ตอนที่แล้วตอนที่ 34 ช่วยฉันที
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 36 เสียใจหรือเปล่า?

ตอนที่ 35 อาการประสาทหลอน


ตอนที่ 35 อาการประสาทหลอน

 

ในยามค่ำคืนในห้องที่เต็มไปด้วยควัน โกสต์แฮนด์กำลังรออย่างเงียบ ๆ ในห้องลับของผับปลาหมึกดำ

 

มีคนเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ เขาถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นชุดยาวสง่างามจากตะวันออก เขาดูชรามาก ผมของเขามีสีด่างๆของสีเทาและสีดำและสีขาว การเคลื่อนไหวของเขาเงียบเหมือนผี "พลาดอีกแล้วหรอ?" ฉางนั่งตรงข้ามกับเขาพูดว่า "จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกผิดหวังมากกับทัศนคติในการทำงานของคุณ"

 

"น่าเสียดายที่นี่คือเมืองอวาลอน งานของเราไม่ได้ราบรื่นเสมอไป" โกสต์แฮนด์ส่ายหัวพยายามควบคุมความโกรธของเขา

 

ฉางพูดอย่างเฉยเมย “โกสต์แฮนด์ ก่อนที่ Yuulou จะถูกยึดครองโดยพวกก่อการกบฏ พวกเราจะมีหน้าที่ตามหาคน ถ้าเขาต้องการหัว ศีรษะจะถูกส่งมอบถึงมือของเขา ทุกคนที่ทำงานล่าช้าต้องรับผิดชอบด้วยหัว ไม่มีใครรอดพ้นจากสายตาของเรา เขาและครอบครัวของเขาจะจ่ายราคาสำหรับความผิดพลาด”

 

"แต่นี่คืออวาลอน และสิ่งต่างๆไม่เหมือนกัน เราพยายามอยากมากเพื่อซ่อนกลุ่มคนของคุณ!" โกสต์แฮนด์ขมวดคิ้ว "Shaman ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใด ๆ คุณต้องการให้เหล่าราชวงศ์สังเกตเห็นตัวตนของคุณหรือ"

 

"มันผ่านมาสี่วันแล้ว" ฉางกล่าวอย่างเงียบ ๆ ว่า "โกสต์แฮนด์ เราไม่สามารถรออีกต่อไปได้อีกแล้ว"

 

"คุณฉางฉันต้องการเวลาอีกหน่อย"

 

"ฉันให้เวลาคุณไม่ได้อีกแล้ว?" ฉางลุกขึ้นและหายตัวไปเหมือนผีกลายเป็นควันสีขาว

 

โกสต์แฮนด์เอนตัวลงกับเก้าอี้ เขาดูดไปป์ของเขาเขากัดมันจนแตกระหว่างฟันของเขา "เพราะเด็กทางทิศตะวันออกทั้งสองคน, อวาลอนคงยุ่งเหยิงไปอีกสักพัก." เขาถ่มน้ำลายออกมาและกำไปป์ไว้ในฝ่ามือของเขา "และหมาบ้านั้น"

 

"ได้เวลากลับแล้ว" ในรถลากนอกผับฉางลืมตาช้า ๆ เขาไม่เคยขยับตัวเลยตั้งแต่เริ่มเดินทางจนกระทั่งสิ้นสุด

 

รถเคลื่อนที่อย่างเงียบ ๆ บริวารที่เพิ่งได้รับข้อความนำจ้อความบนไม้ไผ่มาให้เขา ฉางขยับนิ้วมือเล็กน้อย "Shaman กำลังมองหาเด็กตะวันออกอีกคนงั้นหรอ?" เขาถาม.

 

"ใช่แล้วครับ ยังมีเด็กผมสีขาวและสุนัขอีกด้วย บางคนเห็นเด็กคนนี้หลบหนีตอนที่เรากำลังมองหาคนอยู่ เราไม่รู้ว่าใครต้องการให้ Shaman ตามหา แต่ดูเหมือนเขาจะสำคัญกว่าผู้หลบหนีของเรา"

 

ฉางขุ่นเคือง "Shaman กำลังมองหาอะไรอยู่?"

