ตอนที่45 นี้มันไม่ใช่ท่ากายบริหารนะ
หลี่ไต้เข้าใจอย่างถ่องเเท้เลยว่าทำไมซูฮงหยีถึงไม่เชื่อว่าท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักของเขามันได้ผล
7กิโลกรัมใน20วัน มันเป็นความท้าทายที่ยากมากมากอยู่เเล้วสำหรับคนธรรมดาไม่ต้องไปพูดถึงนักกีฬาที่ต้องทุ่มเเรงมากกว่าเดิมถึงจะลดน้ำหนักได้
คนที่มีIQปรกติมาตรฐานส่วนมากก็ะไม่เชื่ออยู่เเล้วว่าท่าออกกำลังกายกระชับสัดส่วนมันจะช่วยหยูเฟ่ยเฟ่ยลดน้ำหนักไปได้7กิโล ถึงเเม้ว่าซูจะเป็นคนห่ามๆ เเต่เขาก็ไม่โง่ ในทางกลับกัน เอาจริงๆเขาค่อนข้างฉลาดด้วยซ้ำ ไม่งั้นเขาคงเป็นโค้ชหลักของทีมว่ายน้ำเขตไม่ได้
ซูโกรธมากตอนที่เขาเห็นหลี่ไต้สอนอะไรที่เบสิคมากๆอย่างท่ากายบริหารให้กับหยูเฟ่ยเฟ่ย เอาจริงๆเขาเเทบจะกระทืบหลี่เเล้วด้วย เเต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังใจเย็นเเละความเป็นเหตุเป็นผลของเขาก็กลับมา เขาไม่เชื่อในผลลัพท์ของท่าออกกำลังกายกระชับสัดส่วนอะไรนั้น เเล้วก็สรุปออกมาว่าน้ำหนักของหยูลดเพราะว่าเธอป่วย
"โค้ชคะ! ฟังนะคะ ฉันไม่ได้ป่วย ฉันสบายดี"หยูอธิบาย
"เเล้วทำไมถึงได้ลดน้ำหนักมาได้เยอะขนาดนี้ถ้าไม่ได้ป่วยละ? เฟ่ยเฟ่ย ฟังฉันนะ พรุ่งนี้เราจะไปโรงพยาบาลกัน"ซูฮงหยีมองหยูอย่างเป็นห่วง
"โค้ช ฉันน้ำหนักหายไปเพราะท่าออกกำลังกายของโค้ชหลี่" หยูย้ำอีกรอบ เเต่ทำยังไงซูก็ยังไม่เชื่อ เเถใยังดื้อดึงพยายามให้หยูไปโรงบาลให้ได้ จนสุดท้าย หลี่เปิดประโยคเข้ามา "โค้ชซู ถ้าคุณไม่เชื่อว่าการออกกำลังกายลดน้ำหนักของผมมันได้ผล เเล้วคุณดูถูกมัน ทำไมคุณไม่ลองทำตามผมเเล้วก็ลองดูผลลัพธ์ด้วยตัวเองละครับ"
"ให้มาลองท่ากายบริหารนั้นหน่ะหรอ "ซูทำท่ารังเกียจ
"โค้ชซู คุณก็บอกเองนี้ครับว่ามันพูดง่ายเเต่ทำยาก เเล้วทำไมเราไม่ลองทำมันดูเลยละครับ" หลี่ยิ้มอย่างมั่นใจเเล้วพูดต่อ "ทำท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักด้วยกันกับผมซักเซตซิครับ ถ้ามันไม่ได้ผลกับคุณจริงๆผมจะยอมรับเลยว่าผมโกหก คุณอยากจะลองเปิดเผยความจริงไหมละครับ?"
"ก็ได้ ฉันจะเปิดโปงแกตอนนี้ละ"ถ้าซูปฏิเสธตอนนี้ เขาก็จะกลายเป็นคนขี้ขลาดไม่กล้าลอง ดูกลัว เขาเลยทำใจเเล้วรับคำท้า
ส่วนหลี่ก็ได้คำตอบอย่างที่เขาต้องการ เเละดวงตาเขาส่องประกาย เขาเอาซูเขารายการฝึก ซูเคยเป็นนักกีฬามาก่อนดังนั้นเขาจึงถูกจัดให้อยู่ในประเภทนักกีฬามืออาชีพ ถึงเเม้ว่าเขาจะเกษียรเเล้วก็ตาม เเละเพราะอย่างงั้น เขาจะได้ผลของการออกกำลังกายกระชับสัดส่วนอย่างเต็มที่
จากนั้นหลี่พูดว่า"งั้นเรามาเริ่มกันเเบบช้าๆกันดีกว่านะครับโค้ชซู เพราะว่าคุณยังไม่เคยฝึกเพราะงั้นคุณอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวปับมันซักพักนึง"
หลี่ไต้ชักนำเขาไปสู่ท่าที่ต้องการ ซูทำตามที่หลี่ทำเป๊ะๆ เขาโบกมือเเล้วพูด" ไม่ต้องห่วง!เร็วเต็มที่ได้เลย ท่ากายบริหารระดับต่ำๆเเบบนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก! ฉันรู้ว่าแกมีลูกเล่นอะไรเเบบนี้มาตั้งเเต่ชาติที่เเล้วละ ฉันจะจับตาคอยดูแกไว้เเบบไม่คลาดสายตาเลย"
"เอาละ งั้นเต็มที่ละนะ พร้อม! เริ่ม!" หลี่ไต้เริ่มนับ "1เเละ2เเละ3 4 5 6 เเละ 7เเละ 8"
...
ซูไม่เคยรู้สึกประมาทแบบนี้มาก่อน เขามองหลี่ด้วยสายตาเสียดสีอย่างเต็มที่
มันต้องเล่นกลอะไรแน่ๆ มันคิดว่ามันจะหยิบเอาท่ากายบริหารซักอันนึงมาปรับนิดปรับหน่อยแล้วกลายเป็นท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักแบบนี้ได้เหรอ เขาอาจจะหลอกพวกคนธรรมดาที่อยู่ในโรงยิมได้นะแต่ไม่ใช่โค้ชมืออาชีพอย่างฉัน!
เขาพ่นลมหายใจแต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีกระแสความอบอุ่นข้างในร่างกายของเขา มันแผ่ขยายไปทั่วอย่างรวดเร็ว มันรู้สึกเหมือนแสงแดดอุ่นๆท่ามกลางฤดูหนาวที่มาเติมเต็มทุก อณูเซลให้อบอุ่นยิ่งขึ้น มันเป็นความรู้สึกแปลกๆในร่างกายเขา ในฐานะที่เป็นโค้ชที่มีประสบการณ์แต่เขาไม่เคยประสบพบเจออะไรแบบนี้
มันคงไม่มีอะไรหรอก ฉันคงแค่รู้สึกร้อนเพราะว่าฉันออกกำลังกายอยู่ มันก็เป็นแบบนี้และเวลาที่คนเราอุ่นเครื่องแล้ว ก็ต้องมีเหงื่อ ถูกไหม หรือไม่ก็เป็นเพราะห้องนี้มันร้อนเกินไป มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
เขาพยายามที่จะทำใจเย็นๆ แต่ความรู้สึกนั้นมันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันไหลเวียนในเส้นเลือด หรือแม้กระทั้งกระดูกของเขา ซูรู้สึกเหมือนกับว่าทุกเซลในร่างกายของเขาถูกปลุกให้ตื่น เหมือนกับว่าเซลพวกนั้นกำลังออกกำลังกายท่าเดียวกับเขาไปพร้อมๆกันอย่างนั้นเลย
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆแบบนี้? หรือว่าฉันหลอนไปเอง ซูหายใจเข้าลึกๆแล้วมองไปที่หลี่อย่างจริงจัง
“1และ2และ3และ4...” หลี่ยังคงนับต่อไป แต่สำหรับซู มันเหมือนเสียงกลองสงครามที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทหารก้าวต่อไป มันทำให้เขาคล้อยตามทุกท่วงท่าที่เข้ามา
และสุดท้าย ท่าออกกำลังกายก็สิ้นสุดลง หลี่และซูหยุดในเวลาเดียวกัน
“รู้สึกยังไงบ้างครับโค้ชซู” หลี่ถาม
“ไร้สาระชิบ!”ซูสบทออกมาแล้วทำตัวเหมือนใจเย็นอยู่ “ฉันเองก็เคยไปเป็นคนสอนเด็กกายบริหารแบบนี้มาก่อนตอนที่ฉันยังเรียนอยู่โรงเรียนกีฬาด้วยซ้ำ”
หลี่ไม่ได้สนใจคำโม้ของซูเท่าไร เขาชี้ไปที่ตาชั่ง “เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว คุณนี้หนัก85.53 ลองมาดูกันดีกว่าว่าน้ำหนักลดไปเท่าไรแล้ว”
“จะบ้าเหรอ? ท่าออกกำลังกายของแกมันมันแค่20นาทีเองนะ นี้มันใช้พลังงานไปน้อยกว่าการว่ายน้ำ200เมตรอีก ดูซิ เหงือยังไม่แตกซักกะหยด น้ำหนักลดเหรอ เหอะ มหาลัยกีฬานี้ไปหาคนสติไม่เต็มแบบแกมาจากไหนเนี่ย” ซูรู้สึกรำคาญมาก
“ท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักของผมได้ผลเสมอ ไม่ว่าจะมีเหงือรึไม่ก็ตาม อีกอย่าง มันได้ผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้” หลี่บอก เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“หลังจากครั้งแรกเหรอ? โอเค ฉันจะโชว์ให้เห็นความเป็นจริงเอง” เขาเดินขึ้นตาชั่ง
ซูยืนบนตาชั่งและสมดุลตัวเองจนตัวเลขบนตาชั่งหยุดนิ่งสนิท เขามองแล้วรู้สึกเครียดทันทีที่เห็นตัวเลข
85.21กิโลเหรอ? เมื่อกี้ฉันหนักกว่านี้นี่หว่า ใช่ไหม 85.53ใช่ไหม นี้น้ำหนักฉันลดลงไป0.32กิโลเลยเหรอ นี้มันผิดธรรมชาติไปแล้ว หรือว่ามีอะไรผิดปรกติในตาชั่งนี้? ในหัวของซูตอนนี้เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
มันแค่20นาทีเท่านั้นระหว่างครั้งแรกที่ชั่งกับครั้งที่2ของเขา แต่มันแตกต่างถึง0.32กิโล ถ้าเขาไปเข้าห้องน้ำในช่วงระหว่างนั้น มันก็อาจจะเข้าใจได้บ้าง แต่นี้เขาไม่ได้ไปไหนเลย และอย่างที่เขาบอก เหงื่อเขายังไม่ไหลซักหยด แล้วตอนนี้ เขาอธิบายไม่ได้เลยว่าน้ำหนักของเขาหายไป0.32กิโลได้ยังไง
หลี่เดินมาหาเขา แล้วดูตัวเลขบนตาชั่ง “โค้ชซูครับ คุณน้ำหนักลดไป0.32กิโลกรัม ดูเหมือนว่าการออกกำลังของผมจะได้ผลดีนะครับ
การออกกำลังกายกระชัดสัดส่วน! ตอนนี้แม้เขาจะไม่ได้ชื่อสุดใจแต่เขาก็เริ่มยอมรับแล้วว่ามันได้ผลจริงๆ ถ้าเป็น20นาทีที่แล้วเขาคงเถียงอยู่กับหลี่ไต้อยู่ เขาเถียงไม่ออกกับการที่น้ำหนักเขาลดไป0.32กิโลกรัม มันมีคำอธิบายเดียวก็คือการออกกำลังกายนั้นไดผลจริงๆ
มันเป็นไปได้ยังไง ท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักเนี่ยนะ ที่ฉันทำเนี่ยมันแทบจะเป็นกายบริหารอยู่แล้วนะ มันไม่ได้ยากอะไรเลย แล้วมันก็ยังไม่ได้ช่วยให้ฉันลดแคลอรี้เยอะแยะอะไรเลย หรือว่าฉันเอากุญแจกับกระเป๋าตังของฉันออกตอนไปชั่งน้ำหนักวะ? เขาล้วงดูกระเป๋ากางเกงของเขา แต่ของพวกนั้นก็ยังอยู่
หรือว่าท่าออกกำลังกายนั้นจะได้ผลจริงๆ? เขามองหน้าหลี่อย่างคาดคั้น และพยายามหาคำตอบจากหน้าของหลี่
หลี่ยิ้ม“โค้ชซู ตอนนี้คุณควรจะเชื่อผมได้แล้ว ว่าท่าออกกำลังกายนี้มันได้ผลจริงๆ นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้หยูลดน้ำหนักลดไปได้7กิโลกรัมใน20วัน แล้วตอนนี้คุณก็ทำไปพร้อมกับผม แม้แต่คุณยังลดไปได้0.32กิโลเลย”
นี้คือความเป็นจริง โค้ชซูต้องเชื่อมัน เขาเดินออกจากตาชั่งด้วยความเงียบ