ตอนที่ 51 แม่น้ำแห่งความสัตย์ (FREE)
ข้างแม่น้ำแห่งความสัตย์
....
กาลเวลาไหลผ่านไป ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ อายุ 15 ปี!
ณ มณฑลฮวายอัน เมืองฮวายอัน เขตแม่น้ำแห่งความสัตย์ทางเหนือ มีแม่น้ำไหลผ่ากลางเมืองทำให้นี้ถูกแบ่งเป็นฝั่งเหนือและใต้ สร้างเส้นทางสัญจรทางน้ำ ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเขตทางเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งในเขตทะเลทรายแดนเหนือ
แสงอาทิตย์สาดส่อง ลมหนาวพัดผ่าน
บนแม่น้ำแห่งความสัตย์มีเรือจำนวนมากแล่นไปตามทิศทางลม ระลอกคลื่นแผ่กระจายไปทั่วพื้นผิวของแม่น้ำ
การทดสอบกฎห่งเต๋านั้นอีก 3 วันจะเริ่มขึ้นที่เขตแม่น้ำแห่งความสัตย์ มณฑลฮวานอัน ดึงดูดผู้ที่มีพรสวรรค์และสาวงามจากทั่วทุกแห่งมารวมตัวกันที่เมืองริมฝั่งแม่น้ำแห่งความสัตย์
ใบไม้พริ้วไหวไปตามแรงลม มีเวที่ที่ถูคลุมด้วยพรมสีแดง มันเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ เวทีถูกตุกแต่งด้วยโคมไฟระยิบระยับ ดอกไม้สดประดับอยู่รอบๆ
ฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนพฤษภาคม ดอกไม้ต่างบานอย่างเต็มที่
ตามกฎที่กำหนดไว้ จะมีการจัดการชุมนุมก่อนที่จะมีการทดสอบกฎแห่งเต๋า ผู้มีชื่อเสียงต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
มันถูกเรียกว่า การชุมนุมร้อยบุปผา!
“กรร!”
เสียงคำรามต่ำๆของสัตว์ดังออกมา แต่ไม่มีใครให้ความสนใจมันมากนัก การเลี้ยงสัตว์ที่ดุร้าย ดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วๆไปของตระกูลใหญ่ๆ
ชายคน
“นายน้อย การชุมนุมนี้เป็นที่รวบรวมของทั้งคนดีและคนพาล หรือแม้แต่คนที่วันๆเอาแต่ขลุกอยู่กับผู้หญิง พิจรณาจากชื่อเสียงของท่านแล้ว ข้าไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมการชุมนุมนี้!”
ชายรูปร่างแข็งแกร่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราที่กำลังนั่งอยู่บน ‘เสือเพลิงแดงสามตา’ ตัวของมันมีขนเป็นสีแดงแซมขาว บนหน้าผากของมันมีตาเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ดวง ส่วนที่หางก็มีเปลวไฟลุกอยู่ เขากำลังคุยอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสีฟ้าขาวด้วยความเคารพ
ชายหนุ่มคนนั้นยกหัวขึ้นมา มองไปที่แผ่นจารึกที่ประกอบด้วยคำสามคำ ชุมนุม ร้อย บุปผา เขาหยุดยืนเล็กน้อย
“ปู่บอกก่อนที่ข้าจะออกมาว่าต้องสุภาพ” ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะเดินต่อไปข้างหน้า
ชายอีกคนที่รูปร่างดูแข้งแกร่งไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เขารีบกระโดดลงจาก เสือเพลิงแดงสามตา และเดินตามเด็กหนุ่มคนนั้นไปที่ลานหินหยก
เสือเพลิงแดงสามตา คำรามออกมาเบาๆ จากนั้นมันก็กระโดดเพียงครั้งเดียวขึ้นไปบนที่พักสัตว์ ก่อนจะล้มตัวลงนอน รอบๆตัวมันเต็มไปได้สัตว์ที่ดูน่ากลัวหลายตัว
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้เดินไวมาก เขาเดินตรงไปยังฝั่งเวทีสูงที่จัดขึ้นสำหรับการชุมนุมร้อยบุปผา เขาค่อยๆหยิบพัดสีทองขึ้นมา บนพัดมีรูปวาดของภูเขาและแม่น้ำ
เมื่อปราชญ์คนอื่นๆที่สนทนากันอยู่หันมาเห็นเด็กหนุ่มคนนี้พวกเขาผงะไปทันที จากนั้นจ้องมองไปที่พัดของเขา ความหวาดกลัวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
พวกเขารีบเดินหนีไปทันที
ในทางกลับกัน ชายหนุ่มในชุดฟ้าขาวยังคงเหมือนเดิม ไม่ทั้งมีความสุขหรือโกรธ เดินไปข้างหน้าๆเรื่อยและนั่งลงตรงที่นั่งข้างหน้า
ชายร่างอวบที่สวมชุดผ้าไหมที่ตอนนี้กำลังพูดคุยเสียงดังอยู่กับชายคนหนึ่งข้างๆเขา ในขณะที่ในมือเต้มไปด้วยผลไม้ ทันใดนั้นเขามองเห็นชายหนุ่มในชุดฟ้าขาว หน้าของเขาซีดลงราวกับเห็นผี เขารีบลุกขึ้นพร้อมกับดึงชายคนที่อยู่ข้างๆออกไปด้วย
ชั่วพริบตารอบๆตัวของชายหนุ่มคนนั้นก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“ถอยไป!”
“แต่ที่ตรงนี้...”
“ถอยไปซะ!”
ชายรูปร่างแข็งแกร่งใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครากวาดตามองรอบๆอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆถอยหลังไป แต่ไม่มีใครสักคนที่คิดจะกลับมานั่งตรงนี้อีก
“เหยียน ซิว เข้ารวมงานชุมนุมร้อยบุปผาด้วยงั้นหรือ? ข้าคิดไม่ถึงเลย?”
“จากที่ข้าดูคร่าวๆคาดว่าปีนี้เขาน่าจะอายุ 16 ปีแล้ว”
“ไม่ต้องสงสัยเลย!”
ผู้คนต่างถกเถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปชื่มชมดอกไม้และจิบเหล้าต่อ
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มที่ใบหน้าดูขาวสะอาดสวมชุดไหมสีทอง ที่เอวของเขามีดาบยาวสีน้ำเงินเหน็บไว้อยู่ เขาค่อยๆเดินขึ้นไปบนที่นั่งรอบๆตัวมีผู้คุ้มกันอยู่เล็กน้อย
“เร็วดูนั่น เมิ่ง อวี้ชู มาที่นี่ด้วย!”
“ข้าได้ยินมาว่า เมิ่ง อวี้ชู สามารถเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้เมื่อปี่แล้ว ข้าคิดว่าการทดสอบกฎแห่งเต๋าในครั้งนี้ต้องเป็นเขาอีกแน่ที่เป็นผู้ชนะอีกครั้ง!”
นักปราชญ์คนอื่นๆพูดออกมา ใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงความอิจฉา
ชายหนุ่มที่สวมเสื้อสีเหลืองได้ยินเสียงพูดคุยรอบๆตัว แต่เขากลับแสดงความยินดีออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปข้าง เหยียน ซิว ที่กำลังนั่งอยู่ เขาเอากำปั้นประสานกับฝ่ามืออีกข้างหนึ่งเพื่อแสดงการทักทาย
“ข้ามาจากตระกูล เมิ่ง, เมิ่ง อวี้ชู รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบท่านปรมาจารย์น้อย เหยียน ซิว!”
แต่ เหยียน ซิว ยังคงท่าทีนิ่งเฉยราวกับรูปปั้นน้ำแข็ง เขาไม่แม้แต่จะหันไปมอง เมิ่ง อวี้ชู เขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอีและโบกพัดไปมาอยู่เฉยๆ
ลมแรงพัดกระโชกมา เขารู้สึกหนาวเหน็บทันที เมื่อพิจรณาชื่อเสียงของตระกูลเมิ่งในมณฑลฮวานอัน รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าของเขาแล้วละก็ มีไม่กีคนที่เขาจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองทักทายก่อน
แต่คนคนนั้นกลับไม่คิดจะสนใจเขาแม้แต่น้อย
มันถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการเมินเฉย นอกจากนี้รอบๆตัวของเขายังมีปราชญ์อยู่เป็นจำนวนมาก เขากำดาบไว้ในมือแน่น หัวใจของเขาเต้นแรง แต่ในที่สุดเขาก้ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ปรมาจารย์น้อย เหยียน ซิว คงชอบความเงียบสงบ งั้นข้า เมิ่ง อวี้ชู ก็คงต้องขอตัว!” เมิ่ง อวี้ชู ประสานมืออีกครั้ง หลังจากหาวิธีออกจากสถานการณ์นี้ได้
“โอ้โห พระเจ้าช่วย! ตรงนี้มีที่นั่งดีๆอยู่ด้วย แต่ทำไมไม่มีใครนั่งเลย? ข้าช่างโชคดีจริงๆ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของ เมิ่ง อวี้ชู
เมิ่ง อวี้ชู ขมวดคิ้ว
เขาพึ่งจะมีข้ออ้างว่า เหยียน ซิว รักความเงียบสงบ แต่ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆจะมีคนมาทำเสียงดังขึ้นมา ถ้า เมิ่ง อวี้ชู ยอมให้เขานั่ง แล้วคำพูดของเขาจะไม่กลายเป็นเพียงแค่ลมปากหรอกหรือ?
ในขณะที่เขาเตรียมป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่เขาก็คิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
ดูจากนิสัยของ เหยียน ซิว แล้วละก็ เขาจะยอมให้ใครสักคนมานั่งข้างๆเขางั้นหรือ?
ขอบปากของเขายกขึ้นเป็นร้อยยิ้ม เมื่อนึกถึงความเยือกเย็นของ เหยียน ซิว ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนคนที่มาใหม่จะประเมิณความสามารถของตัวเองสูงไป เมิ่ง อวี้ชู คิดว่าการดูเสือสองตัวสู้กันอยู่ข้างนอกก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่
แม้เขาจะไม่รู้ว่าใครจะเป็นเสือก็ตาม
อย่างน้อยเขาก็ได้ถือโอกาสทดสอบความอดทนของ เหยียน ซิว ที่รู้จักกันในชื่อ อสุราเยือกแข็ง เขาเป็นคงเป็นคนที่เย็นชาที่สุดในอณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่นี้แล้ว
“เฮ่! เจ้าจะนั่งหรือไม่ ถ้าไม่นั่งก็หลบไป!”
ในขณะที่ เมิ่ง อวี้ชู กำลังคิดอย่างมีความสุขอยู่นั้น เขาสัมผัสถึงแรงกดลงบนหัวไหล่ด้านซ้าย เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกยกขึ้น
“ตุบ!” เขารู้สึกว่าก้นของเขากระแทกกับพื้น
“ทำไมคนเดี๋ยวนี้ถึงไม่มีมารยาทเลยนะ! ไม่มีใครสอนว่าสุนัขที่ดีไม่ควรบังทางของผู้อื่นหรือไงกัน?” เสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจดังขึ้น จากนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดหยาบๆสีน้ำเงิน เดินผ่าน เมิ่ง อวี้ชู และนั่งลงข้างๆ เหยียน ซิว
“อา อย่างน้อยการชุมนุมร้อยบุปผาก็มีเรื่องดีอยู่บ้าง พวกเขาถึงกับเตรียมผลไม้ไว้ด้วย?” เขาทำท่าทางราวกับเพิ่งค้นพบทวีปใหม่ เด็กหนุ่มคนนั้นหยิบผลไม้ที่วางอยู่ข้างหน้าขึ้นมาก่อนจะวางมันลงในปาก
หลังจากเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นเงียบลง แต่ทั้งทั่วทั้งงานชุมนุมยังตกอยู่ในความเงียบเช่นเดิม มีเพียงเสียงต้นหลิวที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำที่พริ้วไหวไปตามแรงลม
เพจหลัก : Gate of god TH