ตอนที่43 โค้ชซู
ไต้หลี่ยืนอยู่ข้างๆอย่างทำตัวไม่ถูก ท่าทางของการออกกำลังกายลดน้ำหนักมันดันไปเหมือนท่ากายบริหารแอโรบิคที่เด็กนักเรียนใช้ออกกำลังกายในโรงเรียน ก็ไม่แปลกเลยที่หลี่จะโดดโค้ชซูคิดว่ากำลังเต้นแอโรบิค หลี่ไม่ได้อธิบายอะไรเพราะคิดว่ามันคงไม่ช่วย มีแค่คนที่ฝึกกับเขาเท่านั้นที่รู้ว่าผลมันเป็นยังไง
แต่ถึงอย่างงั้นมันระแคะระคายหยูเฟ่ยเฟ่ยพอสมควร เพราะการออกกำลังกายนี้มันช่วยให้เธอลดน้ำหนักได้ตั้งหลายกิโลในเวลาอันสั้น เธอไม่ข้องใจอะไรในการออกกำลังกาย หรือแม้แต่หลี่ไต้เอง เธอเปิด “โค้ชซูคะ นี้ไม่ใช่ท่ากายบริหารนะคะ แต่เป็นการออกกำลังกายลดน้ำหนัก”
“ออกกำลังกายลดน้ำหนักเหรอ” โค้ชซูขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “ไปเรียนมาจากไหนละ”
“โค้ชหลี่สอนฉันมาคะ” เธอชี้ไปที่หลี่แล้วพูดต่อ “ขอโทษด้วยคะ ฉันลืมแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน นี้คือโค้ชหลี่ จากมหาลัยกีฬาเขต เขาเป็นคนช่วยฝึกฉันตลอดหลายวันนี้”
เธอหันกลับมาหาหลี่ไต้หลังจากพูดจบ “โค้ชหลี่นี้คือโค้ชซู จากทีมว่ายน้ำเขตนี้ เขาเป็นโค้ชที่ฉันนับถือ”
“ผมได้ยินชื่อโค้ชซูมานานแล้วครับ ยินดีที่ได้พบนะครับ” หลี่ยื่นมือของเขาออกไปทันที
หลี่ได้ยินชื่อของเขาจากหยูเฟ่ยเฟ่ยหลายครั้ง ชื่อของเขาคือ ซู ฮงหยี เป็นนักว่ายน้ำเก่า เขาเป็นโค้ชหลังจากที่เขาเกษียรแล้ว และภรรยาของเขาก็เป็นโค้ชว่ายน้ำที่มีชื่อเสียง หยูเฟ่ยเฟ่ยเริ่มว่ายน้ำตั้งแต่อายุ6ขวบ คุณซูและภรรยาของเขาต่างก็ทำงานที่โรงเรียนกีฬาในตอนนี้ หยูเลยได้กลายมาเป็นนักเรียนของซูฮงหยี และเขาเองก็ดูแลเธอเหมือนลูกเขาเอง หลังจากนั้น หยูก็ได้เข้ามาอยู่ในทีมเขต แล้วคู่ก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นโค้ชสอนว่ายน้ำในทีมว่ายน้ำเขต พวกเขาก็สอนเธอต่อจนกระทั้งหยูเข้าทีมชาติ และซูฮงหยี ก็ได้เป็นโค้ชหลักของทีมว่ายน้ำเขต เพราะว่าเขาสอนให้กับแชมป์โลกอย่างหยูเฟ่ยเฟ่ย เขาคือ1ในคนที่เก่งที่สุดในทีมกีฬาเขต
หลายวันก่อน ตอนที่หยูเฟ่ยเฟ่ยกลับไปที่ทีมเขต คุณและคุณนายซู พานักกีฬาจำนวนหนึ่งไปฝึกทางตอนเหนือ เขากลับมาถึงเมืองเฉิงตูตอนเช้านี้ แล้วสิ่งแรกที่เขาทำ คือกลับมาหานักเรียนตัวเก่งของเขา หยูเฟ่ยเฟ่ย แต่เขาดันพบเธอในสภาพตอนกำลังฝึกท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักด้วย
จนถึงตอนนี้มือของหลี่ก็ยังคงค้างเก้ออยู่บนอากาศ ซู ฮงหยีไม่ได้แสดงความมีมารยาทแต่อย่างใด เขาบ่น “การออกกำลังกายบ้าอะไรกัน นี้มันห้องฝึกนะ ไม่ใช่โรงยิม”
ในฐานะโค้ชมืออาชีพที่ทำงานมามากกว่า10ปี เขาไม่มีทางเชื่ออะไรแบบการออกกำลังกายลดน้ำหนักแน่นอน สำหรับโค้ชซู มันอาจจะได้ผลสำหรับคนธรรมดา แต่ไม่ใช่กับนักกีฬา มันเป็นการเสียเวลาชัดๆ
การทำงานของการออกกำลังกายลดน้ำหนักนั้นคือการเผาผลาญพลังงาน ไม่ว่าจะใช้พลังงานระหว่างการออกกำลังกายนี้ไปเท่าไร แต่มันก็ยังคงเทียบไม่ได้กับการฝึกอย่างเข้มข้นของนักกีฬาได้ สำหรับซู ท่าออกกำลังกายดูยังไงมันก็คือท่ากายบริหารของเด็กประถมหรือเด็กม.ต้น เขารู้สึกว่าไอ้การออกกำลังกายแบบนี้ไม่ทำให้เหงือออกด้วยซ้ำ
หลี่รู้สึกถึงความปองร้าย ซูหยุดเขาไว้ตอนที่เขากำลังจะอธิบาย ซูมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดมาก “โค้ชหลี่ คุณยังดูเด็กอยู่เลย คุณมาเป็นโค้ชอย่างเป็นทางการของที่นี้ได้ยังไง?”
“ตอนนี้ผมเป็นแค่โค้ชผู้ช่วยครับ” หลี่อธิบายทันที
“โค้ชผู้ช่วยเหรอ” ซูเปลี่ยนอารมณ์ทันที และดูเหมือนเขาจะพยายามจะข่มอารมณ์โกรธตัวเองไว้ เขาตะคอก”คุณเป็นแค่โค้ชผู้ช่วย กล้าดียังไงมาฝึกให้หยู เฟ่ยเฟ่ย คุณไม่รู้หรอว่าเธอเป็นถึงแชมป์โอลิมปิก เป็นคนที่ถือสถิติโลกอยู่ด้วย กล้าดียังไงมาสอนท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักให้หยู หะ! คุณคิดว่าที่นี้เป็นโรงยิมเด็กเล่นเหรอ คุณเห็นที่นี้เป็นอะไรหน่ะ มหาลัยนี้มันเป็นยังไงหน่ะหะ ทำไมพวกเขาถึงกล้าทำผิดพลาดขนาดส่งโค้ชผู้ช่วยมาฝึกเธอเนี่ย ผมไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่
“มันไม่ใช่อย่างงันครับ โค้ชซู ช่วยฟังผมอธิบ..”เขาถูกขัดกลางประโยคโดยซู
“อธิบายเหรอ? ผมซิต้องการคำอธิบายจากหัวหน้าของคุณ ในโรงเรียนคุณสอนเหรอว่าโค้ชผู้ช่วยมีคุณสมบัติมากพอจะไปฝึกให้แชมป์โลกหน่ะ? งั้นหมายความว่าผู้ช่วยในมหาลัยนี้มันดีกว่าโค้ชทีมชาติว่างั้นซิ มหาลัยต้องให้คำอธิบายกับฉันเอง!”ซูพูดจริงจัง
ในมุมมองของเขา เขาไม่อาจยอมให้โค้ชผู้ช่วยมาคุมการฝึกหยูบ้าง เพราะว่าเธอเป็นถึงแชมป์โลก เธอควรที่จะได้โค้ชที่ดีที่สุดในประเทศมาฝึก โค้ชระดับต่ำอาจจะไม่ได้ไม่มีประโยชน์สำหรับเธออย่างเดียว แต่จะทำร้ายเธอด้วย ถ้ามีอะไรผิดพลาดกับการฝึกมันอาจจะส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมซูถึงไม่ยอมให้โค้ชผู้ช่วยหนุ่มนี้ฝึกหยู
“ผมแค่อยากช่วยเธอลดน้ำหนักแค่นั้นเอง”หลี่อธิบาย
“ลดน้ำหนักเหรอ? ด้วยท่ากายบริหารของคุณเนี่ยนะ คุณคิดว่ากำลังสอนเด็กประถมอยู่เลย พวกเขาจ้างโค้ชฟิตเนสหรือแม้กระทั้งนักโภชนาการจากมหาลัยมาตั้งหลายคน แต่ก็ยังช่วยเธอลดน้ำหนักไม่ได้ แล้วคุณคิดว่าไอ้การออกกำลังกายห่วยๆอย่างนี้จะช่วยเหรอ” ซูตะโกนด้วยความโกรธ
หลี่ไต้รู้สึกรำคาญด้วยคำว่า“ห่วยแตก” เขาเปลี่ยนอารมณ์ทันที แล้วพูดอย่างไม่มีการเคารพนับถือรุ่นใหญ่รุ่นเล็กอะไรทั้งนั้น “ผมพูดตรงๆเลยนะครับว่าการออกกำลังกายของผมมันดีกว่าไอ้โค้ชฟิตเนสหรือนักโภชนาการบ้าบอจากมหาลัยนั้นอีก!”
“คุณนี้มันไม่รู้อะไรเลย!”ซูตอบอย่างเยือกเย็น “ผมไม่รู้เลยนะว่าไอ้ขี้แพ้อย่างคุณมาเป็นโค้ชผู้ช่วยในมหาลัยกีฬาได้ยังไง ทำไมคุณกล้าเทียบตัวเองกับโค้ชทีมชาติ ทำไมคุณถึงกล้าเทียบตัวเองกับนักโภชนาการมหาลัย? คุณไม่เข้าใจเรื่องอะไรเลย! ผมพูดได้เลยนะว่าคุณแข่งยังไม่ได้แม้แต่ไรขนของผมเลย!”
“การกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะคุณ ลองมาดูผลลัพท์จริงๆกันเลยดีกว่า ผมสามารถช่วยเธอให้ลดน้ำหนักได้จริง ผมสามารถทำให้ตัวเลขน้ำหนักลดลงได้ แต่โค้ชจากทีมชาติทำไม่ได้ นักโภชนาการนั้นก็ด้วย นั้นหมายความว่าผมเหนือกว่าพวกนั้นในเรื่องช่วยคนลดน้ำหนัก” หลี่พูดสวนหน้าซู
ซูโกรธจัดมากตอนนี้ แล้วหายใจเข้าลึกๆ “ใช่ ถ้าพูดอย่างงั้นก็มา ให้ผมดูหน่อย ว่าไอ้คำว่าของจริงมันเป็นยังไง อย่าดีแต่เห่า ทุกคนมันก็รู้วิธีเห่าหมดแหล่ะ แต่มีไม่กี่คนที่รู้วิธีกัด”
และนั้นคือสิ่งที่หลี่ต้องการ เขาถามตรงๆ “โค้ชซู จำได้ไหมว่าน้ำหนักก่อนที่เฟ่ยเฟ่ยจะมาเมืองนี้น้ำหนักเท่าไร”
ซูลังเล แล้วตอบ “ประมาณ70กิโลกรัม”
“ได้ เดี๋ยวผมจะให้คุณดูน้ำหนักของเธอตอนนี้” หลังจากสิ้นคำ เขาชี้ไปที่เครื่องชั่งน้ำหนักไฟฟ้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา แล้วพูดกับหยู “เฟ่ยเฟ่ย ไปขึ้นเครื่องชั่งนั้นแล้วแสดงให้โค้ชซูดูซิว่าการออกกำลังกายของฉันมันได้ผลไหม”