ตอนที่ 59 ผลสะท้อนเบื้องหลัง
ชายชราผู้ถูกขนานนามว่าอาวุโสเจียงพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชาพลางชำเลืองมองท่านหมอเซียด้วยท่าทีเย้ยหยัน “เพียงคนธรรมดาก็สามารถทำให้ท่านหมอผู้มีทักษะขั้นสามคุกเข่าลงต่อหน้าฝูงชนกระนั้นหรือ ? เขาสามารถรักษาผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องใช้กำลังปราณซึ่งแม้กระทั่งข้าเองยังไม่สามารถงั้นรึ ?”
ท่านหมอเซียก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ฝ่ามือที่ทิ้งไว้ข้างลำตัวกำชายเสื้อไว้แน่น สายตาที่จับจ้องลงไปยังพื้นลุกโพลงโชติช่วงดั่งเปลวเพลิงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
อาวุโสเจียงกล่าวขึ้น “เจ้าทำการตรวจสอบแน่ชัดแล้วหรือว่าเด็กชายผู้นั้นมีเส้นชีพจรลมปราณฉีกขาดและได้รับการรักษาจนคืนสู่สภาพปกติได้จริง ?”
แม้ภายในใจลึก ๆ ของเขาจะไม่ยินยอมหากแต่ท่านหมอเซียกลับต้องผงกศีรษะของตนลง “เป็นเช่นนั้นจริง เด็กหนุ่มผู้นั้นใช้ศาสตร์ลับบางประการเพื่อรักษาอาการได้จริง......”
อาวุโสเจียงโบกมือแทรก “ตอนนั้นนอกจากเจ้ากับผู้ดูแลโจวเหยียนอันแล้วยังมีผู้อื่นอีกหรือไม่ ?”
เมื่อท่านหมอเซียนึกถึงแรงพลังอันแข็งแกร่งที่ทำให้เขาต้องคุกเข่าโขกศีรษะแล้ว ในแววตานั้นฉายอาการแห่งความคั่งแค้นหากแต่ที่สุดแล้วเขาทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมา “หรือจะเป็นโรงโอสถเซิงเต๋อเล่นไม่ซื่อส่งเด็กหนุ่มผู้นี้มาก่อกวนพวกเรา ?”
อาวุโสเจียงส่ายศีรษะ “สิ่งสำคัญเป็นที่ยิ่งนั้นคือเจ้าต้องตามหาตัวเด็กหนุ่มนั่นให้พบ ทันทีที่หาตัวเด็กหนุ่มผู้นั้นเจอแล้วจงรีบรายงานข้า จำไว้ให้ดี หาไม่แล้วเจ้าน่าจะพอรู้ว่าผลจะเป็นเช่นไร !”
คำขู่กับน้ำเสียงที่ดุดันของอาวุโสเจียง ทำให้ท่านหมอเซียสั่นสะท้านรีบก้มศีรษะรับอย่างเร็วรี่ “ขอรับอาวุโสเจียง”
ท่านหมอเซียผละออกจากห้องด้วยอาการสั่นระริกจากความหวาดกลัวท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของอาวุโสเจียงขณะที่แววตาคู่นั้นฉายเพลิงแห่งความละโมบและความทะยานอยากอันแรงกล้า
เซียชงหมิงเจ้าคนโง่เง่า ช่างไม่เข้าใจสิ่งใดเอาเสียเลย หากแต่ตัวเขาย่อมตระหนักดียิ่งกว่าผู้ใด การสามารถสมานเส้นชีพจรลมปราณที่ขาดสะบั้นให้ประสานกันได้นั้นมีเพียงหมอผู้มีทักษะทางการแพทย์ในระดับขั้นที่แปดเท่านั้นที่อาจสามารถ แต่หากมนุษย์ธรรมดาสามัญที่ไร้ความหมายสามารถกระทำได้ และหากตระกูลเจียงได้ความสามารถในทักษะการรักษาเช่นนี้การที่เขาจะได้เข้าร่วมในสมาคมแพทย์ย่อมอยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น
ตระกูลเจียงที่ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในเมืองเหยียนจิงมาหมายปีหากไม่ฉวยโอกาสนี้เห็นทีว่าพวกเขาคงจะต้องซ่อนเร้นกายอยู่เช่นนี้ไปอีกนานแสนนาน
หึหึ ครานี้ตระกูลเจียงจะต้องตามหาตัวเด็กหนุ่มคนนั้นมาเผยศาสตร์ลับที่ใช้ในการรักษาครานี้ให้ได้
ขณะเดียวกันโจวเหยียนอันผู้ดูแลโรงโอสถเซิงเต๋อก็กำลังรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ต่อนายของตนเช่นกัน
กลางห้องที่กว้างใหญ่โอฬารซึ่งใช้เป็นที่ประชุมคือบุรุษผู้อยู่ในอาภรณ์ผ้าปักลวดลายสีแดงสด
หน้ากากที่แปลกตาสีขาวครอบไว้บนใบหน้า ยามเมื่อแสงตกกระทบส่งให้เห็นลวดลายที่อยู่บนหน้ากากนั้นซึ่งเป็นดั่งภูตผีปีศาจที่สะพรั่งไปด้วยเส้นสายโลหิตแลดูน่าสยดสยองจนทำให้ผู้ที่พบเห็นล้วนเป็นต้องขนหัวลุกตั้งชันกันทั้งสิ้น
โจวเหยียนอันเงยหน้าขึ้นมองนายน้อยเพียงแวบเดียวก่อนจะรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วด้วยใจสั่น ตื่นเต้นระทึกเกรงจะถูกจับได้ แม้ตัวเขาเองยังไม่กล้ามองบุรุษผู้นี้มากนัก
มีเพียงไม่กี่คนซึ่งเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจเท่านั้นที่รู้ว่า ใบหน้าภายใต้หน้ากากที่แปลกตาของนายน้อยผู้นี้หล่อเหลาอย่างร้ายกาจ นายน้อยหน่ายแหนงใบหน้าของตนยิ่งนักเขาจึงแทบไม่เคยเผยใบหน้าที่แท้จริงให้แก่ผู้ใด
เมื่อคิดถึงใบหน้าที่แท้จริงของนางน้อย โจวเหยียนอันก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเด็กหนุ่มผู้ช่วยเด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลางดงาม เย็นชาเหินห่าง อยู่เหนือชัยชนะและความพ่ายแพ้ ใบหน้าของหนุ่มน้อยผู้นั้นราวกับเนื้อหยกชิ้นงาม บริสุทธิ์สะอาดสง่างามทรงความภาคภูมิราวกับปุยหิมะบนเทือกเขาสวรรค์ หากจะนำมาเปรียบเทียบกับความหล่อเหลาดั่งมารปีศาจร้ายที่ดูดกลืนหัวใจผู้คนของนายน้อยนับว่าเป็นความแตกต่างกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะที่คิดว่าเขารู้สึกติดใจหนุ่มน้อยผู้นั้นขึ้นมาแล้ว เสียงของคนผู้หนึ่งกลับดังขึ้นอย่างเฉื่อยชา “มนุษย์สามัญผู้นั้นสามารถสมานเส้นชีพจรลมปราณได้จริงหรือ ? หากเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าสนใจยิ่งนัก หากมีผู้มีทักษะที่น่าพิศวงเช่นนี้ อาจบางทีทักษะทางการแพทย์แห่งจินหลิงทั่วทั้งอาณาจักรเห็นจะต้องผลิกผันเสียกระมัง”
โจวเหยียนอันรีบหันมาให้ความสนใจกับผู้ที่อยู่ตรงหน้าทันที เขาโค้งศีรษะก่อนจะเอ่ยถาม “นายน้อย สำหรับเรื่องนี้เราสมควรส่งคนไปตามหาหนุ่มน้อยผู้นั้นหรือไม่ขอรับ ?”
มิใช่ว่าเขาไม่ได้ส่งคนออกสะกดรอยตามหนุ่มน้อยผู้นั้น หากแต่สิ่งที่แปลกนั้นคือเมื่อถึงมุมตึก ร่างของหนุ่มน้อยผู้นั้นกลับคลาดสายตากลุ่มคนทั้งหมดไปได้ อีกทั้ง เท่าที่เขาสืบรู้มา แม้กระทั่งคนของโรงโอสถจีเชิงเองก็ประสบชะตาเดียวกัน ต้องกลับไปพร้อมกับภารกิจที่ล้มเหลว
***จบตอน ผลสะท้อนเบื้องหลัง***