ตอนที่ 34 ช่วยฉันที
ตอนที่ 34 ช่วยฉันที
หลังจากหลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังที่จะกลับมา เย่วซิงก็รู้สึกว่าอวาลอนเป็นสถานที่ที่บ้าบอสิ้นดี ครั้งแรกก็เจอปัญหาตั้งแต่ลงเรือมา ครั้งที่สองก็พบคนแก้ผ้าเต้นไปมากลางถนนตอนเวลากลางคืน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการทดสอบขีดจำกัดของเขาจริงๆ! ไม่ใช่ว่าเขาไม่กดดัน แต่ระดับความบ้าของฟิลสูงเกินไป! ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฟิลได้นำเงิน โคมไฟ ขวดที่ยังไม่ได้เปิดฝา ถ้วยทองแดงซึ่งเปื้อนสารที่ไม่รู้จัก แหวนเก่า หนังสือภาษาต่างประเทศ หม้อที่มีรูใส่เครื่องประดับที่อาจทำให้เกิดภาพหลอน เย่วซิงเพิ่งสันนิษฐานว่าฟิลคงมีหลากหลายสิ่งที่มันสนใจและมันต้องการเก็บเอาไว้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้มันได้นำมนุษย์เป็นๆมาหาเขา
ภายใต้แสงจันทร์สาดมายังตรอกเล็ก ๆ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบมากขึ้นกว่าปกติ
เย่วซิงจ้องมองที่หญิงสาวข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เด็กสาวเนื้อตัวสกปรกสวมชุดขาดรุ่งริ่ง สีเดิมดูเหมือนจะเป็นสีขาว สายสะพายชุดกำลังฉีกขาดและชุดดูราวกับมาจากกองขยะ
แผลเป็นใหญ่และแผลใหม่ปกคลุมใบหน้าของเธอราวกับว่าเธอถูกทำร้ายมา ขาของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล ราวกับว่าเธอถูกไล่ล่าและวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อเย่วซิงกำลังมองไปที่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา ดวงตาของเธอสั่น แต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขัดขืน แสงจันทร์ส่องมายังพวกเขาเกิดเป็นแสงสีเงิน
"ว่าไงพี่น้อง" เย่วซิงเหลือบมองเด็กที่เพิ่งพบและยิ้มว่า "ไม่เจอกันนาน"
หญิงสาวจ้องมองที่เขาและเปิดปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรเธอปิดมันแน่น
"เด็กคนนั้นหายตัวไปไหน!"
"ฉันเห็นเธอวิ่งไปที่นี่!"
มีคนเคาะแท่งโลหะในมือ "เธอยังหนีไปได้ไม่ไกล!" เสียงโห่ร้องระทึกขวัญดังมาจากที่ไกลๆ พวกเขากำลังวิ่งและค้นหา มีคนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งอยู่ด้านนอก แต่ที่นี่ยังปลอดภัยอยู่
ฟิลจ้องไปที่เย่วซิงพยายามบอกให้เขารีบตัดสินใจ
เย่วซิงเข้าใจในที่สุด เมื่อเขามองเด็กสาว เขามีความรู้สึกแปลก "เธอชื่ออะไร?"
ภายใต้การจ้องมองของเขาเด็กผู้หญิงเคี้ยวริมฝีปาก เธอปฏิเสธที่จะพูด ในขณะที่เย่วซิงกำลังจะยอมแพ้เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ว่า "... ไป่ฉี"
"ฉันชื่อ เย่วซิงหยวน" เขายื่นมือไป "มากับฉัน" เย่วซิงจับข้อมือของเธอ มันอ่อนแอและอ่อนนุ่ม เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ขัดขืน แต่ความรู้สึกกลัวของเธอยังคงอยู่
"ยังไงเธอก็ยังเป็นเด็กอยู่" เย่วซิงคิด
"ฉันเห็นเด็กผมขาวเหมือนคุณ เธอเป็นญาติห่าง ๆ กับคุณหรอ?" เซตันถามในวันรุ่งขึ้นเขามองอย่างเย็นชา "เธอกำลังจะเดินทางขอให้เธอพักที่นี่สักสองสามวัน?"
“อ่า, ขออภัย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม ...”
"เธออยู่ที่ไหน?" เซตันขัดจังหวะ
ความกดดันกดทับลงบนเย่วซิง หลังจากที่ตะกุกตะกักในที่สุดเขาก็โบกมือให้ฟิล ฟิลก็เดินไปที่มุม เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ปรากฏออกมา
เธอไม่สกปรกอีกแล้ว เธออาบน้ำและล้างบาดแผลของเธอ เธอสวมเสื้อเผ้าก่าของเย่วซิง แขนและกางเกงหลวมมากมันเธอดูตัวเล็กลง ผมสีขาวของเธอถูกซ่อนไว้ในหมวก ศีรษะของเธอลดลงเธอดูเหมือนกับมาจากครอบครัวที่ยากจนของเย่วซิง เธอนิ่งเงียบภายใต้การตรวจสอบของเซตัน
เธอดูเหมือนเด็กที่เชื่อฟังและสุภาพเรียบร้อย เธอดูน่าสงสาร มือของเย่วซิงได้รับบาดเจ็บเพราะเธอขัดขืนเขาตอนทำแผลเมื่อคืน
สายตาของเธอหดลง เพราะถูกสายตาจากเซตันจ้องมองราวกับว่ากำลังให้เธอสารภาพความผิดในเวลานี้ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอดูน่ารัก แต่บุคลิกของเธอก็ไม่ค่อยเป็นที่น่าพึงพอใจ ถ้าเธอคิดจะทำอะไรออกไป เซตันคงส่งเธอเข้าโรงพยาบาลก่อนที่เธอจะพูดได้ครบสามคำ
เซตันเงียบเช่นเดียวกับที่เขาพยายามทำความเข้าใจกับตัวเธอ ลึกลงไปในความคิดของเขา ข้างๆเขา เย่วซิงรีบเช็ดเหงื่อและรอการตัดสินใจ
หลังจากผ่านไปนานเซตันก็กล่าวว่า "เธอยังดูเด็กมาก เมื่อฉันมองไปที่เธอ"
"ฮะ?" เย่วซิง งงงวยเล็กน้อย เขาคิดว่าเธอจะถูกไล่ออกไป
"เช่นเดียวกับแกเธอจะได้รับอาหาร แต่ไม่มีเงินให้และถ้าเธอไม่ทำงานก็ออกไป" เสียงของเซตันไม่มีความอบอุ่นเลย "เด็กน้อยที่นี่ไม่ใช่ที่สถานเลี้ยงเด็ก ดังนั้นจำไว้นี่จะต้องเป็นครั้งสุดท้าย"
"ครับ เข้าใจแล้วครับ! เย่วซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเช็ดเหงื่อของเขา และกล่าวคำสรรเสริญเซตัน" เซอร์เธอเป็นคนใจดีและฉลาด คุณดูยิ่งใหญ่มากเมื่ออยู่ใน Avalon โลกจะเห็นความเมตตาของคุณ สักวันหนึ่งแองโกลจะต้องตกเป็นของคุณ! "เขายังคงพูดต่อไปจนกว่า เซตันจะพึงพอใจ
สุดท้ายเซตันกล่าวว่า "เธอไม่ใช่พี่น้องของแกใช่มั้ย?"
เย่วซิงตกตะลึง
"ฉันเห็นฟิลพาเธอกลับมาเมื่อวานนี้" เมื่อเซตันหันหน้าออกไปเขาก็ปล่อยให้คำพูดสุดท้ายออกมาอย่างเฉยเมย "ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกอันธพาลกำลังมองหาเธอ แต่มันจะไม่เป็นไร"
หัวใจของเย่วซิงเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เขาจะตอบสนอง เสียงของเซตันก็ลอยมาหาเขาว่า "ถ้าเธอตายในร้าน มันจะเป็นงานที่น่าเบื่อที่จะเก็บชิ้นส่วนร่างกายของเธอ"
เย่วซิงแน่ใจได้ว่าการพูดเมื่อครู่คือประโยคจากใจของเขา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาถอนหายใจและเหลือบมองไปที่ไป่ฉี เธอกำลังนอนเหยียดตัวที่เคาน์เตอร์และเฝ้าดูนาฬิกาอย่างกระตือรือร้น ตอนนี้เธอดูราวกับเด็กนิ่งเงียบสงบ
แต่เย่วซิงสังเกตุเห็นตอนเธอกำลังล้วงไปในเคาน์เตอร์ ...
เย่วซิงตบมือของเธอ "ห้ามขโมย"
"โอ้ว ฉันอยากรู้ความตั้งใจของนาย" ไป่ฉีหันมามองเขา "นายและชายผิวดำตัวใหญ่ต้องการขายฉันใช่มั้ย?" ขณะที่เธอพูดคำว่า "ชายผิวดำตัวใหญ่" เธอเหลือบไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวายเพราะกลัวว่าเซตันจะได้ยิน
เมื่อเธอคิดแบบนั้นเย่วซิงได้แต่ถอนหายใจ "ดูตัวเองหน่อยสิ ทั้งผิวและกระดูกของเธอ แม้ว่าเราต้องการที่จะขาย แต่ใครจะไปซื้อเธอ?"
"ฉันไม่รู้ แต่มันก็ต้องมี!" การแสดงออกของไป่ฉีพยายามปกป้องตัวเอง
"เฮ้ เธอเป็นคนไม่ดีสินะ!" เย่วซิงคิด. "ถ้าเธอขโมยของเธอต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ ที่ผมทำเพราะอยากช่วยเธอ เพราะถ้าเซตันรู้เธอได้ไปนอนโรงพยาบาลแน่!"
ไม่ว่าด้วยเหตุใดเธอเป็นเด็กที่ดื้อด้าน คืนนี้เธอก็เหมือนเดิม ไม่ว่าเย่วซิงจะพูดอะไรกับเธอ หรือพยายามจะให้เธออาบน้ำและเปลี่ยนผ้าพันแผลมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอยังคงคิดว่าเย่วซิงจะแอบมองเข้าไป เย่วซิงช่วยเธอล็อคประตูห้องใต้หลังคาได้จากด้านใน ถอดบันไดออกและนอนบนพื้นหลังเคาน์เตอร์ของร้านค้า
เขาได้ยินทุกเสียงจากชั้นบนและนอนไม่หลับตลอดคืน เขารู้ว่าเธอต้องการหนี แต่เธอไม่มีที่จะไป
ในที่สุดเธอก็หลับไปเมื่อรุ่งสาง แต่ไม่ใช่บนเตียง เธอโค้งงออยู่ในมุมกับฟิล เธอค่อนข้างจะเชื่อใจว่าฟิลจะไม่ทำร้ายเธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่วซิงรู้สึกแย่มาก "เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอกลายเป็นแบบนี้?" เขาไม่สามารถจินตนาการอะไรได้ เขารู้ว่ามันยากที่จะหาบ้านที่สามารถทนต่อบุคลิกแปลก ๆ ของไป่ฉีได้ อย่างน้อยเธอก็เป็นที่น่ารำคาญกับเย่วซิง
"เฮ้!" ไป่ฉีนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์จ้องไปที่เย่วซิงขณะที่เธอเคี้ยวขนมปัง
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ "เรียกฉันทำไม“เย่วซิงรู้สึกปวดหัวมาก ไป่ฉีกล่าวต่อ”ฉันได้ยินว่าเซตันต้องการให้นายไปช่วย“แม้เซตันไม่ได้พูดมาก แต่เขาเป็นคนดี”ฉันต้องออกไปรับของบางวัน ดังนั้นอยู่ที่นี่และทำงานให้ดี" หลังจากหยุดพักชั่วคราวเขาบอกกับเธอว่า "และห้ามขโมยของ"
ไป่ฉีโกรธเหมือนแมวที่กำลังโค้งหลังของมัน แต่เธอไม่ได้พูดอะไรและเพิ่งเอาความโกรธของเธอไปลงกับขนมปัง อารมณ์ของเธอไม่หายไปจนกว่าเธอจะทานอาหารเช้าของเย่วซิงจนหมด แต่เธอก็ยังคงจ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ
"มีอะไรผิดปกติหรอ?" เย่วซิงไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการที่เธอจ้องมองเขาอย่างนั้น
ไป่ฉีเคี้ยวริมฝีปากของเธอราวกับจะพูดหรือไม่พูดี ในที่สุดเธอก็ถามด้วยเสียงไม่เต็มใจว่า "ทำไมคุณถึงช่วยฉัน?"
"เธอไม่ต้องการให้ฉันช่วยเธอหรอ"
"อย่าล้อเล่น ฉันไม่เคยขอร้องคุณแม้ว่าฉันจะต้องการมัน!"ไป่ฉีกำลังโกรธอย่างมาก เธอจ้องมองเขาและกัดฟัน "ไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้น นับตั้งแต่ที่ฉันได้พบคุณ มีคนไล่ล่าฉันทุกวัน แม้แต่เงินของฉันก็หายไป ฉันก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ!" เธอตะโกน "มันทำให้คุณภูมิใจที่ได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขอบคุณหรอ คุณคิดว่าฉันจะขอบคุณที่คุณช่วยฉันไว้หรือ? คุณแค่อยากรู้สึกภาคภูมิใจใช่มั้ย คุณชอบสนุกกับเด็กผู้หญิงใช่ไหม อยากให้ขอบคุณหรอ ฉันขอบอกคุณไว้เลย . ไม่มีทาง!"
เย่วซิงรู้สึกแย่ ไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอจะคิดแบบนี้
"ผมไม่เคยต้องการให้เธอขอบคุณผมจริง ๆนะ " มีเพียงคำพูดเล็กน้อยที่น่าอึดอัดใจ ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือถอนหายใจ "เธอรู้ไหมว่าเมื่อผมอยู่ที่จุดตกต่ำที่สุด มีใครบางคนช่วยผม เขาให้อาหารผม ให้ผมอาบน้ำและให้ผมอยู่ในเมืองเล็ก ๆ จนบัดนี้เขายังสอนผมว่าจะต้องทำอย่างไรให้มีชีวิตอยู่" เขาคิดถึงคำพูดของหลวงพ่อและหัวเราะด้วยความคิดถึง "เขาบอกผมว่าภาษาของมนุษย์ไม่ได้ดูเพียงแค่คำพูด บางคำสามารถมองเห็นได้ผ่านสายตาของใครบางคน"
ไป่ฉีกัดริมฝีปากของเธอ เธอจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยวโดยไม่พูดเหมือนกำลังพยายามที่จะมองผ่านเขาไป
"เขาบอกผมว่าเมื่อเขาเห็นผมครั้งแรก ผมยืนอยู่ในโคลน ผมโกรธโลกใบนี้และดวงตาของผมดูดุร้ายและบางทีผมคิดว่าคงเป็นเหมือนเธอในตอนนี้ใช่มั้ย?" เขาได้มองไปที่ดวงตาของเธอ เขาเห็นความกลัวและความเจ็บปวดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ความโกรธความเย็นชาและความเกลียดชัง "และดวงตาคู่นั้นกำลังพูดว่า 'ช่วยฉันที ... '"