธอก็จะขยันฝึกซ้อมอย่างหนักอยู่ตลอดวเวลา เธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตลอดหลายปีมานี้ แม้กระทั้งหลังจากที่เธอล้มสถิติโลกลงได้ ดังนั้น ข่าวลือในอินเตอร์เน็ตที่ว่าเธอไม่ได้พยายามเท่าที่ควรระหว่างการฝึก เป็นข่าวลวงที่ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของหยูเฟ่ยเฟ่ยครับ”

เขาหยุดซักพักก่อนจะพูดต่อ “สำหรับเรื่องน้ำหนักของเธอ เราต้องอธิบายให้เข้าใจกันก่อน ว่าในฐานะของนักกีฬา การคงน้ำหนักให้อยู่ในขอบเขตที่ต้องการนั้น ต้องรักษาสมดุลของการกิน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้หลากหลายชนิด มันมากกว่าแค่ออกกำลังกาย และเพราะว่านักว่ายน้ำทีมชาติมีโค้ชฝึกที่ดีที่สุดและมีนักโภชนาการที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นน้ำหนักของเธอนั้นได้เกิน70อย่างที่ข่าวลืออ้างแน่นอน”

“คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงคะ”นักข่าวอีกคนถามทันที

“เอาจริงผมไม่ต้องมาอธิบายให้ชัดเจนอะไรหรอก แต่เพราะว่าเราได้รับความสนใจจากหลายๆคน ดังนั้น ผมจะถามน้ำหนักของเธอเดี๋ยวนี้ตรงนี้ ต่อหน้าทุกคน เพื่อพิสูจน์ว่าผมพูดจริง” เขาโบกมือให้สัญญาสตาฟ ให้ยกตาชั่ง มาวาง“มาชั่งน้ำหนักเธอกันเถอะ”

นักข่าวทุกคนหมุนคอรอดูผล

….

ในห้องประชุมของศูนย์ว่ายน้ำ

“ถามเธอว่าน้ำหนักเท่าไรต่อหน้านักข่าวทุกคนเหรอ เอาจริงเหรอเนี่ย

“ผมว่าเขาเอาจริง ไม่งั้นคงไม่กล้าพูดอย่างงั้นแน่ๆ!”

ใครบางคนเริ่มพูดคุยกันภายในห้องประชุมด้วยเสียงเบาๆ ซวงหันไปหาฮั้วแล้วถาม “น้ำหนักเธอตอนนี้เท่าไร เอาจริงๆเลย”

“ตอนแรกเธอน้ำหนัก 70กิโล ตอนที่เธอเดินทางกลับไปที่เมืองเฉิงตูเมื่อหลายวันก่อน เธออาจจะผอมลงแล้วก็ได้” ฮั้วตอบ

“มันผ่านไปกี่วันแล้วตั้งแต่เธอกลับไป” ซวงถาม

“ประมาณ20วันครับ” ฮาวคิดแล้วตอบตัวเลขที่แน่นอนออกไป “24วันครับ!”

“แค่24วันเองเหรอ?นั้นมันน้อยเกินไปแล้ว” ซวงขมวดคิ้วแล้วถาม”คุณคิดว่าตอนนี้น้ำหนักเธอจะเหลือเท่าไร

“แหม ตอบยากนะครับ”ฮั้วเริ่มเหงื่อตก”

เจียงแทรกเข้ามา “ผมเคยอ่านหนังสืออยู่นะครับ เขาบอกว่าปรกติแล้ว ถ้านักกีฬามืออาชีพสามารถลดน้ำหนักตัวเองลง2กิโลในหนึ่งเดือนได้ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมากเลยครับ”

เดือน2กิโลกรัมใน1เดือนงั้นเหรอ หมายความว่าเดือนนึงลดได้แค่1-2กิโลแค่นั้นเองซิ อะ สมมุติว่าเธอลดได้2กิโล น้ำหนักเธอก็อยู่ที่68กิโลกรัมนะซิตอนนี้! มันไม่ได้ต่างกันเลยนะระหว่าง 68กิโล กับ 70กิโลเนี่ย ซูฮงหยีมันทำบ้าอะไรของมันวะเนี่ย  จะไปจัดงานแถลงข่าวเพื่ออะไรถ้าเธอลดได้แค่2กิโล?” เสียงของซวงดูเดือดดาลมาก ทุกคนบอกได้เลยว่าเขากำลังโกรธมากอยู่

“ซูหน่ะไม่ได้โง่ซะหน่อย” ฮั้วขมวดคิ้วแล้วคิดทบทวนอีกรอบ เขาเอามือก่ายหน้าผากแล้วพูดดัง “รู้แล้ว! ตาชั่งนั้น!เขาต้องแก้ตาชั่งนั้นแน่ๆ!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด