ตอนที่แล้วบทที่ 53: ตบหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55: ปีศาจร้องทุกข์

บทที่ 54: หั่นเป็นแปดชิ้น


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 54: หั่นเป็นแปดชิ้น

ขณะที่ซางเต๋อชิงกำลังรอคอยอย่างถึงที่สุด จนแทบรอไม่ไหวอีกต่อไป พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้าปรากฏเป็นลำแสงสีทองพาดผ่านท้องฟ้าของค่ำคืน ในขณะนั้นเองเจ้าอ้วนได้พาหญิงสาวท่าทางตื่นตระหนกกลับมา ใบหน้าของนางละม้ายคล้ายกับซางเต๋อชิง

เมื่อหญิงสาวผู้นั้นพบกับซางเต๋อชิง น้ำตาของนางเอ่อล้นออกมาเปรอะเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง พร้อมตะโกนว่า “ท่านพ่อ!” นางกับวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาทันที

แม้ว่าเจ้าอ้วนจะสามารถช่วยลูกสาวของเขากลับมาได้ แต่ทว่าภรรยาของเขาได้ตายตกไปโดยมิอาจหวนกลับมาได้อีกครั้ง เจ้าอ้วนไม่สามารถอดกลั้นได้ไหวในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงกล่าวออกมาเบาๆ “เจ้าบ้านซาง ข้าได้แก้แค้นให้กับภรรยาของเจ้าแล้ว ถ้าหากเจ้าประสบปัญหาอื่นในอนาคต แค่เพียงมาพบข้าที่วัดเสวียนเทียน!” เมื่อกล่าวจบ เขาไม่รีรอให้ซางเต๋อชิงกล่าวสิ่งใดต่อ เขากระโดดขึ้นดาบบินพร้อมกับพุ่งออกไปทันที

ซางเต๋อชิงตะโกนออกมาสองครั้งเพื่อหยุดเจ้าอ้วนไว้ แต่ก็มิอาจทำได้ เขาจากไปแล้วในตอนนี้ จากนั้นเขาจึงถามลูกสาวเขาอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้ “สาวน้อย ท่านเซียนอาวุโสไปช่วยเจ้าออกมาได้อย่างไร?”

“ท่านพ่อ ท่านแน่ใจหรือว่าเขาคือเซียนอาวุโส?” ลูกสาวของซางเต๋อชิงกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว “ไม่ว่าข้าจะมองอย่างไร เขาดูคล้ายกับคนขายเนื้อ เขาทั้งดุร้ายและรุนแรงมากขึ้นในช่วงเวลาที่เขากำลังสังหารใครสักคน!”

“เจ้ากำลังจะกล่าวสิ่งใด? เขาเป็นเซียนอาวุโสถูกส่งมาจากสวรรค์เพื่อช่วยพวกเรา และพาเจ้ากลับมา!” ซางเต๋อชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “รีบบอกพ่อมาเถิดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น!”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ!” ลูกสาวของซางเต๋อชิงกล่าวต่อ “ข้าถูกผูกติดอยู่กับม้ารบของฉงตู มีกองกำลังกว่าห้าร้อยที่หน้าประตูกองบัญชาการ จู่ ๆ ได้มีแสงสีทองประหลาดสองเส้นส่องประกายลงมา ลำแสงพาดผ่านยาวกว่าสิบฟุต โลดแล่นอยู่เป็นเวลานานและกวาดไปทั่วแนวกองกำลังทหาร สวรรค์! กองกำลังกว่าห้าร้อยนายไม่มีผู้ใดรอดชีวิต พวกเขาตายทันทีโดยไม่มีโอกาสเปล่งเสียงร้อง ถนนทั้งสายถูกฉาบไปด้วยเลือด ในขณะนั้นทั้งกองบัญชาการเหลือเพียงข้าและฉงตูเท่านั้น ฉงตูผู้เย่อหยิ่งในเวลานั้นใบหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ท่านเซียนอาวุโสจับเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและโยนลงมาดั่งเศษไก่ จากนั้นเขาใช้ดาบสีทองตัดร่างกายของฉงตูออกเป็นชิ้น ในขณะที่เขาเฉือนลงไปทุกคมดาบ เขาจะถามออกมาว่า ‘เหตุใดเจ้าจึงต้องข่มขืนหญิงสาว ฆ่าภรรยาผู้อื่น เพื่อฉีกหน้าของข้า!’ ในเวลาสั้น ๆ เขาหั่นฉงตูออกเป็นแปดชิ้น! ฉากดั่งกล่าวเขาดูคล้ายกับคนขายเนื้อที่กำลังฆ่าหมูตัวหนึ่งเท่านั้น มันช่างดูโหดเหี้ยมเกินไปสำหรับข้า!”

“อา…” แม้ว่าซางเต๋อชิงนั้นจะมีลางสังหรณ์อยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าวิธีการของเจ้าอ้วนจะเหี้ยมโหดเพียงนี้ อย่างแรกนั้น ฉงตูไม่ใช่คนปกติสามัญ เขาเป็นผู้ที่มีกองกำลังมากกว่าหนึ่งหมื่นและทุกคนล้วนเก่งกาจศิลปะการต่อสู้ กองกำลังทหารที่รักความยุติธรรมและมีความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับสงคราม ได้รับการสนับสนุนจากศาล และผลที่ตามมาคือบุคคลเหล่านี้จะพัฒนาไปได้อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม ฉงตูผู้แข็งแกร่งในตอนนี้กลับเป็นเพียงลูกแกะน้อยที่ถูกเจ้าอ้วนหั่นออกเป็นแปดชิ้นอย่างง่ายดาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือจิตใจของเจ้าอ้วนที่สามารถฆ่าได้ตามที่เขาปรารถนาและกระทำมันอย่างโจ่งแจ้งที่หน้าบ้านของฉงตู! ซึ่งคงหนีไม่พ้นสายตาของศาลอย่างแน่นอน เหล่าเซียนอาวุโสเป็นบุคคลเช่นนี้งั้นหรือ?

ขณะที่ซางเต๋อชิงกำลังสับสนกับเรื่องนี้ ลูกสาวของเขาเอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านพ่อ เหตุใดเซียนอาวุโสท่านนี้จึงกล่าวออกมาว่าฉงตูตบหน้าเขา? ด้วยความสามารถของเขา ฉงตูจะสามารถตบหน้าเขาได้อย่างไร?”

“โอ้ เรื่องมันยาว แต่ว่าท่านเซียนอาวุโสถูกตบหน้าโดยฉงตูจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่โกรธมากเช่นนี้!” ซางเต๋อชิงกล่าวต่อ “เด็กน้อย เวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้ ฉงตูตายตกไปที่หน้าบ้านของเขาเอง นี่คือเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเกี่ยวข้องกับเจ้า ภัยพิบัติครานี้อาจทำให้ครอบครัวของเราถูกทำลาย สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว เราต้องหนี!”

“อา… แล้วเราจะหนีไปที่ใด?” ลูกสาวของซางเต๋อชิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

“เราต้องออกจากแคว้นนี้! เราไม่สามารถอาศัยอยู่ในแคว้นหลานเย่ว์ได้อีกต่อไป!” ขณะที่ซางเต๋อชิงกล่าว เขาสั่งให้คนรับใช้จัดเก็บข้าวของเตรียมไว้พร้อมที่จะหลบหนีออกไปในยามราตรี

มิใช่เพียงซางเต๋อชิงที่แสวงหาที่ปลอดภัย เจ้าอ้วนก็ไม่มีหนทางจะไปต่อเมื่อเขาออกมาจากบ้านตระกูลซาง เขาคิดว่าจะพักผ่อนอยู่หนึ่งวันก่อน จากนั้นค่อยกลับไปพบหวังฉีหวู่ เขาพบกับถ้ำเล็ก ๆ เขาใช้ยันต์ปิดปากถ้ำและศึกษาเคล็ดวิชาสายฟ้าที่ได้รับมาใหม่ทันที นั่นคือสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์

สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ถือได้ว่าเกือบเป็นเคล็ดวิชาที่มีพลังมากที่ในสุดขององค์ประกอบทั้งห้า มันอ่อนแอว่าสายฟ้าแห่งอัคคีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เคล็ดวิชาอัคคีที่สมบูรณ์จะสามารถสะกดพลังของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ธาตุน้ำได้ แต่เคล็ดวิชานี้เป็นเวทมนตร์สายฟ้าอสนีขั้วบวก เมื่อปลดปล่อยมัน มันจะสร้างความโกลาหลขนาดใหญ่ที่แม้แต่คนบ้าก็สามารถมองเห็นได้โดยง่าย จึงไม่สามารถใช้มันในขณะหลบซ่อนเช่นอสนีขั้วลบได้

อย่างไรก็ตามมันเป็นสมบัติที่เขาได้รับมา นอกจากนี้หากได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสายฟ้าถึงสองแบบมันจะสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ ถ้าหากเรียนรู้มันหมดทั้งห้าองค์ประกอบก็จะยิ่งสร้างความเสียหายได้มากยิ่งขึ้น

หลังจากเขาได้อ่านเคล็ดวิชาสายฟ้าอย่างรอบคอบ เขารู้ทันทีว่ามันมีวิธีการที่ซับซ้อนกว่าอสนีขั้วลบ ต้องใช้สถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณธาตุดินจำนวนมาก นั่นคือปัจจัยหลักที่ทำให้สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากที่สุด

สถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณธาตุดินจำนวนมากนั้นไม่ง่ายเลยที่จะค้นหามัน หากผู้ฝึกตนทั่วไปพึ่งพาเพียงตนเอง เกรงว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสิบปี แต่สำหรับเจ้าอ้วนสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหา เขามีปราณจิตวิญญาณที่มากพออยู่ในมิติลึกลับของตนเอง ซึ่งเพียงพอที่จะกลั่นหินจิตวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างสายฟ้าเท่าที่เขาต้องการได้

ถึงอย่างนั้นการปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้โดยง่าย เจ้าอ้วนยังคงจำเหตุการณ์ครั้งแรกเมื่อคราวที่เขาเรียนรู้เคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งวารีศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาถูกแรงระเบิดของมันกระแทกที่ร่างกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างน่าเวทนา ความกล้าหาญของเขาที่จะเล่นกับสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ลดลงถึงสองในสามของตอนที่ฝึกฝนสายฟ้าแห่งวารีศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากมันระเบิดขึ้นอีกครั้งในมือของเขา เพียงแค่คิดเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วกระดูกสันหลัง!

แม้ว่าเจ้าอ้วนจะเคยมีประสบการณ์ในการฝึกฝนเคล็ดวิชาสายฟ้าแห่งวารีศักดิ์สิทธิ์มาบ้างแล้ว และมันคงช่วยลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในขณะที่ฝึกฝนสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง แต่ครั้งนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งคือมันแตกต่างกันตรงขั้วบวกและขั้วลบ ซึ่งโอกาสผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นได้สูงมาก

เมื่อพิจารณาความปลอดภัยแล้ว เจ้าอ้วนตัดสินใจว่าจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อนและกลับมาสะสางเมื่อเขามีโอกาส

ในขณะที่เขาซ่อนตัวเพื่อศึกษาสายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ โลกภายนอกได้เกิดไฟปะทุขึ้นทั่วทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในวัดเสวียนเทียนซึ่งตกเป็นเป้าหมายที่ถูกวิจารณ์อย่างมากที่สุดในตอนนี้

ช่วงเวลาเดียวกัน ในเวลาเพียงวันเดียว หวังฉีหวู่อาศัยความสัมพันธ์ของเขากับศาลเพื่อติดต่อกับพระราชวัง เขาวิ่งเต้นจนขาทั้งสองข้างลากไปกับพื้นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านของราชครู ในที่สุดเขาก็ได้รับอิสระได้กลับมานั่งจิบชาพร้อมกับนั่งดื่มด่ำกับชีวิตที่เรียบง่าย แต่ในขณะนั้นเอง มีนักบวชหนุ่มผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ เกิดเรื่องแล้ว! มีข่าวมาจากเมืองสีตี้ว่าฉงตูของพวกเขาถูกฆ่าหั่นศพเป็นแปดชิ้นโดยนักบวชเต๋าอ้วนท้วนผู้หนึ่ง!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด