ตอนที่แล้วบทที่ 95 ร่วมหุ้นส่วนกับฟู่กวางเจิ้ง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 97 นักธุรกิจชาวฮ่องกง (ตอนที่ 2) (อ่านฟรี)

บทที่ 96 นักธุรกิจชาวฮ่องกง (ตอน 1) (อ่านฟรี)


 

 

หลังจากที่ฟู่กวางเจิ้งกลับออกจากบริษัทการค้าไท่หัวไปแล้ว เขาก็ตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์เพื่อโทรศัพท์ไปหาที่บ้าน เขาอยากปรึกษาพ่อของเขามาก แม้ว่าพ่อของเขารู้สึกไม่ค่อยชอบเขามากนัก แต่ถ้าเป็นเรื่อวธุรกิจแล้วละก็ พ่อของเขามักเป็นคนคอยชี้แนะเสมอ

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากฟู่กวางเจิ้ง ฟู่หยงจิ้นรู้สึกโล่งใจ แม้ว่าเขาจะปฏิบัติกับลูกชายคนโตดีกว่า แต่ฟู่กวางเจิ้งก็เป็นลูกชายของเขาเหมือนกัน แล้วเขาจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?

ฟู่กวางเจิ้งไมได้เดินตามเส้นทางที่ฟู่หยงจิ้นได้วางแผนเอาไว้ให้ เขาสอนให้ฟู่กวางเจิ้งรู้จักเรื่องการลงทุน แต่เขากลับไม่สนใจ เขากลับชอบทำธุรกิจโบราณวัตถุและในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาต้องเสียเงินไปมาก

โชคดีที่ฟู่กวางเจิ้งได้เรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา และอย่างน้อยตอนนี้เขาก็สามารถทำธุรกิจไม่ให้ขาดทุนได้ อย่างไรก็ตาม ฟู่หยงจิ้นฏ็ยังรู้สึกว่าธุรกิจโบราณวัตถุมีความเสี่ยงมากเกินไป แต่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาฟู่กวางเจิ้งเริ่มทำธุรกิจรถหรูมือสองจากประเทศอังกฤษ และก็ได้ผลกำไรงามด้วย

ธุรกิจนี้ทำให้ฟู่หยงจิ้นรู้สึกสนใจมาก ถ้าลูกชายเขารู้จักคนที่มีความสามารถในประเทศจีน ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลฟู่

ฟู่หยงจิ้นไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทเครื่องจักรแห่งเมืองปิงมาก่อน แต่ถ้ามันเป็นไปอย่างที่ลูกชายเขาบอก โรงงานนี้กำลังใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากสหภาพโซเวียตและมีผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพโซเวียตอยู่ที่นั่น ถ้างั้นก็คุ้มที่จะลงทุน

แต่สิ่งที่ทำให้ฟู่หยงจิ้นรู้สึกดีก็คือการที่ฟู่กวางเจิ้งได้รู้จักกับเฝิงหยู เด็กวัยรุ่นที่ยังต้องไปเรียนโรงเรียนมัธยมแต่กลับมีความสามารถมากมายถึงขนาดสามารถทำธุรกิจระหว่างประเทศจีนและสหภาพโซเวียตได้ แถมยังมีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดอีกด้วย ซึ่งแม้แต่รัฐบาลจีนเองยังทำไม่ได้เลย แสดงว่าต้องมีคนที่มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังเขาแน่ๆ

ฟู่หยงจิ้นรู้สึกว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฝิงหยูมีค่ามากกว่าการปล่อยให้ลูกชายของเขาไปสร้างผลกำไรตอนนี้เสียอีก เขาดีใจที่ลูกชายเขามีเพื่อนที่มีความสามารถเช่นนี้ เขาตัดสินใจที่จะให้เงินลูกชายของเขาไปร่วมลงทุนด้วยเป็นมูลค่า 3 ล้านรูเบิล

เมื่อเขาได้ยินว่าพ่อจะให้เงินเขาไปลงทุนและไม่ต้องระดมทุนจากเพื่อนของเขาอีกต่อไป ฟู่กวางเจิ้งก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แบบนี้ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฝิงหยูได้ แต่เขายังได้เงินลงทุนที่มั่นคงด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเขายังมีเงินเก็บของตัวเองเหลืออยู่ ทำให้เขาสามารถดำเนินธุรกิจโบราณวัตถุต่อไปได้ด้วย

......……

หลี่หมิงเต๋อรูสึกปวดหัวมาสองสามวันแล้ว เครื่องจักรที่เฝิงหยูขายให้กับโรงงานนั้นดีเยี่ยมมากและล้ำสมัยมากกว่าเครื่องจักรที่พวกเขามีอยู่ นอกจากนี้ พวกเขายังทำการวิจัยข้อมูลเทคโนโลยี และเทคโนโลยีพวกนี้ล้ำหน้ากว่าของจีนอย่างน้อย 10 ปีจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพโซเวียตช่วยเหลือพวกเขาในการติดตั้งและสอบเทียบเครื่องจักร และยังช่วยปรับแก้ไขเครื่องจักรเก่าของพวกเขาด้วย

แต่กระบวนการปรับโครงสร้างใหม่นี้ทำให้เขากลายเป็นแพะรับบาป!

ตอนแรก เขาบอกให้ผู้นำของรัฐบาลเมืองขึ้นราคาสินทรัพย์คงที่และอัดฉีดเงินทุนจำนวนมากเพื่อลดสัดส่วนหุ้นของเฝิงซิ่งไท่ หลังจากการปรับโครงสร้าง รัฐบาลเมืองจะได้รับเงินคืน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนโรงงานเป็นบริษัทเอกชน เขาก็ยังคงเป็นผู้จัดการทั่วไปอยู่ดี คงจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการถ่ายโอนเงินทุนออกไป

แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเฝิงหยูจะพาเจ้าหน้าที่การเงินมา แถมยังเพิ่มเงื่อนไขลงไปในสัญญาว่าเรื่องการเงินใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากจะต้องได้รับการอนุมัติจากเฝิงซิ่งไท่หรือตัวแทนที่มีอำนาจของเฝิงซิ่งไท่ ถ้าเขาสามารถโอนเงินไม่กี่พันหยวนได้ในแต่ละครั้ง แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าเขาจะถอนเงินทุนที่อัดฉีดโดยรัฐบาลออกไปได้หมดละ? ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาตรวจดูบัญชีก็จะสังเกตเห็นความแตกต่างนี้ได้โดยง่าย ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เขามีปัญหาแน่นอน

ตอนนี้ รัฐบาลเมืองกำลังจี้ให้เขาคืนเงินทุน และหลี่หมิงเต๋อก็ไปร้องขอความช่วยเหลือจากจางรุ่ยเฉียง แต่จางรุ่ยเฉียงบอกให้เขาคิดหาทางออกด้วยตัวเอง ทั้งที่ในตอนแรกจางรุ่ยเฉียงเป็นคนบอกใบ้ความคิดให้เขาทำแบบนี้เอง

จางรุ่ยเฉียงเองก็ไม่คิดว่าเฝิงหยูจะฉลาดหลักแหลมขนาดนี้ ตอนแรกก็แค่คิดว่าพวกเขาอาจจะมีลูกเล่นบางอย่าง ตอนนี้เขามีปัญหาเช่นกัน เขาสัญญากับนายกเทศมนตรีว่าเมืองจะต้องได้รับเงินทุนที่อัดฉีดให้แก่โรงงานคืนมา เขาคิดว่าเขาจะสามารถถอนเงินทุนออกมาได้หลังจากนั้นหนึ่งเดือนในช่วงระหว่างการปันผลสิ้นปี แต่ตอนนี้ รัฐบาลเมืองต้องการใช้เงินจำนวนนี้อย่างเร่งด่วน และไม่สามารถรอถึงสองสัปดาห์ได้อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนเลย!

จางรุ่ยเฉียงกำลังคิดหาทางออกอยู่ ทันใดนั้นหลี่หมิงเต๋อก็กลับมาที่สำนักงานอีกแล้ว

“คุณหลี่ มีเรื่องอะไรอีกหรือ?” จางรุ่ยเฉียงถามอย่างไม่สบายใจ เขากำลังช่วยคิดหาทางออกให้อยู่ ถึงหลี่หมิงเต๋อจะมาหาเขาบ่อยๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการนอกเหนือจากเรื่องโรงงานเครื่องจักร

“นายกเทศมนตรีจางครับ ผมเพิ่งรู้ข่าวว่าจะมีนักธุรกิจชาวฮ่องกงคนหนึ่งมาลงทุนในโรงงานของเรา คุณคิดว่าเราควรขายหุ้นของเราบางส่วนให้เขาดีมั้ยครับ? วิธีนี้เราก็จะสามารถคืนเงิน 20 ล้านหยวนให้รัฐบาลเมืองได้”

“นักธุรกิจชาวฮ่องกงหรอ? เขามีความมั่นคงทางการเงินหรือ? แล้วเขาต้องการลงทุนเท่าไรละ?” จางรุ่ยเฉียงถามด้วยความปิติ ตอนนี้ประเทศจีนอยากดึงดูดการลงทุนจากฮ่องกงเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยตามมาด้วยเงินทุนจากประเทศอื่นๆ เมืองปิงยังไม่เคยได้รับการลงทุนจากฮ่องกงมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

หลี่หมิงเต๋อตอบกลับด้วยความละอาย “เอิ่ม...ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ นักธุรกิจคนนั้นจะมาเยี่ยมชมโรงงานเครื่องจักรในช่วงบ่าย ผมน่าจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการเยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้”

“โอเค ถ้างั้นคุณมัวรออะไรอยู่ละ? กลับไปที่โรงงานแล้วรีบไปเตรียมตัวสิ คุณต้องทำให้เขามาลงทุนกับเราให้ได้”

หลี่หมิงเต๋อออกจากสำนักงานของจางรุ่ยเฉียง จางรุ่ยเฉียงรีบไปที่สำนักงานของนายกเทศมนตรีทันทีเพื่อรายงานเรื่องนี้ นี่ถือเป็นข่าวดี แต่ถ้าเขาตัดสินใจเองและอ้างเอาความดีเข้าตัว อาจจะกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

...... ……

“คุณเฝิง คุณไม่ไปกับผมหรอ? คุณก็ถือหุ้นในบริษัทนี้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่หรือ?” ฟู่กวางเจิ้งนั่งอยู่ตรงหน้าเฝิงหยูด้วยสีหน้าที่งุนงง

เฝิงหยูยิ้มอย่างมีเลศนัย และพูดว่า “ผมจะไม่ไปกับคุณ และจะยิ่งดีไปกว่านั้นถ้าคุณไม่พูดถึงผมเลย ที่สำคัญที่สุดคืออย่าบอกพวกเขาว่าผมเป็นคนชวนคุณให้มาลงทุนที่โรงงานนี้ ไม่งั้น คุณจะไม่สามารถร่วมลงทุนได้”

“ทำไมละครับ?”

เฝิงหยูชี้ไปที่หัวของเขาและพูดว่า “เพราะความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน คนพวกนั้นคอยระวังและจับตาดูผมอยู่ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในฮ่องกง ผมจะสามารถร่วมงานกับพวกเขาได้หรือไม่? ผมจะหาวิธียึดอำนาจจากพวกเขาเพราะผมเป็นคนเดียวที่จัดหาทั้งเครื่องจักรและเทคโนโลยี แต่เอาเถอะ ยังไงเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นในประเทศจีน และผมยังต้องร่วมงานกับพวกนั้นอีกสักพัก ไม่งั้นจะต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมายภายหลัง”

ฟู่กวางเจิ้งขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แม้ว่าเราจะรวมหุ้นของเราสองคนเข้าด้วยกัน ก็ยังน้อยกว่า 50% อยู่ดี พวกนั้นก็ยังคงมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในบริษัท...”

“ไม่ต้องห่วงครับ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อกำไรของเรา จะมีการใช้นโยบายของประเทศจีนฉบับใหม่ภายในสองสามปีข้างหน้า และถึงเวลานั้นจะเป็นโอกาสของเรา ถ้าคุณรู้สึกเสียใจภายหลัง ก็สามารถปล่อยโอกาสการลงทุนนี้ให้หลุดลอยไปได้นะ”

ฟู่กวางเจิ้งนึกถึงคำพูดของพ่อเขา เขามองหน้าเฝิงหยู “ไม่ครับ ตั้งแต่ที่คุณบอกว่าโรงงานนี้คุ้มค่าต่อการลงทุน ผมก็เชื่อใจคุณแล้ว อันที่จริงการเยี่ยมชมโรงงานในช่วงบ่ายนี้ก็แค่ทำไปเป็นพิธีเท่านั้น ยังไงผมก็ลงทุนในโรงงานนี้แน่นอน!”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฟู่กวางเจิ้งก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว เพราะเงินทุนที่ได้มาก็เป็นของพ่อเขา เพียงแต่ใช้ชื่อเขาเท่านั้นเอง แม้ว่าการลงทุนจะล้มเหลว เขาก็ยังมีสินทรัพย์มูลค่าเกือบ 20 ล้านหยวน ถ้าสถานการณ์แย่มาก ก็แค่ขายหุ้นของเขาทิ้งไป ถ้ามีเงินจำนวนนี้ เขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้รับซื้อขายโบราณวัตถุชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว

เฝิงหยูพยักหน้า เนื่องจากฟู่กวางเจิ้งไว้ใจเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาอาจจะต้องหาเงินร่วมกันต่อไปในอนาคต

“ผมให้สัญญาคุณได้เลยว่าคุณจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอนกับการลงทุนครั้งนี้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด