ตอนที่แล้วตอนที่ 32 เริ่มฝึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 ช่วยฉันที

ตอนที่ 33 ค่อยเป็นค่อยไป


ตอนที่ 33 ค่อยเป็นค่อยไป

 

"เซอร์ นาฬิกานี้ราคาเท่าไหร่?"

 

"ไม่รู้"

 

"ฉันต้องการซื้อนาฬิกาพ็อกเก็ตนี้ สักอัน ... "

 

"ฉันไม่ทราบคุณไม่ได้ยิน?"

 

"เซอร์ ฉันคิดว่า ... "

 

"ออกไปเราจะปิดร้านแล้ว!" หลังจากหันไปไล่แขกหกคน ชายร่างยักษ์ได้ปิดประตู เขาให้เย่วซิงนำป้าย “ร้านปิด” ไปแปะไว้หน้าร้าน แล้วก็ยังคงยืนอยู่หลังแผนกต้อนรับและเริ่มท่องตัวอักษรด้วยคำพูดติดอ่าง

 

ข้างๆเขาเย่วซิง มองดูลูกค้าที่กลัวและส่ายหัวด้วยอาการถอดใจ "ร้านนี้มีชีวิตรอดมาได้จนถึงบัดนี้ได้อย่างไร?" เย่วซิงคิดกับตัวเอง เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ

 

หลังจากที่เขาอยู่ในร้านเป็นเวลาสองวัน  เย่วซิงหยวนได้ความเข้าใจในตัวของ 'เซตัน' มากขึ้น  เขาไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ เขาไม่ได้สนใจนาฬิกา นอกเหนือจากการหาคนมาทำความสะอาดร้านค้า เขาไม่ต้องการกังวลเรื่องการรักษามันเพียงแค่ทิ้งทุกอย่างไว้ให้เหมือนเดิม การทำธุรกิจเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล

 

ตามที่เขาบอกเจ้าของร้านค้าเดินทางไปต่างประเทศดังนั้นเซตันจึงได้รับคำสั่งให้คอยดูแลร้านในขณะที่เขาไม่อยู่ พูดถึงเรื่องนี้เขาจะตื่นเต้นมาก ใบหน้าของเขามืดมนจนเขาดูเหมือนว่าเขาต้องการจะฉีกร่างเจ้าของที่แท้จริงออกจากกัน ร่างกายของเขาให้กลิ่นอายความรุนแรง เขาคงเป็นที่หวาดกลัวของเด็กตามท้องถนน

 

เย่วซิงจึงเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ว่าทำไมเจ้าของขอให้เซตันดูร้านค้า

 

ด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนนักรบที่ดุดัน แม้แต่กองทัพก็ไม่กล้าเข้ามา คงต้องใช้สักสองกองร้อย ยิ่งเป็นโจรยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

นอกเหนือจากการสะกดและท่องตัวอักษรเซตันไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขามักจะพูดเพียงสามประโยคต่อวัน แค่กับฟิลก็สองประโยคแล้ว

 

เย่วซิงไม่เข้าใจว่าทำไมเซตันสนใจเรื่องการอ่าน ตลอดทั้งวันเขาหลงใหลไปกับหนังสือเทพนิยาย เขาได้ขอให้เย่วซิงทำหนังสือ ทำบัญชี ซึ่งจริงๆแล้วเขาสอนเซตันให้สะกดและอ่าน ในบางครั้งเขาจะทำหน้าที่ภารโรงไปด้วย

 

เย่วซิงยินดีที่จะมีเวลาว่างมากขึ้น เขาจะนั่งอยู่หน้าประตูพึมพำอักษรรูนและท่องพยางค์ แต่น่าเสียดายที่เขามีความคืบหน้าน้อยมาก ความคืบหน้าน้อยมากเป็นเรื่องที่พูดเกินจริง มันเป็นอะไรที่เหมือนไม่มีความคืบหน้าเลยมากกว่า

 

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มมีความสุข อาจเพราะอัตราเรโซแนนซ์(เสียงสะท้อน)ระหว่างตัวเขากับอากาศธาตุต่ำเกินไป เขารู้สึกสยดสยองทุกครั้งที่เขานึกถึงโรคจิตที่กำลังวิ่งเปลือยกายอยู่บนถนนในคืนนั้น โรคจิตที่ทำให้ลูกอากาศธาตุสว่างขึ้นเมื่อเขาอาเจียน ทำไมตัวเขาถึงไม่มีความสามารถใด ๆ แม้ว่าจะฝึกซ้อมทุกวัน?

 

แต่ในความเป็นจริงเย่วซิงไม่ทราบปัญหาที่แท้จริง "รู้สึกถึงอากาศธาตุ..ความรู้สึก" เขาจะพูดกับตัวเอง

 

เขาไม่สามารถสัมผัสกับอากาศธาตุได้ พยางค์มาตรฐานต้องใช้ความพยายามมาก อัตราการหายใจรวมถึงจำนวนการเคลื่อนไหวของเส้นเสียงต้องแม่นยำ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะทำตามกฎคุณก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามกฎการที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ต้องปรับตัวเองโดยพยายามตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในอากาศธาตุ มันคล้ายการเดินท่ามกลางความมืด

 

แต่จากการลองมานับหมื่นครั้ง เขายังมองไม่เห็นภาพในความมืดเลย เย่วซิงยังไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง

 

"มันอะไรกันนะ ... "

 

เขานอนลงบนพื้นด้วยความหงุดหงิดม้วนตัวเหมือนฟิล

 

"เฮ้, เย่วซิงไปรับสินค้าให้หน่อย" หลังเคาน์เตอร์ เซตันกล่าวว่า "18 Queen Boulevard เพียงแค่หาผู้จัดการที่นั่นเจ้านายได้สั่งซื้อของที่นั่น" เซตันใส่ปากกาไว้ในกระเป๋าของเย่วซิง "ขอแค่เซ็นชื่อ สินค้าราคาแพงมีมูลค่ามากกว่าแกถึงสิบคน ดังนั้นอย่าขโมยอะไร ไม่งั้นฉันจะส่งคุณไปโรงพยาบาลแน่นอน" เซตันพูดโผงผางมากก เป็นการยากที่จะเห็นใครบางคนที่นิสัยเรียบง่ายและตรงไปตรงมาอย่างที่เขาเป็น เซตันเกลียดคนหน้าซื่อใจคดและเชื่อมั่นในการตรงไปตรงมา ถ้าเขาบอกว่าสินค้ามีราคาแพงมาก มันก็ต้องแพงมาก ถ้าเขาบอกว่าเขาจะส่งเย่วซิงไปนอนโรงพยาบาล เขาจะส่งเย่วซิงไปนอนโรงพยาบาล

 

ในยุคนี้นาฬิกาเป็นสินค้าหรูหรา นาฬิกาขนาดใหญ่และนาฬิกาพ็อกเก็ตเป็นสิ่งที่ขุนนางต้องใช้ นอกจากนี้ทุกอย่างในร้านนี้ดูเหมือนงานศิลปะที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่ บางชิ้นมีลวดลายแกะสลักโดยใช้วัตดุเงางามและชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของอัญมณีราคาแพง พวกคนที่ต้องการซื้อดูเหมือนจะต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก นาฬิกาพ็อกเก็ตใด ๆ ก็ตาม อาจไม่มีราคาเท่ากับเด็กสิบคน แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะสัก 8

 

"ลุงวันนี้เป็นวันที่สามของฉันที่ทำงานที่นี่ คุณต้องการให้ฉันรับสินค้าที่สำคัญเช่นนี้จริงหรือ?” เย่วซิงถามอย่างช่วยไม่ได้

 

"แกมีที่อยู่แล้วนิ แต่ถ้าแกไม่ทำ ฉันก็คงไม่เก็บแกไว้ต่อ?" เซตันหัวเราะเยาะเขา

 

เย่วซิงยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

 

"แกรู้จักใช่ไหม?"

 

"ผมรู้เพียงเล็กน้อย" เย่วซิงจัดคำพูด "ผมได้ยินมาว่ามันเป็นพื้นที่ของขุนนางและขุนนางเป็นพวกชอบทำร้ายคน พวกเขาจะไม่ทุบตีผมใช่ไหม?"

 

"ขุนนางพวกนั้นสูญพันธุ์ไปแล้วในแองโกล ตอนนี้พวกเขาสุภาพ มีสไตล์และพวกเขาอาจจะให้เงินสักสองเหรียญด้วยความสงสาร" เซตันกล่าวอย่างเย็นชา "อย่าขี้เกียจละ"

 

"มันปลอดภัยพอหากออกไปจากร้านนี้ แค่อย่ามีปัญหาในระหว่างทาง ... "

 

"ร้านนี้อยู่ในรายการตรวจตราของสถานีตำรวจ Avalon และเจ้าของยังติดต่อกับรัฐบาล เพียงแค่พูดชื่อร้านค้า จะไม่มีใครทำให้แกเดือดร้อน"

 

"อืม แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีวันนี้"

 

เซตันมองไปที่เย่วซิงและไม่พูดอะไรอีก เซตันเก็บหนังสือของเขาและถามว่า "แกขโมยของจากที่ไหนสักแห่งมาก่อนหรอ?"

 

"ไม่"

 

"แกทำร้ายใครมาก่อนหรือ?"

 

"อ๊ะไม่มีเลย" ใบหน้าของเย่วซิงหันขม

 

"แล้วทำไมแกถึงยังคงอยู่ที่นี่?" เซตันหัวเราะเยาะเขายกค้อนของเขา "แกต้องการให้ฉันเตะแกออกไปใช่ไหม?"

 

"ผมจะออกทันที!" เย่วซิงวิ่งออกไปอย่างหวาดกลัว

 

"ลงชื่อในแผ่นนี้" พ่อบ้านที่อยู่ในห้องโทนสีดำชี้ไปที่แผ่นกระดาษนอกห้องโถงใหญ่ พ่อบ้านชราดูแปลกใจมากเมื่อเย่วซิงมาถึง แม้กระทั่งหลังจากที่เย่วซิงเซ็นสัญญาแล้วพ่อบ้านยังคงมองตามเขาอยู่และสั่นศีรษะ

 

"มีอะไรผิดพลาดหรอคับ?" เย่วซิงตรวจสอบตัวเอง "ผมมีจุดสกปรกอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือคับ?"

 

"ไม่ไม่ไม่." พ่อบ้านลูบเคราของเขาและถามว่า "ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานกับเซตัน"

 

"ไม่มีปัญหาอะไรคับ ลุงเขาเป็นผู้ชายที่ดี"

 

"เขาดูเหมือนจะชอบคุณ" ชายชราจับไหล่ของเขาอย่างความระมัดระวังเขากล่าวว่า "อนาคตของคนหนุ่มสาวมันมีไม่สิ้นสุด."

 

ไม่รู้ว่าทำไมแต่เย่วซิงมีความรู้สึกว่าเขากำลังฝึกงานอยู่ในนรก

 

ใต้แสงแดดยามบ่ายเย่วซิงเดินตามถนนที่วุ่นวายเขารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย

 

Avalon สร้างขึ้นบนเกาะ อาคารมีความซับซ้อนและอัดแน่นไม่ค่อยมีพื้นที่ว่าง แม้แต่ชานเมืองสิบหกแห่งที่อยู่บนเกาะเล็ก ๆ ก็ยังมีคนอาศ

 

ศาลากลางตัวแบ่ง Avalon ออกเป็นสามส่วนเขต ชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นล่าง ทั้งสามส่วนแบ่งออกเป็นเก้าวงแหวน Queen's Boulevard เป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในบรรดาพื้นที่รอบ ๆ บริเวณที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ใจกลางวงแหวนที่สามซึ่งเป็นพื้นที่สีทองของ Avalon สามสิบเปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดใน Avalon ทำงานเพื่อรับใช้ผู้คนในถนนสายนี้ ผ้าไหมและเครื่องเทศจากตะวันออกเครื่องประดับทองจากอินเดียแฟชั่นจากอาณาจักร Burgundy สามารถมองเห็นได้ทุกที่ คุณรู้สึกวิงเวียนเพียงแค่เห็นมันทั้งหมด

 

เย่วซิงรู้สึกแปลก ๆ มันเป็นเวลาหลายปีแล้วและสิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับแนวโน้มความนิยมระหว่างขุนนางที่ไม่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปในหัวใจ มันเหมือนกับผู้หญิงที่น่ารักและน่าสนใจ แต่มีหัวใจที่เย็นชา

 

ความรู้สึกนี้เพียงพอที่จะนำความทรงจำอันเจ็บปวดมากมายที่ทำให้เขารู้สึกไม่สอดคล้องกันจากก้นบึ้งของหัวใจออกมา เขาไม่ต้องการที่จะติดอยู่ในที่แห่งนี้ แต่เมื่อเขาคิดถึงตัวเอง ช่วยไม่ได้ที่เขาได้แต่ถอนหายใจ "โชคไม่ดีอะไรแบบนั้น" เขาหยิบลูกอากาศธาตุออกจากกระเป๋า เล่นกับมัน และมองอย่างเงียบๆและคิดว่าเขาอาจจะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนในชีวิตนี้ "ทำไมแกถึงไม่เรืองแสง?" เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงอาทิตย์มองไปที่ลูกแก้วมันทำให้เขารู้สึกท้อแท้มาก

 

"นายน้อย?" มีคนกล่าวอย่างนุ่มนวลอยู่ข้างหลังเขา

 

เนื้อตัวของเย่วซิงหดเกร็งขึ้น เขารู้สึกว่าความรู้สึกหดหู่ที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้งมันทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว เขาหายใจเข้าและมองกลับ เขาเห็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีตะกร้าสวมเสื้อผ้าของข้าราชการ เธอเป็นเหมือนผู้หญิงชราปกติ เธอเดินช้า ตาของเธอเบลอ

 

เมื่อเธอเห็นเด็กมองย้อนกลับมาเธอก็ตกใจ ตะกร้าของเธอตกลงกับพื้นผลเมล่อนหล่นไปทั่วทุกแห่ง เธอดูเหมือนจะได้เห็นอะไรบางอย่างที่น่าตกตะลึง "นายน้อยกลับมาแล้ว?" เธอจับมือเย่วซิงอย่างตื่นเต้นและพูดซ้ำไปมา "คุณกลับมาแล้วในที่สุด ถ้านายท่านรู้เขาคงจะ ... "

 

"ขอโทษด้วยคุณคงจำคนผิด"

 

แม่บ้านชราตะลึง เธอจ้องที่เย่วซิงซึ่งทำให้เธอประหลาดใจจนพูดไม่ออก

 

"ฉันไม่ใช่นายน้อยคุณคงสับสน" เย่วซิงก้มลงมาช่วยเธอหยิบผักและผลไม้บนพื้นแล้ววางไว้ในมือ "ฉันต้องไปแล้ว ผมจะเสียเวลาไม่ได้"

 

แม่บ้านชรามองเย่วซิงอย่างผิดหวัง เธอก้มหัว "ขอโทษ" เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอถือตะกร้าและเดินจากไป ในบางครั้งเธอจะมองกลับไปที่เด็กผู้ชาย เธอดูโศกเศร้ามาก

 

ไม่นานหลังจากนั้นเย่วซิงก็มองไม่เห็นเธอ

 

"ทุกอย่างโอเคนะ?" เซตันถามขณะที่เย่วซิงกลับมาที่ร้าน

 

"อืม." เย่วซิงยิ้ม "ผมเห็นบางสิ่งบางอย่างผมตระหนักว่า Avalon เป็นสถานที่น่ากลัวในบางครั้งคุณจะไม่มีวันรู้ว่าคุณวิ่งหนีอะไรอยู่ เพราะคุณไม่มีทางเห็นมัน"

 

"ถ้าแกไม่ต้องการออกไปข้างนอก แกสามารถเดินดูในร้านได้"

 

"ไม่เป็นไร." เย่วซิงส่ายหัว "ตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะเป็นปัญหามากที่จะออกไปข้างนอก แต่ตอนนี้มันดูปกติดี"

 

"โอ้ดีที่แกชินกับมัน"

 

"ฟิลอยู่ที่ไหนคุณเห็นมันไหม?"

 

"มันออกไปเองดูเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง"

 

"อ่า ... " เย่วซิงคิดอะไรบางอย่างการแสดงออกของเขาดูแปลกๆ ฟิลไปทำเรื่องแปลก ๆ อีกหรือเปล่า? เขาได้แต่สงสัย

 

ความกังวลของเย่วซิงถูกต้องอีกครั้ง ค่ำคืนนั้นเย่วซิงถูกปลุกให้ตื่นจากการเห่าของฟิลที่ประตูหลัง เขากรีดร้องและลุกขึ้นเพื่อเปิดประตู เขาถอนหายใจอีกครั้ง ฟิลเก่ายังคงนิสัยเสียเช่นเคย

 

ในอดีตก็มีเช่นนี้ที่มันมักจะวิ่งไปรอบ ๆ ในเวลากลางคืนนำของแปลก ๆ กลับมาเช่นหนูตายกระต่ายตาย งูตาย ของเล่นเด็กคนอื่น หรือเหรียญและกระเป๋าที่ตกบนพื้นดิน ไม่ต้องพูดถึงตั้งแต่ฟิลได้พัฒนานิสัยนี้ กระเป๋าของเย่วซิงหนากว่าที่เคย! แต่สิ่งที่ไม่ดีคือสิ่งที่ฟิลตัดสินใจที่จะนำกลับมาเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เลย! เช่นเดียวกับบรรดาขวดเล็ก ๆ ลึกลับที่ขายโดยชาวอินเดียนแดงคุณไม่รู้สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายในคืออะไร!

 

ฟิลโผล่ขึ้นมา เย่วซิงรู้สึกถึงความอ่อนแรงของมันและปลดล็อกสลักเกลียวออก "อย่ากังวล อย่ากังวล ฉันจะเปิดประตูให้แก เข้ามาเถอะให้ฉันดูว่าแกมีอะไรมาให้ ... เหี้ย..!"

 

ข้างนอกประตูฟิลนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นอย่างภูมิใจพร้อมลิ้นที่ยื่นออกมา

 

เย่วซิงตัวแข็งจากอาการตะลึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด