บทที่ 56: สังหารบิดาแห่งจักรพรรดิ
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 56: สังหารบิดาแห่งจักรพรรดิ
การปรุงแต่งยาอายุวัฒนะต้องใช้พลังงานมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นฉิงเฟิงซีจึงไม่ได้ปรุงมันเป็นปกติ แต่ในวันนี้เพื่อชดเชยการทำงานอย่างหนักของหวังฉีหวู่ เขาจึงต้องการใช้มันเพื่อเป็นรางวัลเท่านั้น และเป็นกรณีพิเศษอย่างยิ่งในเมื่อมันเป็นเรื่องของเจ้าอ้วน ถ้าหากเป็นศิษย์คนอื่นฉิงเฟิงซีคงไม่ใส่ใจที่จะทำเช่นนี้
“เอาล่ะ… เจ้าอย่าปฏิเสธข้าเลย ที่จริงข้าติดหนี้เจ้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเจ้าที่รับมือกิจการต่าง ๆ มากมายในวัดเสวียนเทียนแห่งนี้ จึงทำให้ข้าได้อยู่อาศัยโดยไร้สิ่งกวนใจ ให้ยาหม้อนี้เป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักมาตลอดหลายปีของเจ้าเถิด!” ฉิงเฟิงซีกล่าวเชิญชวน
เมื่อได้ยินว่าอาจารย์ของเขาจดจำการทำงานหนักที่ผ่านมาได้ หวังฉีหวู่ปรับอารมณ์พร้อมกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว “การแบ่งเบาภาระของท่านอาจารย์เป็นหน้าที่ของศิษย์อย่างข้าอยู่แล้ว ข้ามิอาจจะปรารถนาถึงรางวัลใด ๆ!”
“อา ช่างไร้สาระยิ่งนัก นี่คือรางวัลที่เจ้าสมควรจะได้รับ!” ฉิงเฟิงซีกล่าวเสริม “นอกจากนี้แม้ว่าศิษย์น้องของเจ้าจะทำถูกต้องตามศีลธรรม แต่ทว่ามันก็ยังสร้างปัญหาใหญ่อีกด้วย!”
“ขอรับ จริงอยู่ที่มันสร้างปัญหามากมาย!” ขณะที่หวังฉีหวู่ได้ยินเช่นนี้ เขากล่าวออกมาอย่างหดหู่ “เจ้าหน้าที่ของศาลบางคนในตอนนี้หวาดกลัวศิษย์น้องและบางคนไม่พอใจกับการกระทำของวัดเสวียนเทียน งานของวัดเสวียนเทียนที่จะจัดขึ้นไม่สามารถดำเนินการต่อได้! ท่านอาจารย์ แท้จริงแล้วสิ่งที่ศิษย์น้องกระทำในตอนนี้มันมากเกินไป แม้ว่าท่านจะชื่นชมเขา แต่ก็มิอาจมองข้ามในสิ่งที่เขากระทำลงไปได้ อย่างน้อยท่านก็ต้องยอมทำบางสิ่งบางอย่างเพื่ออธิบายต่อแคว้นหลานเย่ว์”
เจตนาของหวังฉีหวู่นั้นง่ายมาก นั่นคือการให้ลงโทษเจ้าอ้วนสถานเบาเพื่อรักษาหน้าตาของวัดเสวียนเทียน สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น
ฉิงเฟิงซีคิดอยู่เพียงครู่แล้วกล่าวออกมา “เอาล่ะ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ด้วยวิธีการที่เจ้าเสนอมา ข้าจะลงโทษน้องชายของเจ้าโดยการกักขังให้เขาฝึกตนให้เดินตามกฎแห่งสวรรค์และมิให้ออกจากภูเขาถ้าหากข้าไม่อนุญาต! เจ้าว่าทำเช่นนี้ดีหรือไม่?”
เมื่อหวีงฉีหวู่ได้ยินเช่นนั้น เขาเกือบจะตายตกไปเพราะความโกรธและคิดอยู่ในใจว่า ‘แม้แต่การลงโทษที่เบาที่สุดยังเพียงแค่ถูกกักขังอยู่ในภูเขา ไม่สามารถออกจากภูเขาได้งั้นหรือ? สวรรค์! รัศมีร้อยลี้รอบวัดเสวียนเทียนล้วนแต่เป็นภูเขาทั้งสิ้น พื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นการถูกจำกัดบริเวณงั้นหรือ? นอกจากนี้ศิษย์น้องผู้นี้ยังเป็นผู้ช่วยในการจัดการกิจการภายในวัดเสวียนเทียน แต่ตอนนี้เขากลับฝึกตนได้อย่างโจ่งแจ้งอยู่ในภูเขา นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ สวรรค์โปรด! บทลงโทษเช่นนี้คืออะไร? นี่มันคือรางวัลชัด ๆ! ราวกับว่าเราไม่ได้ขอร้องจากนิกายเพื่อให้ส่งคนมาช่วยเหลือ พระเจ้า! ความลำเอียงนี้คืออะไรกัน!’
แม้ว่าภายในใจของหวังฉีหวู่จะไม่พอใจอย่างมาก แต่ว่าฉิงเฟิงซียอมมอบยาอายุวัฒนะให้แก่เขา เขาจึงสามารถอดทนกับมันได้ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม จากนั้นเขากัดฟันและรับปากกับฉิงเฟิงซีว่าจะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ จากนั้นเขารีบกลับออกไป ประการแรกเขาต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ประการสองคือยิ่งเขาใช้เวลากับเจ้าอ้วนมากเท่าไหร่ ความโกรธยิ่งเพิ่มพูนมากเท่านั้น เขาเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้หากยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้
ขณะที่หวังฉีหวู่จากไป ฉิงเฟิงซีแสดงสีหน้าหดหู่ เขาขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่เจ้าอ้วน “ข้าขอกล่าวอะไรสักหน่อย หลานชายซ่ง! เจ้าอย่าสร้างความลำบากในอนาคตได้หรือไม่? อย่าไปฆ่าผู้คนของทางการ เจ้าช่วยเมตตาต่อวัดเสวียนเทียนได้หรือไม่?” ในประโยคสุดท้ายเขาแทบจะตะโกนออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาโมโหเจ้าอ้วนจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ลุงของเขาโกรธจัด เจ้าอ้วนรีบกล่าว “ขอรับ ขอรับ… ท่านอาจารย์ลุงอย่าได้กังวล ข้าจะอยู่บนภูเขาเพื่อฝึกตนและจะไม่ออกไปสร้างปัญหาที่ใด!”
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดของตนเอง ฉิงเฟิงซีก็ไม่ได้อยากตำหนิเขาไปมากกว่านี้ เจ้าหนุ่มนี่เป็นทายาทเพียงผู้เดียวของเพื่อนเก่าเขา ฉิงเฟิงซีหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวต่อ “ข้าหวังว่าเจ้าจะทำในสิ่งที่เจ้าพูดออกมา! เอาล่ะ ในตอนนี้เจ้าไปพักผ่อนได้ ข้าจะปรุงแต่งยาอายุวัฒนะให้ศิษย์พี่ของเจ้า! เฮ้อ ชาติภพก่อนอาจเป็นข้าไปติดหนี้เจ้าเอาไว้!”
หลังจากกล่าวจบ ฉิงเฟิงซีถอนหายใจพร้อมกับเดินออกไป
แม้ว่าเจ้าอ้วนจะรู้สึกผิดต่อฉิงเฟิงซีมาก แต่เขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ถ้าหากเขาพบเจอเรื่องเช่นนี้อีกในอนาคต เขาก็จะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ หนทางแห่งเต๋าที่เจ้าอ้วนเลือกเดินคือการสังหารอย่างเฉียบคม เขาจะทำในสิ่งที่เขาชอบและจะตอบคำถามสวรรค์และตนเองเท่านั้น สำหรับคนอื่นเป็นเพียงแค่การผายลมแล้วผ่านพ้นไป!
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ข้าจะสังหารเพียงคนที่ทำลายข้าเท่านั้น หากผู้ใดไม่พอใจก็จงตายตกไปให้พ้นเสีย!’
เจ็ดวันผ่านไปภายในพริบตาเดียว แม้ว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาคือเจ้าอ้วนสังหารราชครูและฉงตูคนสำคัญของแคว้นไปจนทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดใหญ่ตามมา แต่หลังจากหวังฉีหวู่ได้ทำงานอย่างหนักแต่ผลของมันก็ยังไม่น่าพอใจ แน่นอนว่าราชวงศ์หลานเย่ว์เลิกติดตามเรื่องนี้เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับวัดเสวียนเทียน ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่อาจจะกลุ้มใจ พวกเขาทำได้เพียงประท้วงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าวัดเสวียนเทียนแสดงบทลงโทษต่อเจ้าอ้วนคือการกักขังไว้ภายในบริเวณวัด บวกกับหวังฉีหวู่แจกจ่ายยาอายุวัฒนะระดับต่ำให้กับพวกเขา ในตอนสุดท้ายทุกอย่างจึงคลี่คลายลงไป
แน่นอนว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาดำเนินการอย่างยาวนาน แต่เป็นเพราะว่าหวังฉีหวู่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนของทางการ ถ้าหากเป็นผู้อื่นพวกเขาคงไม่อาจชำระเรื่องเหล่านี้ให้โดยง่ายดาย
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นในกรณีเช่นนี้ สำหรับหวังฉีหวู่ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เขานอนไม่หลับมาเป็นเวลาหลายคืนเพราะต้องเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ของทางการตลอดทุกคืนวัน การกระทำทั้งหมดนี้เพื่อยาหม้อนั้นของฉิงเฟิงซี กล่าวได้ว่าหวังฉีหวู่ได้ใช้ไพ่ทุกใบที่เขาถืออยู่ในมือจนหมดสิ้น!
ในวันนี้หวังฉีหวู่ตื่นอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดลาน เตรียมธูปและกรรไกร เพียงเพราะวันนี้จะมีแขกรับเชิญคนสำคัญ แขกผู้มีเกียรติท่านนี้คือบิดาแห่งจักรพรรดิ ในกรณีของราชครูและฉงตูถูกสังหาร เขาผู้นี้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างมาก แม้ว่าหวังฉีหวู่เคยมีสัมพันธ์กับเขามาก่อน แต่มันก็ไม่ดีหากเขาทำงานอย่างไร้ผลประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงเชิญบิดาแห่งจักรพรรดิมาเป็นแขกในการจัดงานการเผาธูปที่วัด
แน่นอน การเผาไหม้ธูปเทียนเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ในขณะเดียวกัน เขาสามารถได้รับปราณจิตวิญญาณเพื่อจัดการกับเส้นเอ็นของตน มันจะช่วยให้มนุษย์สามารถสร้างเกราะป้องกันตนเองได้ นั่นคือสิ่งที่บิดาแห่งจักรพรรดิสนใจ
เมื่อบิดาแห่งจักรพรรดิได้รับข่าวจากพี่น้องทั้งสามของเขา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องได้มาถึงเนินเขาแล้ว แท้จริงเกินเวลาที่กำหนดแล้ว เพราะพวกเขาอยู่ที่เนินเขาในตอนเช้าและทำการเดินขึ้นมาจากที่นั่น
แม้ว่าวัดเสวียนเทียนจะมีสถานะที่สูงส่ง แต่อีกฝ่ายเป็นถึงบิดาแห่งจักรพรรดิ ศักดิ์คือพ่อตาเพราะเป็นบิดาแห่งพระชายาขององค์จักรพรรดิ ไม่แปลกที่หวังฉีหวู่จะกังวลเป็นพิเศษและสั่งให้เตรียมการล่วงหน้าสองถึงสามวัน เพื่อที่จะเป็นเจ้าภาพให้กับแขกทั้งสี่ท่านนี้ เขาใช้กำลังคนทั้งหมดในวัดเสวียนเทียนเพื่อรองรับงานในครั้งนี้
เมื่อมองดูเวลาแล้ว นี่คือเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มงาน หวังฉีหวู่สวมเสื้อผ้าตามกฎระเบียบพร้อมที่จะดำเนินการต่อ แต่ในขณะนี้ศิษย์ของวัดที่ทำหน้าที่ไปต้อนรับแขกได้วิ่งกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ใบหน้าของหวังฉีหวู่แสดงความหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เขาคิดภายในใจ ‘พวกเขามิได้ไปรับแขกงั้นหรือ? ทำไมพวกเขากลับมาด้วยสารรูปเช่นนี้? อย่าบอกนะว่าเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นอีกแล้ว?’
เมื่อคิดเช่นนั้น หวังฉีหวู่รีบถามออกไปทันที “พวกเขาอยู่ที่ใด? ทำไมเจ้าจึงกลับมาเพียงผู้เดียว?”
“ศิษย์พี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! เมื่อข้าได้พาราชวงศ์ทั้งสามขึ้นมาบนภูเขา มีแสงสีทองซุ่มโจมตีเรา! บิดาแห่งจักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ! เขาและผู้ติดตามทั้งหมดล้วนแต่ตายอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งสี่สิบคนตายด้วยสภาพเดียวกัน!” นักบวชผู้นั้นกล่าวบอกเล่าเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง “โชคดีที่ข้าอยู่ห่างไกล มิเช่นนั้นคงตายตกไปตามกัน!”