ตอนที่10 ภัยอันตรายที่เข้ามาและการตื่นขึ้นของดวงตาชิบะน้อย
“ท่านพี่ นี่มันฤดูใบไม้ผลิ!”
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ที่ติดกับขอบ หุบเขาหมอก เป็นหมู่บ้านเล็กๆในบรรยากาศในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความปิติยินดีเนื่องจากการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ
ปีนี้เป็นปีที่แตกต่างกันออกไปของหมู่บ้าน หวังเทียนเหล่ย ได้มายังหมู่บ้านและตั้งแต่เขาอยู่ที่นี้ ผลผลิตก็เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้เสียชีวิตที่ลดลงซึ่งหมายถึงผลผลิตดีขึ้นและยังมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกต่างหาก ในเทศกาลฤดูใบไม้ผลินี้แม้จะมีผู้คนที่เล่าเรื่องเก่าๆในอดีตอยู่ก็ตาม ถึงสภาวะที่ต้องอดมื้อกินมื้อก็ตาม หวังเทียนเหล่ย ได้ไปเจอคนที่สอนการอ่านหนังสือ หญิงสาวสามารถซื้อผ้าที่มีสีแตกต่างกันเพื่อทำเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหม่ได้ 1 หรือ 2 ตัวโดยประมาณ ชิบะน้อยเองก็ได้เจ็คเก็ตตัวใหม่เช่นกัน ตอนนี้มีงานเทศกาลประจำปีอยู่ทุกที่ในหมู่บ้านทุกซอกมุมเต็มไปด้วยความสุขมากมายภายในหมู่บ้านแห่งนี้
โจว หัว ซึ่งท้องมีขนาดใหญ่กว่าและกลมกว่าเดือนที่ผ่านมาได้รับความคุ้มครองอย่างดีจาก หวังเทียนเหล่ยผู้เป็นพ่อ และไม่ยอมให้ภรรยาของเขาทำงานเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอต้องทำก็คือกินนอนและรอลูกชายสุดที่รักของพวกเขาออกมาลืมตาดูโลกและทำให้ปู่ยายได้มีความสุข
นี่เหมือนเป็นการฆ่าโจว หัว ทางอ้อมๆในการไม่ให้เธอทำอะไรสักอย่างเพราะตั้งแต่เขาเกิดมาเขาก็ถูกให้ทำงานบ้านทุกวันตั้งแต่วัย 4 ขวบ
กิจวัตรประจำวันที่เธอทำมากว่าทศวรรษนั้นจู่ๆก็ไม่ได้ทำจึงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดกับชีวิตที่เรียบง่าย
เธอไม่สามารถทำอะไรได้
นี่เป็นเหตุผลที่โจวหัวไม่ได้ทำอะไรในวันนี้ ทำได้แต่นอนอาบแสงแดดอ่อนๆอยู่ที่ผนังบ้านและหล่อนก็ปิดตาลง วางมือทั้งสองข้างบนท้องขนาดใหญ่ของเธอ อย่างไรก็ตามเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าหิมะจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและลมตะวันออกเฉียงเหนือที่รุนแรง ในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนั้นเธออยู่ในบ้านนั่งอยู่ข้างเตาถ่าน ในบ้านเป็นดั่งสวรรค์ที่อบอุ่น
ชิบะน้อยเข้าชมและพูดคุยกับพี่สาวของตนเป็นประจำเพราะจะได้มีโอกาสเรียนรู้ วิทยายุทธอัคคดีอีกสักครั้งสองครั้ง เขาจะไม่สามารถฝึกได้หากเขาไม่ได้ทวนสิ่งที่จำมาและเขาอาจจะจำมาแบบผิดๆก็เป็นได้
เมื่อได้เห็นน้องชายตัวน้อยของเธอรีบวิ่งมายังห้องเธอ โจว หัวก็หัวเราะและพูดว่า
“ใช่แล้วมันเกือบจะเป็นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ แล้วเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินนะ เพราะยังไงเจ้าก็จะได้รับมันอย่างแน่นอน”
“ตอนนี้ท่านพี่แต่งงานแล้วมันทำให้ข้าโชคดีไปด้วย! ไชโย!” ชิบะน้อยหัวเราะไปพูดไปด้วย จริงๆแล้วในหมู่บ้านนี้เด็ก ๆที่โชคดีได้รับเหรียญทองแดง1 หรือ 2 เหรียญเป็นเงินถือเป็นโชคดีของพวกเขาแล้ว แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินก็เถอะ
พวกเขาอยู่ในห้องอุ่นๆ พูดคุยกันเป็นครั้งคราว และอีกด้านหนึ่ง หวังเทียนเหล่ยได้เข้าไปในป่าลึกและกำลังฝึกมวยด้วยเงาของตน พวกเขาไม่ได้ไปล่าสัตว์ในป่าด้วยเหตุผลสองประการ เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีสัตว์เพียงพอสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันขั้นพื้นฐานอื่น ๆ เหตุผลที่สองคือเมื่อสภาพอากาศหนาวเย็นลมเหนือพัดและหิมะตัวแรกที่เข้ามานักล่าไม่สามารถหาอะไรได้แม้ว่าจะไปล่าสัตว์ สัตว์ที่ฉลาดพอมันได้กักตุนเสบียงอาหารไว้สำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง พวกมันจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำของพวกมันและรอฤดูหนาวแรกของปีนี้ ผู้ชายค่อนข้างจะใช้ประโยชน์จากเวลานี้และฝึกมวยและกลยุทธ์การต่อสู้และหวังว่าการเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้นเมื่อหิมะหยุดลง
เวลาผ่านไปอย่างสงบสุขและมีความสุข ชิบะน้อยได้พูดคุยกับพี่สาวของเขามาระยะหนึ่งและได้จดจำข้อมูลในหนังสือ วิทยายุทธอัคคีของหวังเทียนเหล่ย ไปด้วย อีกครั้งเมื่อเขามีโอกาสและจากนั้นก็จะนำมันกลับมาเติมเต็มข้อมูลที่ได้มาวันนี้ และเขาก็ต้องกลับบ้านแล้วเพราะท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้วนั้นเอง
“มันดึกเกินแล้วนะ ทำไมเจ้าไม่นอนค้างที่นี้สักคืนล่ะ?” โจว หัวกล่าว
ชิบะน้อยส่ายหัวทันทีและพูดว่า “ไม่ล่ะขอบคุณ แม่ข้าคงหงุดหงิดแน่นอน”
โจว หัวหัวเราะและพูดว่า
“เจ้าควรทำตัวเป็นเด็กดีและไม่ทำให้ท่านแม่กังวลในตัวเจ้าตลอดเวลานะ”
“แน่นอน!”ชิบะน้อยโบกมืออย่างเร่งรีบและวิ่งไปที่ประตูอย่างรีบร้อน
เขาต้องรีบเพราะเริ่มมืดแล้วและแม่ของเขาจะต้องโมโหอย่างแน่นอนเมื่อเขาถึงบ้านสายอีกครั้ง ทันทีที่มาถึงป่าและกำลังก้าวออกไปจากลานหมู่บ้านนั้น เขาก็ได้ยินเสียง"กรี๊ดด" มาจากข้างหลัง
“พี่ข้า?!” ชิบะน้อยหยุดนิ่งและหัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
เสียงนั้นคือเสียง โจว หัว เกิดอะไรขึ้น?
ไม่มีเวลาสำหรับความลังเล เขาหยิบขวานผ่าฟืนและวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เขามาถึงชิบะน้อยเห็น โจว หัว จากห้องของเธอพร้อมกับหน้าที่ตื่นตระหนก ในเวลาเดียวกันพ่อของ หวังเทียนเหล่ย ก็ได้ยินเสียงและรีบวิ่งไปทางห้องของ โจวหัว
“เกิดอะไรขึ้น?”
พ่อของหวัง เทียนเหล่ย เขาดูแทบไม่ออกเลยว่าเขาคือชายชรา เขาดูยังหนุ่มยังแน่นเหมือนชายวัยกลางคน เมื่อเขาเห็นโจว หัววิ่งหนีอย่างหวาดกลัว เขาก็วิ่งออกไปหาและช่วยเธอ
“มะ..มะ...หมี!”
โฮ้ววว!! มีเสียงคำรามมาจากหลังผนังห้องและมันกำลังจะพังประตู หมีดำสูง 3 เมตรได้วิ่งออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านเล็กๆที่น่าสงสาร
“หมี?!”
มันเป็นหมีจริงๆ!
ชิบะน้อยแทบไม่เชื่อสายตา หัวใจที่เต้นอยู่มันแทบระเบิดออกมา
เขารู้ดีว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดกำลังเกิดขึ้นกับพวกเขา
บ้านของเขาอยู่ติดกับ หุบเขาหมอก เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าหมีจะล่าสัตว์ในช่วงฤดูหนาวเลย
ในช่วงนี้เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานของหมี แต่ถ้าหากหมีเก็บเสบียงได้ไม่เพียงพอและอาจตัดสินใจออกจากการจำศีลเพื่อล่าเหยื่อ โอกาสรอดของพวกเขาต่ำเพราะแถวนี้นั้นมีแต่ชาวบ้านและหมีจะไม่หยุดล่าจนกว่าจะได้เนื้อมนุษย์ตามที่มันพอใช้ประทังชีวิตในฤดูหนาวนี้
“กรี๊ดดดด!!”
ชิบะน้อยได้ยินเสียงกรีดร้องประมาณ3คนได้ หนึ่งในนั้นคือเสียงของพ่อ หวังเทียนเหล่ย ผู้ซึ่งมาปกป้องโจว หัว เมื่อหมีดำโจมตีใส่เธอ ไม่ใช่เพราะเขาห่วงความปลอดภัยของเธอ แต่เป็นเพราะเขาห่วงความปลอดภัยทารกในครรภ์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พลังของผู้เป็นพ่อนั้นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับหมีดำ แต่เขาก็ยังกระโดดใส่หมีดำ แต่ก็ถูกหมีดำตะปบเข้าไหล่ของเขาและได้กระเด็นออกไป
แม้ผู้เป็นพ่อต้องการแม้แต่จะยืนก็ยังไม่ไหว
หมีไม่สนใจตัวของผู้เป็นพ่อและได้จ้องไปทางโจว หัวแทน ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ถูกดึงดูดโดยสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างโจว หัว
ชิบะน้อยหายใจเข้าลึกๆและยกขวานขึ้น เขารู้สึกกลัวมากๆร่างกายของเขานั้นสั่นไปหมด เขาทั้งกลัวและโกรธตัวเอง และเขาก็เห็นโจว หัวสะดุดล้มลงกับพื้น หมีดำกำลังตรงเข้าไปหาเธอ ด้วยความกล้าทั้งหมดของชิบะน้อย เขาได้ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังมากและวิ่งไปหาหมีกะจะใช้ขวานปลิดชีพหมีตัวนั้นในทันที
หมีดำเหลือบมองเด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ และไม่สนใจเขา แม้ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาหนึ่งในไม่กี่ตัวที่มีพละกำลังอย่างมากในท่ามกลางหุบเขาหมอกแห่งนี้ แต่มันก็รู้ได้ว่าศัตรูของมันมีพละกำลังมากน้อยเพียงใด หมีไม่เห็นถึงความน่ากลัวในเด็กน้อยคนนี้ที่ผอมยิ่งกว่าลิง
ปุ๊ปปป!!
ไม่น่าแปลกใจเลย เช่นเดียวกับพ่อของ หวังเทียนเหล่ย เขาถูกตะปบและกระเด็นออกไป
และหมีดำตัวนี้ก็ไม่ได้ตะปบเบาๆเลยแม้ศัตรูจะตัวเล็กแค่ไหนก็ตาม ชิบะน้อยกระเด็นและพุ่งชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง
“อ่า..”
ชิบะน้อยร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายเขาได้ชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง
และชิบะน้อยก็ล้มลงกองอยู่กับพื้นแต่เขาก็ยังรู้สึกตัวอยู่อย่างประหลาดใจ มันเกินกว่าความเข้าใจของเขาว่าเขาไม่ได้ผ่านออกมาหลังจากที่ร่างกายอ่อนแอของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงดังกล่าว
เขาไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่จะให้ชีวิตของเขาเองเพื่อช่วยคนอื่น เขาควรจะวิ่งหนีทันที เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะโยนตัวเองที่หมีดำและต่อสู้กับมัน; ตอนนี้เขาอยากให้เขาไม่ได้ทำมัน แต่กระนั้นก็ตามเขารู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นที่จะลุกขึ้นยืนและต่อสู้ต่อไป
มันไม่มีอะไรนอกจากแรงกระตุ้น แม้ว่าเขาจะฝึกศิลปะการต่อสู้เขาได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงจากสัตว์ร้ายและล้มลงอย่างแรงกับพื้น มีสิ่งเดียวที่ยังเคลื่อนไหวได้คือดวงตาของเขา
ลิตเติ้ลชิบะพยายามจะเปิดตาของเขาขึ้นเห็นสัตว์ที่ดุร้ายเปิดปากใหญ่ของมันขึ้น มันกำลังจะกัดโจว หัว ชิบะน้อยพยายามจะใช้แขนของตนดันตัวขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างกายช็อกอย่างฉับพลันและไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย
“ม๊ายยยยยย!!”ชิบะตะโกนอย่างไร้สติในขณะที่หมีดำกำลังกัดโจวหัว ชิบะน้อยสับสนไปหมด เขามองไปที่เธอที่กำลังร้องอย่างทรมาน ชิบะน้อยได้บ้าคลั่งแล้วก็ลุกขึ้นวิ่งไปและใช้แรงทั้งหมดต้อยไปที่หมีตัวนั้น หมีดำตะลึงมากในการกระทำของเจ้าเด็กคนนี้ ในป่านั้นไม่มีลิงตัวเล็กๆที่ไหนที่กล้าชกมันเลย มันไม่เคยเห็นลิงตัวใดที่กล้าชกมันอย่างเขาได้
ชิบะน้อยอยู่ในสภาพที่แปลกและไม่สามารถอธิบายกับความผิดปกติกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขาได้ และจากนั้นเขาก็รู้สึกปวดหัวจากการเกรงอย่างเฉียบพลันของกล้ามเนื้อ และยิ่งไปกว่านั้นตาของเขาก็มองเห็นแต่ความมืด ไม่นั้นมันสีเลือด เขาพยายามอย่างมากในการเปิดตา แต่บริเวณนั้นมีแต่เลือดเต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้นกับตาของข้า ทำไมข้าไม่เห็นอะไรเลย!”ชิบะน้อยพยายามที่จะลืมตาของเขาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ทำไม? ข้าตาบอดงั้นเหรอ??” เขากลัวมากแต่ความเจ็บปวดเหลือทนไม่ยอดให้เขาคิด เขาอยากให้ความรู้สึก ณเวลานี้ผ่านไปเร็วๆหรือไม่ก็ตายไปเลยดีกว่าที่จะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ตาย เขายังรู้สึกตัวอยู่ และตอนนี้เขาได้ตื่นตัวกว่าปกติ
“ไม่! อ๊ากกกก!!”ชิบะน้อยกำลังโห่ร้องดังมากกว่าเดิม สัตว์ร้ายกำลังหงุดหงิดอย่างมาก มากจนทิ้งโจวหัว และมุ่งหน้าไปยังชิบะน้อยเพื่อที่จะกำจัดความรำคาญที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะไปหาเหยื่อ
สัตว์ร้ายไม่ได้สังเกตว่าดวงตาของชิบะน้อยได้เปล่งแสงออกมา เป็นแสงที่เหนือธรรมชาติ และในความเป็นจริงในตอนนี้ไม่มีใครนอกจากเขาคนเดียว