ตอนที่แล้วบทที่ 2 พลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 คำสั่งแรก

บทที่ 3 เจ้าป่วย ข้าสามารถรักษาเจ้าได้


ระดับขัดเกลาร่างกายมีทั้งหมด 9 ขั้น ขั้น 1-3 เรียกว่าขั้นต้นของระดับขัดเกลาร่างกาย ขั้น 4-6 จะเรียกว่าขั้นกลาง และขั้น 7-9 จะเรียกว่าขั้นสูง นักรบที่อยู่ระดับขั้นต่างกันจะมีความแตกต่างในแง่ของพลังมาก

 

และยิ่งขั้นสูงเท่าไหร่ ยิ่งเห็นความแตกต่างได้มากขึ้นเท่านั้น นักรบที่อยู่ขั้น 9 เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบที่อยู่ขั้น 8 จะได้เปรียบอย่างท่วมท้น อย่างไรก็ตาม หากนักรบที่อยู่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้น 1 ต่อสู้กับนักรบที่อยู่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้น 2 มันจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

 

ก่อนหน้านี้ หลิงหานอยู่เพียงแค่ขั้น 2 ต่ำกว่าฉางหยวน แต่มีความแตกต่างกันมากระหว่างพวกเขา แต่ทว่า หลิงมู่หยุนอยู่ในระดับขัดเกลาร่างกายขั้น 7 ซึ่งอยู่ในขั้นสูงของระดับขัดเกลาร่างกาย

 

นี่เป็นช่องว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ แม้ว่าหลิงหานจะเคยเป็นนักรบที่อยู่ระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาไม่สามารถทำลายความต่างของพลังนี้ได้ ทั้งหมดทั้งมวล นั่นเป็นเพราะรากฐานวิญญาณในตอนนี้ของเขายังต่ำเกินไป

 

แล้วเขาควรทำเช่นไรดี?

 

สายตาของหลิงหานกลายเป็นจริงจัง และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ฝ่ามือกำลังพุ่งมาหาเขา และปล่อยหมัดโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว

 

หลิงมู่หยุนไม่อาจปกปิดใบหน้าที่เย้ยหยันของเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหลิงหานมาที่นี่ได้อย่างไร แต่เขาเป็นเพียงแค่เศษขยะของตระกูลหลิง แล้วเขาจะสร้างภัยคุกคามให้กับเขาได้อย่างไร?

 

เขาโคจรพลังและกล้ามเนื้อบนหน้าอกของเขาแข็งแกร่งขึ้นราวกับเหล็ก แล้วถ้าเขารับหมัดของหลิงหานมันจะเกิดอะไรขึ้น? สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือกำจัดหลิงหาน และไม่เปิดโอกาสให้เขาเปิดปากพูด

 

ในตอนนั้นเอง

 

ที่มุมปากของหลิงหานโค้งขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ปฏิกิริยาของคนอื่นๆอยู่ในการคาดเดาของเขาไว้แล้ว "ครั้งนี้แหละพวกเจ้าจะได้เจอดี!"

 

"ปัง!" เพราะหลิงมู่หยุนไม่ได้หลบการโจมตีแม้แต่น้อย หมัดของหลิงหานจึงปะทะอย่างจัง

 

หลิงมู่หยุนยังคงดูถูกขณะเหยียดมือออกไปและวางบนไหล่ของหลิงหาน "น้องหาน ข้าจะส่งเจ้า..." เขายังพูดไม่ทันจบก็ต้องถ่มเลือดออกมา แต่มันยังไม่พบเพียงเท่านี้ เขารู้สึกว่าหน้าอกของเขากำลังเดือด ราวกับว่าอวัยวะภายในทั้งหมดของเขากำลังทะลักออกมา

 

จากนั้นเขาทรุดตัวลงทันที และนั่งอยู่กับพื้น การแสดงออกทางสีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก

 

"ตึก ตึก ตึก" หลิงหานก้าวถอยหลังออกไปเจ็ดก้าว เขาหยุดเคลื่อนที่เมื่อหลังของเขาชนเข้ากับกำแพง

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

หลิงหานไดใช้เทคนิคพิเศษในหมัดเมื่อครู่ มันชื่อว่า "หมัดทลายภูผา" มันมีอำนาจที่จะทะลวงผ่านการปกป้องของฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะเกิดการระเบิด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลิงยู่หยุนที่ใช้พลังของเขาในการป้องกัน แต่พลังของหลิงหานยังคงทะลวงผ่านกล้ามเนื้อของเขาไปได้ และทำให้เกิดการระเบิดภายในร่างกายของเขา มันจึงกลายเป็นการโจมตีทีรุนแรงมากสำหรับหลิงมู่หยุน

 

นี่ต้องหลิงมู่หยุนที่อยู่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้น 7 มิฉะนั้น เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกำปั้นของเขา หรืออาจถึงนั้นเสียชีวิตเลยก็เป็นได้

 

เมื่อดูถูกนักรบระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เหมือนกับนำปัญหามาให้ตัวเอง

 

ยังไงซะ ระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 7 ยังไงก็คือระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 7 ผลกระทบจากการโจมตีของเขา มันทำให้เขาต้องกระเด็นถอยหลังไปและแขนหลุด

 

"แคร๊ก!" หลิงหานใช้แขนซ้ายของเขาบิดแขนขวาให้เข้าตำแหน่งเดิม

 

จนกระทั่งเวลานั้นเอง หลิงฉงควนและกลุ่มของเขาก็รู้สึกตัว พวกเขาทุกคนโกรธเกรี้ยวและตกตะลึง ที่พวกเขาโกรธมันเป็นเพราะหลิงหานทำให้หลิงมู่หยุนได้รับบาดเจ็บ ส่วนเรื่องที่พวกเขาตกตะลึงนั่นเป็นเพราะว่ามันเป็นไปได้ยังไงกันที่เศษขยะของตระกูลถึงทำเช่นนี้ได้?

 

ในขณะเดียวกัน สาวใช้บางคนกลับรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่า นี่คือนายน้อยหานที่พวกนางรู้จัก? เขาทำแบบนั้นได้ยังไง เพียงแค่หมัดเดียวถึงกับทำให้นายน้อยมู่หยุนที่เป็นอัจฉริยะของตระกูลได้รับบาดเจ็บถึงขนาดถ่มเลือดออกมาจากปาก!

 

"เจ้าเดรัจฉาน เจ้ากล้าดียังไงถึงทำเช่นนั้น!" หลิงฉงควนตะโกนออกมา "มู่หยุนแค่เป็นห่วงเจ้า เขาต้องการพาเจ้ากลับไปที่ห้อง แต่เจ้ากลับทำเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!"

 

เขาเป็นพวกเหลี่ยมจัด และใส่ร้ายหลิงหานทันที

 

หลิงมู่หยุนหายใจถี่มาก เมื่อดวงตาของเขาจับจ้องมองไปที่หลิงหาน ทำให้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาเป็นถึงอัจฉริยะของตระกูลหลิง แต่กลับได้รับบาดเจ็บจากเจ้าเศษขยะนี่ แล้วเขาจะยอมรับมันได้อย่างไร?

 

หลิงหานเมินพวกเขาทั้งคู่ และหันหน้าไปมองหลิวยวี่ตงแทน "แม่นาง เจ้ากำลังป่วยอยู่!"

 

นี่มัน!

 

หลิงฉงควนกำลังจะเคลื่อนไหว แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น เขาถึงกับหยุดนิ่งทันที

 

อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์จากสำนักหู่หยาง สำนักหู่หยางก่อตั้งโดยตระกูลราชวงศ์แห่งอาณาจักรสายฝน บรรดาผู้ที่ได้เข้าร่วมสำนักได้จะต้องมีภูมิหลังที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่และอาจมีคนที่อยู่กว่าระดับหลอมรวมธาตุอยู่เบื้องหลัง

 

อย่างไรก็ตาม หลิงหานกลับบอกว่าอีกฝ่ายป่วย...หรือเขากำลังแกว่งเท้าหาความตาย?

 

"ยอดเยี่ยม นี่มันจะทำให้ติงหลงชิงมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย" หัวหน้าพ่อบ้านคิด ใครบางคนจะมาทำงานสกปรกให้กับเขา และเขาก็จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมาได้อย่างง่ายดาย "วิเศษ มันช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! หลิงตงชิง ฮ่าฮ่าฮ่า หลิงตงชิง เจ้าคงไม่คิดว่าลูกชายเจ้าไม่เพียงแต่จะเป็นเศษขยะเท่านั้น แต่ยังพาคนมาทำลายเจ้าด้วย!"

 

เมื่อหลิวยวี่ถงหันไปมองหลิงหาน ดวงตาของนางเผยให้เห็นถึงความรังเกียจ

 

นางเกิดมาพร้อมกับความงดงาม และเป็นถึงองค์หญิงของหนึ่งในแปดตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิ ตระกูลหลิว ตระกูลหลิวเป็นตระกูลที่อยู่ต่ำกว่าตระกูลราชวงศ์เท่านั้น และโดยธรรมชาติแล้ว นางไม่ได้ขาดแคลนชายหนุ่มที่พยายามเอาใจนางเลยสักนิด บางคนถึงขั้นทำตัวตรงกันข้าม แกล้งทำเป็นเย็นชากับนางเพื่อดึงดูดความสนใจ

 

นางคิดว่าหลิงหานเป็นเหมือนคนพวกนั้น แค่เปลี่ยนวิธีการเป็นด่าทอนาง... นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอคนใช้วิธีนี้ แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้นางรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด มีเพียงแค่ความรังเกียจเท่านั้น

 

"เจ้ากล้าดียังไง!" หลิงฉงควนกล่าวในช่วงเวลาที่เหมาะสม "คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ และรีบกล่าวขอโทษแม่นางหลิวซะ!"

 

หลิงหายิ้มออกมาอย่างสงบ "ในโลกใบนี้ นอกเหนือจากพ่อแม่ของข้าแล้ว ข้าจะไม่คุกเข่าให้ใครทั้งสิ้น!" เขากำลังจ้องมองหลิวยวี่ถง และเดินไปหานาง แล้วหยุดเดินเมื่ออยู่ห่างนางออกไปประมาณสามก้าว

 

นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่านี่คือขีดจำกัดของอีกฝ่าย ถ้าเขาเข้าไปใกล้นางมากกว่านี้ นางจะต้องตอบโต้อย่างแน่นอน

 

เขาไม่อยากเจ็บตัว

 

"ตั้งแต่ท่านอายุสิบปี ท่านมักหมดสติไปทุกปีโดยไม่ทราบสาเหตุใช่หรือไม่? และยิ่งนานเข้า มันยิ่งเป็นบ่อยขึ้น จนในปัจจุบัน ท่านอาจหมดสติเป็นประจำทุกๆสิบวัน" หลิงหานกล่าวเสียงแผ่วเบา มีเพียงแค่หลิวยวี่ถงเท่านั้นที่สามารถได้ยินคำพูดของเขา

 

สีหน้าของหลิวยวี่ถงเปลี่ยนไป อาการเจ็บป่วยของนางมีเพียงคนที่ถูกเลือกไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ แม้แต่ในตระกูลหลิวเองก็เป็นเช่นนั้น แล้วหลิงหานรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? นางไม่อาจมองข้ามหลิงหานไปได้ นางจึงถามหลิงหานว่า "เจ้ารู้สาเหตุงั้นรึ?"

 

"แน่นอน!" หลิงหานพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ มิฉะนั้น เขาคงไม่พูดเรื่องน่าทึ่งแบบนั้นออกมา "มันเป็นเพราะเส้นโหลิตสามหยินไร้ลักษณ์ มันเป็นคำสาปจากพระเจ้า บรรดาผู้ที่ครอบครองเส้นโลหิตสามหยินไร้ลักษณ์ส่วนใหญ่จะมีอายุได้ถึง 20 ปีเท่านั้น นั่นเป็นเพราะระหว่างที่ท่านอายุยี่สิบปี ท่านจะหมดสติอีกครั้ง และไม่กลับมาตลอดกาล"

 

หลิวยวี่ถงถึงกับเงียบ แต่นางเชื่อคำพูดของหลิงหานเพราะอาการของนางเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวของนางได้พานางไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่ทว่าไม่มีหมอคนไหนสามารถทำอะไรได้ จนขั้นยังไม่รู้จักชื่อโรคเลยด้วยซ้ำ แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งคาดเดาว่าอาการของนางจะหนักขึ้น และวันหนึ่งนางอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีก

 

ตอนนี้ นางรู้แล้วว่านางป่วยเป็นโรค แล้วมันยังไงล่ะ? หมอที่มีชือเสียงทุกคนในอาณาจักรสายฝนยังทำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นนางจึงไม่คิดว่าหลิงหานจะมีวิธีช่วยนาง

 

"ข้าสามารถรักษาท่านได้" หลิงหานกล่าวออกไป

 

หัวใจของหลิวยวี่ถงถึงกับสั่นคลอน แต่ใบหน้าของนางยังคงนิ่งเฉย"ถ้าเจ้ารู้วิธีรักษาข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าเป็นคนของสำนักอย่างเป็นทางการได้ หรือแม้แต่ทำให้เจ้ามีทรัพยากรนับไม่ถ้วนสำหรับบ่มเพาะพลัง"

 

หลิงหานรวบรวมรอยยิ้ม "มีแค่ทางเดียวที่จะรักษาเส้นโลหิตสามหยินไร้ลักษณ์ได้ นั่นคือต้องฝึกฝนทักษะสามหยินไร้ลักษณ์ และบังเอิญที่ข้ารู้จักทักษะนี้พอดี ข้าสามารถสอนท่านได้ แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ ท่านจะต้องมาเป็นผู้ติดตามของข้า"

 

หลิวยวี่ถงไม่อาจห้ามปรามความโกรธที่อยู่ภายในใจของนางได้ นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งตระกูลหลิว และเป็นอัจฉริยะ ตอนที่นางอายุ 17 ปี นางได้บรรลุระดับหลอมรวมธาตุขั้นที่ 8 และตอนนี้เจ้าเด็กน้อยที่อยู่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 2 กลับต้องการให้นางเป็นผู้ติดตามของเขา? เขาไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญแบบนี้มาจากไหนกัน?

 

"อย่าได้เข้าใจผิด เพราะข้าสามารถทำให้ท้องฟ้าของท่านเปิดกว้างมากขึ้นได้ ข้าสามารถช่วยให้ท่านไปถึงระดับที่สูงในโลกแห่งการต่อสู้ใบนี้ได้ ดินแดนสาบสูญที่ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด, สี่หุบเขาแห่งความตาย, สามมหาสมุทรไร้ขอบเขต ท่านเคยเห็นพวกมันมาก่อนไหม?" หลิงหานกล่าวล่อใจนาง แม้ว่าเส้นโลหิตสามหยินไร้ลักษณ์จะเป็นคำสาปโดยธรรมชาติ แต่ทุกอย่างย่อมมีความหวัง คนที่มีเส้นโลหิตสามหยินไร้ลักษณ์ได้มักครอบครองรากฐานวิญญาณระดับสวรรค์ หากฝึกฝนทักษะสามหยินลึกลับ มันจะทำให้ผู้ที่ครอบครองทะยานสูงขึ้นไปอีก

 

หลิวยวี่ถงไม่อาจหยุดความทะเยอทะยานที่เกิดขึ้นภายในใจของนางได้ นางมีความปรารถนาอันแรงกล้าต่อศิลปะการต่อสู้ และมันคือเป้าหมายทุกอย่างในชีวิตของนาง

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด