บทที่ 99 ช่องทางการจำหน่าย (อ่านฟรี)
“ผู้จัดการเฝิง เราจะไม่โปรโมตใดๆให้กับน้ำตาลของคุณ ที่นี่ไม่ใช่ห้องที่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้ แต่เราจะจัดจำหน่ายน้ำตาลของคุณพร้อมกับน้ำมันถั่วเหลือง และจะเป็นที่ดึงดูดความสนใจของร้านค้า นี่เป็นสิทธิประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดที่ฉันให้ได้”
เฝิงหยู่เห็นท่าทางของบริษัทโจวเกฮั่วและรู้ว่านั่นไม่ใช่จุดต่อรองราคา อย่างไรก็ตาม เขายังมีช่องทางในการโฆษณาในหนังสือพิมพ์
เฝิงหยู่ต้องการเซ็นสัญญาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นกับกรมอาหารและไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น และในปี 1993 กรมนี้จะยุติลง อันที่จริงจากปีนี้ต่อไป หลังจากที่เปิดทำธุรกิจด้านตลาดอาหารและน้ำมัน สถานะของกรมอาหารได้เสื่อมถอยลง
ตอนนี้ โจวเกฮั่วมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากภายในเวลา 2 ปี เขาจะย้ายไปกรมอื่นหรือถูกบังคับให้ย้ายไปตำแหน่งที่สบายกว่านี้
“เดี๋ยวก่อน ผู้จัดการเฝิง ทำไมน้ำตาลของคุณถึงได้แพงอย่างนี้? ราคาที่คุณขายให้พวกเราเกือบจะแพงเท่าราคาขายปลีกของเราเลยนะ” โจวเกฮั่วเห็นสัญญาแล้วพูดขึ้น
“น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และหวานมากกว่าของเรา ทั้งน้ำตาลยังอยู่บรรจุในบรรจุภัณฑ์อีกด้วย เราจะไม่ขายลดราคาถ้าซื้อจำนวนมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำตาลนี้ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากสหภาพโซเวียต มันจะไม่เปลี่ยนสีง่ายหรือดึงดูดพวกแมลง เหล่านี้เป็นสิ่งที่กรมของคุณสามารถผลิตน้ำตาลได้”
ในยุคสมัยนี้ คนซื้อน้ำตาลในถุงกระดาษเล็กๆ น้ำตาลในร้านค้าของกรมอาหารถูกเก็บในถุงกระดาษขนาดใหญ่ ถ้าพวกเขาไม่จัดเก็บน้ำตาลอย่างถูกต้อง จะเป็นที่ดึงดูดพวกมดได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่คนซื้อน้ำตาลแล้ว พวกเขาจะเอาไปเก็บในขวดเล็กๆ ซึ่งน้ำตาลจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองได้ง่ายเช่นกัน และไม่ดึงดูดพวกมดเหมือนที่แพ็คน้ำตาลในบรรจุภัณฑ์เล็กๆ น้ำตาลไม่เหมือนเกลือหรือน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร และไม่มีใครใช้น้ำตาลทุกวัน
“เราผลิตน้ำตาลทรายขาวเหมือนกัน ราคาก็ไม่สูง ใครจะซื้อน้ำตาลของคุณล่ะในเมื่อราคาสูงขนาดนี้?” โจวเกฮั่วรู้สึกว่าเฝิงหยู่กำลังวุ่นวายกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ผู้คนซื้อผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกที่สุด ใครล่ะจะซื้ออันที่แพงที่สุด?
“หัวหน้าโจวไม่ต้องกังวล คุณแค่ขายตามราคาที่ฉันลิสต์ไว้ ถ้าขายไม่ดี คุณสามารถมาหาฉันได้หรือคุณสามารถเป็นคนส่งของ ฉันจะให้คุณ 2 เปอร์เซ็นทุกๆบรรจุภัณฑ์ที่ขายได้”
เฝิงหยู่เพ่งไปยังหัวใจของเขา ความคิดเดิมที่ไม่มีใครจะซื้อของที่แพง รออีก 2 ปี ผู้คนหลังจากนั้นจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารถ้าพวกเขายังคงขายในราคาถูก
“ส่งของหรอ? ไม่ เราจะไม่ส่งของ จากนั้นรอดูถ้าน้ำตาลของคุณจะขายราคานี้ ถ้าไม่มีใครซื้อ หลังจากนั้นคุณอย่ามาว่าฉัน ถ้าฉันไม่สั่งน้ำตาล!”
“ดี ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรในส่วนนั้น กรุณาเซ็นชื่อ”
เฝิงหยู่เดินออกไปพร้อมกับสัญญา หัวหน้าโจวจุดบุหรี่และครุ่นคิดลึกๆภายใน ทำไมเด็กนั่นถึงได้มั่นใจมากว่าคนจะซื้อน้ำตาลของเขา? ต้องไม่ใช่น้ำตาลทรายขาวธรรมดาแน่? ทำพวกเขาถึงขายราคาแพงขนาดนั้น?
เฝิงหยู่ได้โทรบอกบริษัทหนังสือพิมพ์เพื่อลงโฆษณาน้ำตาล ยังคงค่อยๆโฆษณาขาย การโฆษณาจะต่อเนื่องไปอีก 2 อาทิตย์ เฝิงหยู่เชื่อว่าคนที่มีความรู้ความเข้าใจในปัจจุบัน พวกเขาจะซื้อน้ำตาลของเขา เหมือนกับที่ส่งเสริมการโฆษณาในโทรทัศน์ ทุกคนจะจดจำว่านี่คือน้ำตาลทรายขาวไท่หัว
สัญญาถูกถ่ายเอกสารไม่กี่โหล และเฝิงหยู่ปรึกษาอู๋จื้อกางและพักที่อื่นในมณฑล สหกรณ์ยังคงเล็กกว่าเมื่อเทียบกับร้านค้าของกรมอาหาร คนในเมืองชอบไปที่ร้านค้าของกรมอาหารเพื่อซื้อน้ำมันหรือข้าว เฝิงหยู่ต้องการให้กรมอาหารของที่นั่นตรวจสอบการเซ็นสัญญาระหว่างเขากับเมืองปิง เขาจะใช้เงื่อนไขคล้ายๆกันเพื่อเซ็นสัญญากับกรมอาหารของพื้นที่นั้น นี่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้เกี่ยวกับตราไท่หัว
......
“แกมาทำอะไรที่นี่? วันหยุดไม่ใช่หรอ?” เฝิงซิ่งไทเห็นเฝิงหยู่ที่โรงงาน และเขาไม่ทำตัวเหมือนพ่อคนอื่นๆที่ความสุขที่ได้เห็นลูกชายของเขา เขาถามด้วยความโกรธ “แกโดดเรียนอีกแล้วหรอ?”
“พ่อ อย่าตีผม ผมมีเรื่องสำคัญบางเรื่อง พ่อพูดคุยกับเจ้าหน้ากรมการเกษตรหรือยัง? ใช่ฟาร์มหมูที่ซื้ออาหารสัตว์กับเรามั้ย?” เฝิงหยู่หลบฝ่ามือของเฝิงซิ่งไทโดยกระโดดถอยหลัง
“เจ้าหน้าที่ได้ตกลงที่จะทดลองใช้ แต่ปริมาณไม่มาก จำนวนหมูก็มีไม่มากที่ฟาร์มหมู เราจะทำอะไรกับอาหารสัตว์เหล่านี้? แกยังถามพ่อเรื่องเพิ่มการผลิต! เช่นเดียวกับน้ำตาลที่อยู่คลังสินค้าในโกดัง ทำไมเราไม่ขายมันให้กับโรงงานลูกอมเพื่อทำลูกอมล่ะ”
เมื่อเฝิงซิ่งไทคิดถึงน้ำตาล เขาก็เริ่มกังวล คนอื่นๆที่ขายน้ำตาลของพวกเขาในกระสอบที่ใหญ่ และเมื่อลูกค้าของพวกเขาต้องการซื้อน้ำตาล พวกเขาจะชั่งและใส่น้ำตาลในถุงพลาสติกที่เล็กกว่า ลูกชายของเขาเท่านั้นที่จะบรรจุน้ำตาลในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก บรรจุภัณฑ์นั่นก็เป็นรายจ่ายเหมือนกัน! ตอนนี้น้ำตาลทั้งหมดยังคงเก็บอยู่ในโกดัง พวกเขาจะขาดทุนถ้าพวกเขาขายมันให้กับโรงงานลูกอม
เฝิงหยู่สะบัดสัญญา “พ่อดูนี่? นี่คือช่องทางการจำหน่ายน้ำตาล ผมจัดการแล้ว ติดต่อรถบรรทุกสำหรับส่งของ โรงงานลูกอมต้องการน้ำตาลของเราหรือไม่? พวกเขาเลิกฝันได้เลย!”
“ช่องทางการจำหน่ายถูกกำหนดแล้วหรอ? ดีมาก เอ๊ะ? นี่คือตราประทับของกรมอาหารของเมืองปิงใช่มั้ย? สุดท้ายแล้ว พ่อสามารถรับประกันส่วนที่เหลือ ถ้าไม่ได้ เงินที่ได้จากน้ำมันถั่วเหลืองจะถูกใช้โป๊ะส่วนที่ขาดทุนจากน้ำตาล แน่ล่ะ อาหารสัตว์เป็นยังไงบ้าง? มีผู้คนไม่มากในหมู่บ้านพวกเราที่เลี้ยงหมู การผลิต 1 สัปดาห์สามารถใช้ได้นานกว่า 1 เดือน!”
“พ่อครับ พ่อได้บอกกรมการเกษตรมั้ยว่าเราต้องการดูแลฟาร์มหมูในฐานะผู้ทำสัญญา?”
“สัญญาหัวแกดิ! พ่อยุ่งมากพอแล้วกับโรงงาน แกอยากจะทำงานกับฉันที่หลุมฝังศพของฉันเหรอ?” เฝิงซิ่งไทโกรธมากและยกมือของเขาเพื่อตบเฝิงหยู่ แต่เขาสังเกตว่าหลังจากที่เฝิงหยู่พูดจบประโยคสุดท้าย เฝิงหยู่ก็เดินออกไปจากเขา เขาจีงไม่สามารถตบถึงเฝิงหยู่ได้
“พ่อ ผมบอกพ่อหลายครั้งแล้ว หัวหน้าที่ดีไม่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก แค่รู้ว่าต้องใช้คนยังไง ผมถามพ่อเพื่อให้พ่อได้พัก แต่พ่อไม่ฟังผมเลย เราสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญ 2 คนในฟาร์มหมูจากเทคโนโลยีการเกษตร เรามีอาหารสัตว์ตอนนี้ ถ้าหมูของเราโตเร็ว หลังจากนั้นอาหารสัตว์ของเราจะขายดี!”
“พูดจาเหลวไหล ไม่อยากบริหารรึไง? แกรู้มั้ยการเลี้ยงหมูมันยากยังไง? เมื่อแกยังเล็ก เราก็เลี้ยงหมูเหมือนกัน แกรู้มั้ยว่ามันเหนื่อยแค่ไหน? ถ้าหมูล้มป่วย แกก็จะยุ่งมากจนแกล้มป่วยเหมือนกัน!”
“เราจะจ้างคนมาดูแลหมู งานครั้งต่อไปของพ่อคือดื่มชา ดูทีวีและเล่นมาจองทุกวัน ในบางครั้งพ่อสามารถที่จะเดินรอบๆโรงงาน และถ้าพ่อเบื่อพ่อสามารถนับเงินในสุดบัญชีเงินฝาก ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปเที่ยววันหยุดกับผม ประเทศจีนใหญ่และคงเพียงพอสำหรับเที่ยวไม่กี่ปี เมื่อพ่อเบื่อจีนพ่อสามารถไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตามพ่ออย่ากังวลเรื่องเงินในระหว่างที่มีชีวิตอยู่” เฝิงหยู่เริ่มกล่อมพ่อของเขา
“ไม่ต้องห่วง ผมจะเข้ามหาวิทยาลัยแน่นอน ผมสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในปักกิ่ง อย่าพูดเรื่องนี้เถอะ เราจะไปหาเจ้าหน้าที่กรมการเกษตรเป็นอันดับแรกเพื่อทำสัญญาฟาร์มหมู เราอาจจะอยู่ในช่วงเวลาเทศกาลปีใหม่และเทศกาลปีใหม่จันทคติ”
เฝิงหยู่ลากพ่อของเขาไปหาเจ้าหน้าที่กรมการเกษตร เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินว่าเฝิงซิ่งไทกำลังไปหาเขา เขาวางงานของเขาทันทีและเดินออกไปต้อนรับ นี่เป็นโรงงานเอกชนแรกในภูมิภาคและเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งมณฑล โรงงานนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในภูมิภาคและนี่เป็นความสำเร็จของเขา ปีหน้าอาจจะย้ายไปยังสำนักงานอื่นและเป็นหัวหน้าที่นั่น
“คุณต้องการทำสัญญาฟาร์มสุกรหรือไม่? เถ้าแก่เฝิง ผมตกลงในนามของฟาร์มสุกรเพื่อซื้ออาหารสัตว์ของคุณ ทำไมคุณถึงพยายามที่จะเลี้ยงหมูด้วยตัวเองล่ะ?”
เจ้าหน้าที่รู้สึกประหลาดใจ การขายอาหารสัตว์ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาถึงตัดสินใจเลี้ยงหมูเพื่อซื้ออาหารสัตว์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ? นี่มันตรรกะอะไรกัน?
“ถูกต้องแล้วครับ เจ้าหน้าที่ เราไม่ต้องการทำสัญญาฟาร์มสุกร เราต้องการซื้อฟาร์มสุกรและพื้นที่ด้านหลัง ปีหน้าเราต้อการสร้างฟาร์มหมูที่ใหญ่กว่า ฟาร์มหมูที่ทันสมัย!” เฝิงหยู่ใช้ดินสอเพื่อวงกลมพื้นที่ว่างบนแผนที่ฟาร์ม
“ฟาร์มหมูที่ทันสมัย?”
“ฟาร์มหมูที่ทันสมัย! เครื่องจักรให้อาหารสัตว์ น้ำและทำความสะอาดคอกหมู! จะต้องการแค่คนไม่กี่คนมาดูแลหมูมากกว่าพันตัว!” เฝิงหยู่พูดอย่างหนักแน่น