 

"ดูเหมือนว่าจะเป็นกล่องชนิดหนึ่ง คำสั่งคือไม่ว่าเป็นหรือตาย ขอแค่กล่องนั้นเท่านั้น"

 

"ในประเทศของพวกป่าเถื่อน กฎระเบียบที่วุ่นวาย มาพร้อมกลุ่มคนป่าเถื่อน" ฉางกล่าวโทษอย่างเย็นชา "Shaman อาจมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่หลังจากนี้คงพึ่งพาอะไรไม่ได้แล้ว"

 

คนรับใช้ถามว่า "ขันทีฉางหมายความว่าเราต้องหาทางอื่นหรือ? มีคนมากมายที่สามารถช่วยเราค้นหาเมืองอวาลอนได้"

 

ฉางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มคนที่อยู่ในการควบคุมของ Yunlou?"

 

"พวกเขาได้ส่งหนังสือรับรองว่าจะเข้าเมืองเร็ว ๆ นี้"

 

"ดีมาก ยุนลู่ฉิงซู เป็นหมาป่าที่ไร้หัวใจ แต่เขายึดอำนาจการควบคุมของเมือง Yunlou เขายังต้องการที่จะร่วมงานพวกป่าเถื่อนและเรียกร้องอิสรภาพโดยไม่เคารพต่อกษัตริย์และพ่อของเขา! เราต้องไม่ถูกหลอกโดยเจ้าหญิงตัวปลอม!"ฉางกล่าวต่อ "กระจายคำสั่งของฉันแก่พวกเขาอย่าทรยศต่อความไว้วางใจจากพระองค์ให้นำเจ้าหญิงกลับมาเมื่อราชากลับประเทศ Yunlou และปราบปรามกบฎ ยุนลู่ฉิงซู เขาจะให้รางวัลแก่ทุกคน ใครไม่ทำตามตัดหัวมันซะ! "

 

"ขอรับท่านขันที!" คนรับใช้ลังเลมองไปสับสน "แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ"

 

"อะไร?"

 

"ทำไมท่านต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง แค่เด็กหญิงตัวน้อยที่มีสายเลือดของมังกร?"

 

ฉางเงียบเป็นเวลานานแล้วที่เขายกมือขึ้น เขาวางมันลงแล้วถอนหายใจ "คุณได้รับใช้ฉันมาหลายปีแล้ววันนี้ฉันจะสอนคุณเรื่องการอยู่เคียงข้างกษัตริย์" เขาเหลือบไปที่คนรับใช้ของเขาด้วยสายตาที่ราวกับมองของเน่าเสีย "จงทำตามกฎอย่างเคร่งครัดอย่าล้ำเส้นใด ๆ นั่นคือเคล็ดลับในการใช้ชีวิตที่ยืนยาว ยิ่งคุณต้องการรู้มากเท่าไรคุณก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น คุณเข้าใจไหมว่าฉันหมายถึงอะไร?"

 

"ข...เข้าใจขอรับ". คนรับใช้ราวกับถูกแช่ในน้ำแข็ง แต่เหงื่อออกราวกับว่าเขาอยู่กลางสายฝน

 

"ไปได้แล้ว" ขันทีฉางหลับตาและพักผ่อน "จำไว้ว่านำเธอกลับมาโดยไม่ให้ผมหลุดร่วงแม้แต่เส้นเดียว"

 

"ขอรับ".

 

ตั้งแต่วันนั้นไป่ฉีไม่พูดกับเย่วซิงอีกเลย แม้ว่าตอนนี้เธอดูดีขึ้นแล้วแต่เธอก็ไม่อยากคุยกับคนอื่น  ทุกวันหลังจากที่เธอทำงาน เธอจะนั่งเงียบอยู่ในมุม เธอจ้องมองฝุ่นที่พื้นตรงหน้าเธอ แต่สายตาของเธอทะลุผ่านฝุ่นเหมือนกำลังมองหาสิ่งอื่น

 

เฉพาะฟิลเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดสองสามคำจากเธอ แต่ฟิลพูดไม่ได้และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากกับสุนัข แต่บางครั้งเมื่อฟิลหลับไปข้าง ๆ เธอ เธอก็จะแตะต้องขนของฟิลอย่างระมัดระวังและจริงจัง ฟิลเป็นสุนัขที่น่ารักจริงๆ แม้ว่ามันจะน่าเกลียด แต่ก็ยังเป็นที่นิยมมากกว่าเย่วซิง

 

มันเป็นวิธีของโลกนี้  การเกลียดใครสักคมีเหตุผลที่นับไม่ถ้วน แต่การรักสุนัขไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใด ๆ และในกรณีส่วนใหญ่สุนัขก็ดีกว่าคน ๆ หนึ่ง ตราบใดที่คุณยังดีต่อมัน มันก็จะไม่เป็นอันตรายต่อคุณ

 

แต่เย่วซิงไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ต่อไปเพราะฟิลเป็นสุนัขของเขา!

 

"ทำไมเธอถึงกล้าจับมัน? ฉันยังทำได้แค่ตอนที่มันอยู่ในอารมณ์ดีเท่านั้น!" เขาคิดกับตัวเอง

 

เมื่อเขาเขียนเลขศูนย์ตัวสุดท้ายลงในสมุดบัญชีเสร็จ เขาก็เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ ข้างๆเขาเซตันยังเงียบอยู่ ลุงที่มียักษ์คนนี้กำลังนั่งไขว้ขากันอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์พยายามดิ้นรนเพื่ออ่านนิยายเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ เซตันเงยหน้าขึ้นและจู่ ๆ ก็พูดว่า "เจ้านายส่งจดหมายมาจากเมืองอื่นเมื่อวานนี้ เขาถามถึงแก"

 

"เขารู้เกี่ยวกับผมด้วยหรอ?" เย่วซิงรู้สึกประหลาดใจ

 

"เขาเป็นพวกโรคจิต แต่มักจะมีใครรายงานข่าวให้เขาตลอด" โทนเสียงของเซตันไม่ได้แสดงถึงความเคารพ "เขาอยากให้คุณประสบความสำเร็จในการสอบเข้าและเขาบอกว่าจะนำของขวัญมาให้คุณ"

 

"จริงเหรอ?"

 

"ฉันว่านายอย่าไปหวังมาก เขาเป็นคนประหลาดและของขวัญมักจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าจินตนาการของทุกคน ครั้งสุดท้ายที่เขานำฉันของขวัญมันเป็นหัวของลาขนาดใหญ่ที่สามารถวางบนหัวของฉันได้เลย เลือดมันยังไหลอยู่เลยด้วย " เขาหยุดนิ่งท่าทางของเขากลายเป็นน่าเกลียด "ฉันเกลียดลา."

 

"เจ้านายและคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีหรอ?"

 

"ถ้าเจ้านายตายในท่อระบายน้ำ โลกจะเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้มาก." หลังจากเซตันพูดเสร็จ เขาปิดหนังสือด้วยความโกรธเอาเงินออกจากลิ้นชักและออกไปดื่ม เขาไม่ได้สนใจที่จะปิดตู้เงิน

 

เย่วซิงมองไปที่แสงสีทองสะท้อนจากตู้ เขากลืนน้ำลายพยายามไม่มอง "เงินจำนวนมาก" เข้าได้แต่เงียบ

 

"อืม" คำเยาะเย้ยมาจากมุมๆหนึ่ง แต่เมื่อเย่วซิงหน้าขึ้นมองไป่ฉีก็ยังเงียบอยู่เช่นเดิม

 

เขาถอนหายใจ

 

ไป่ฉีนั่งยองที่มุมด้านหลังหน้าต่างบนเก้าอี้ที่เธอใช้เคาน์เตอร์เป็นเส้นแบ่ง เธอและเย่วซิงถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ราวกับว่าพวกเขามีข้อตกลงกัน พวกเขาไม่ได้คุยกันเลย

 

แสงแดดยามบ่ายเข้ามาบดบังด้วยนาฬิการุ่นปู่ขนาดใหญ่ทำให้ ไป่ฉีเสมือนนั่งอยู่ในที่มืด บางครั้งฝุ่นลอยอยู่ในอากาศตกไปอยู่ในมือของเธอ สะท้อนกับดวงตาที่เงียบสงบของเธอ ทำให้คนรู้สึกสงสารเธอ

 

มือเย่วซิงสัมผัสลูกบอลคริสตัลแล้วถอนหายใจ เขาก้มหัวลงอีกครั้ง

 

"ผมเราจะสงสารเธอ แต่ใครจะมาสงสารเรา?" เขาคิด.

 

-

 

สี่วันแล้วเป็นเวลาสี่วันห้าคืน สามอักษรรูนและพยางค์มาตรฐานทั้งหมดได้รับการจดจำอยู่ใหนหัว แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาฝึกซ้อมไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนครั้ง แต่มันไม่ได้สะท้อนกับตัวเขาแม้แต่ครั้งเดียว

 

เย่วซิงหมดหวัง บางทีเขาอาจถูกสาปแช่งโดยอากาศธาตุ?

 

แม้กระทั่งคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ความพยายามหลายหมื่นครั้งจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จได้อย่างน้อยหนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่เย่วซิงยังคงเป็นศูนย์เป็นศูนย์ที่หมดหวัง ไม่ว่าเขาจะพยายามท่องกี่ครั้งแล้วแต่ว่ารูนที่เขาฝึกอยู่ยังเป็นศูนย์

 

จากหนึ่งถึงสองเป็นเรื่องง่ายมากตราบเท่าที่มีความพยายามที่จะทำ แต่จากศูนย์ถึงหนึ่งล่ะ?

 

เย่วซิงเพียงแค่ไม่ทราบวิธี ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักแค่ไหนสิ่งที่ยังไม่เคยมีอยู่ก็ยังไม่เกิดขึ้น อาคารสูงถูกสร้างขึ้นจากพื้นดิน แล้วที่ดินของเขาล่ะ? เขาจ้องเขม็งไปที่ลูกอากาศธาตุในมือของเขาโดยไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร หัวใจของเขาค่อยๆเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

 

 

ในช่วงบ่ายแดด เย่วซิงได้แต่หาวเขารู้สึกง่วง เขาเคาะคอร์ดเสียงด้วยปลายนิ้วของเขา เขาถามตัวเองว่าทั้งหมดนี้คุ้มค่าหรือไม่ แหวนที่มัดด้วยสายเงินสะท้อนแสงดวงอาทิตย์กระพริบๆ

 

"นักดนตรีหรอ". เขาถอนหายใจเบา ๆ และหลับตารู้สึกถึงลมพัดมาจากที่ไกล ๆ

 

แต่อย่างรวดเร็วเขาตระหนักว่านี่คือร้านค้า ประตูปิดอยู่แล้วลมมาจากไหน? เขาไม่แน่ใจแต่เหมือนมีอะไรกำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเริ่มเงียบ

 

เขาลืมตาขึ้นและเห็นฝุ่นอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์โดนลมพัดไปเงียบ ๆ ดูเหมือนเป็นเวลาหลายพันปีในช่วงเวลาหนึ่ง กระจกเริ่มแตก เฟอร์นิเจอร์ไม้เริ่มผุพังลงอย่างรวดเร็วและมีรอยแตกกระจายไปตามผนัง แสงแดดที่เผาไหม้ ฉีกผ่านรอยแตกไปบนใบหน้าของเย่วซิง

 

เขารู้สึกหวาดกลัวและต้องการที่จะกระโดดออกไป แต่รู้สึกว่าร่างกายของเขาโดนยึดติดกับเก้าอี้ เขาไม่สามารถขยับได้ โลกที่คุ้นเคยจางหายไปจากเขาอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่คุ้นเคยและเสียงของฟิลหายไป เซตันก็ได้หายตัวไปเช่นเดียวกับไป่ฉี  เขาถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในบ้านหลังนี้

 

เขานั่งลงบนเก้าอี้มองทุกสิ่งทุกอย่าง วัชพืชงอกขึ้นจากรอยแตกของพื้นและเถาวัลย์ปีนขึ้นไปบนกำแพง ถนนที่วุ่นวายข้างนอกหายไปและถูกแทนที่ด้วยที่ดินว่างเปล่าและแห้งแล้ง ทั้งโลกเงียบสงบ เย่วซิงได้ยินเสียงฟ้าร้องรอบตัวเขาเท่านั้น ดวงจันทร์สีครามซึ่งเป็นตัวแทนของลางร้ายลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด