ตอนที่แล้วบทที่ 145 หนานเหมินหยาง! ยอดบุรุษ!  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 147 เกิดมาเพื่อต่อสู้

บทที่ 146 ความเศร้าโศกของจั่วม่อ  


 

หยานเล่อสีหน้าแปลกพิกลยิ่ง มันเป็นผู้ดูแลกิจการ ย่อมมีทักษะในการอ่านริมฝีปากเป็นธรรมดา หลายคนที่สามารถอ่านริมฝีปากก็เป็นเช่นเดียวกันกับหยานเล่อ ล้วนตะลึงงันกับการจู่โจมทางวาจาอันรุนแรงของหนานเหมินหยาง

สภาพแวดล้อมเงียบสงัดเกินไป เงียบจนแปลกประหลาด หยานเล่อตะกุกตะกักอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังไม่สามารถกล่าววาจาออกมา ความเงียบอันพิสดารนี้ ประหนึ่งแรงกดดันพิลึกพิลั่นชนิดหนึ่ง ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าววาจาในตอนนี้

เผยเหยียนหรานในใจสับสนยุ่งเหยิง สูญเสียความสามารถในการคิดไปอย่างสมบูรณ์ ฉากแปลกประหลาดที่อยู่ตรงหน้า เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้หลังอูฐ ภูมิปัญญาทั้งหมดของมัน ประสบการณ์ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง สายตาของมันว่างเปล่า

ไฉนสำนักจึงมีศิษย์เจ้าปัญหาเช่นนี้...

ว้อง ว้อง ว้อง

ทีแรกแผ่วเบ้าหมือนเสียงผึ้งกระพือปีก เสียงอุทานระคนวิพากษ์วิจารณ์ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็อึงอลเป็นสายฝนตกหนัก เหมือนน้ำท่วมกวาดมาพร้อมกัน ทุกคนรู้สึกในหูดังหึ่งหึ่ง ในไม่ช้าก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

หลังจากนั้นสักครู่ คลื่นเสียงค่อยซาลง กลายเป็นสงบราบเรียบดังเดิม

ตกใจ ประหลาดใจ อัศจรรย์ใจ ... ทุกอารมณ์ผสมผสานเข้าด้วยกัน ปรากฏบนใบหน้าของผู้เข้าชม ไม่มีผู้ใดสามารถสงบใจลงได้

“หนานเหมินหยางผู้นี้ ฝีปากคมกล้าเสียยิ่งกว่ากระบี่บิน!” หยานเล่ออดชื่นชมไม่ได้ ไม่ผิด มันชื่นชมจากใจจริง! ตัวมันมากด้วยประสบการณ์ในสังคม ทราบดีว่าหลายต่อหลายครั้ง ฝีปากมีประสิทธิภาพมากเพียงใด

สือฟ่งหรงรีบถามไถ่ พอฟังหยานเล่อเล่าความเรื่องถ้อยคำของหนานเหมินหยางเสร็จสิ้น คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าโง่งม

ผู้ใดจะคาดคิดว่าบุรุษที่ดูหยาบกระด้างเช่นนี้ จะสามารถกล่าววาจาร้ายกาจเช่นนี้ออกมา

อ้อ บางทีหนานเหมินหยางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

คนเดียวที่อาจจะไม่คิดไปในทิศทางนี้ มีเพียงเทียนซงจื่อเท่านั้น เทียนซงจื่อสามารถจินตนาการได้ว่าไฟโทสะที่อัดแน่นอยู่ในใจ แผดเผาให้ศิษย์รักของมันเสียสติไปได้อย่างไร! ชัดเจนแจ่มแจ้งราวกับว่ามันประสบด้วยตัวเอง ใบหน้าชราของมันเต็มไปด้วยรังสีสังหาร

ในเวลานี้ เหล่าเจ้าสำนักรอบข้างย่อมไม่แตะต้องจุดเจ็บปวดของมัน เทียนซงจื่อที่สามารถควบคุมตงฝูไว้ได้ตลอดมา ไม่ใช่เพียงเพราะมรดกที่บรรพชนของมันทิ้งไว้เบื้องหลังเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของมันเองก็ยังลึกล้ำสุดหยั่งคาดอีกด้วย

ประโยค ‘ยอดบุรุษ ใช้กระบี่ใหญ่!’ แพร่กระจายไปในหมู่ซิวเจ่อทั้งหลายอย่างรวดเร็ว บรรดาซิวเจ่อที่ใช้กระบี่ยักษ์พากันยืดอกเชิดหน้าเป็นการใหญ่ อย่างไรก็ตาม ฝูงชนส่วนมากกลับดูคล้ายพวกมันไม่ทราบว่าจะหัวร่อหรือร่ำไห้ดี

ทุกคนในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

เผยเหยียนหรานสายตาว่างเปล่าค่อยจางหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีขีดจำกัดของมัน บางครั้งขีดจำกัดที่ว่านี้ก็จะแปรเปลี่ยนไป เนื่องจากธรรมชาติของเรื่องราวเปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกันกับการใช้วิชาค่ายกล ก่อนหน้านี้ เผยเหยียนหรานอับอายขายหน้ามาก อย่างไรก็ตาม เมื่อขบวนค่ายกลที่จั่วม่อก่อตั้งขึ้นมา ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ ทั้งยังดึงดูดกลุ่มยอดฝีมือให้บุกเข้าไปภายใน เผยเหยียนหรานในใจก็ค่อนข้างภาคภูมิใจ

ศิษย์ของพวกเจ้า สามารถใช้ค่ายกลก่อกวนจนวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้หรือไม่?

ท้ายที่สุดไม่ว่าค่ายกลของจั่วม่อจะพ่ายแพ้หรือได้ชัย หลังจากงานประลองจบลง บางทีอาจมีคนล้อเลียนหวีป๋าย แต่แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดเยาะหยันจั่วม่อกับค่ายกลของมัน

พวกมันในที่สุดก็ล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความอยากรู้ของผู้คนไม่ได้ลดน้อยลง ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ด้านในค่ายกลเกิดอันใดขึ้น?

ยอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น เข้าไปรวมกันอยู่ภายในค่ายกลขบวนเดียว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นไรบ้าง?

พวกมันจะแก้ค่ายกลได้หรือไม่?

ทุกผู้คนกระหายใคร่รู้อย่างที่สุด!

ในเวลานี้เอง เสี่ยวกั่วพลันร้องออกมาอย่างแปลกใจ “ค่ายกลของศิษย์พี่ ดูเหมือนว่า...ดูเหมือนว่าจะใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม!”

วาจาของเสี่ยวกั่ว ทำให้ดวงตาของผู้คนจ้องไปยังค่ายกลของจั่วม่อในทันที

ซินหยานกล่าวอย่างฉับพลัน “ไม่ผิด มันใหญ่โตขึ้นจริงๆ”

เผยเหยียนหรานกับพวกอดเผยสีหน้าประหลาดใจอีกครั้งไม่ได้ เหล่าศิษย์อื่นๆ ก็สับสนงุนงง

 

ตรงนี้คนหนึ่ง นี่อีกคน ตรงนั้นก็อีกคน...

กำลังเร่งรีบก่อตั้งค่ายกลอยู่ดีๆ จั่วม่อกลับต้องเหม่อมองอย่างโง่งม คนเหล่านี้กำลังทำอะไรกัน? พวกเจ้าเสียสติกันไปหมดแล้วหรือ?

มันเพียงชะงักงันไปชั่วอึดใจเดียว จากนั้นก็บันดาลโทสะอย่างรุนแรง

เพียงแค่จงหมิงเอี้ยนคนเดียว ก็เพียงพอให้มันเหน็ดเหนื่อยแทบตายแล้ว พวกเจ้ากำลังฉวยโอกาสถมหินลงบ่อหรือไร!

ถูกต้อง จั่วม่อปักใจทันทีกับพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ...ฉวยโอกาสถมหินลงบ่อ!

แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้ ที่แท้มีความความแค้นอะไรกับมันมากมายถึงเพียงนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาเพื่อช่วยเหลือมันแน่ๆ

ฉวยโอกาสถมหินลงบ่อคือการกระทำที่น่ารังเกียจที่สุด! จั่วม่อกัดฟันอย่างเคียดแค้น!

(*ถมหินลงบ่อหมายถึงเหยียบย่ำซ้ำเติมในตอนที่กำลังลำบาก)

ในเวลานี้ มันไม่หลงเหลือความคิดจะเอาชนะอีกต่อไป ยอดฝีมือมากมายถึงเพียงนี้พากันบุกเข้ามาในค่ายกล หากยังคิดหวังชัยชนะอีก ไยมิใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระ?

คนร้าย! พวกเจ้ากลุ่มคนร้าย! เกอขอสู้ตายกับพวกเจ้าแล้ว!

จั่วม่อคล้ายเห็นม้วนหยกคุนหลุนโบกมืออำลามันอย่างไม่เต็มใจ ลอยหายไปจนลับตา มันทั้งเดือดดาลทั้งเศร้าโศก ความเศร้าโศกระคนเดือดดาลจากความเสียหายอันร้ายแรงนี้ ทำให้มันตัดสินใจอย่างรวดเร็ว มันจะให้ผู้คนที่ฉวยโอกาสถมหินลงบ่อเหล่านี้ ได้รับบทเรียนที่ต้องจดจำไปจนวันตาย!

คิดฉวยโอกาสจากเกอหรือ? เกอจะเลาะฟันพวกเจ้าทุกคน!

มันไม่คิดถอยหนี ดวงตาแดงฉาน สรรค์หาถ้อยคำร้ายกาจอันตรายที่สุด มาก่นด่าสาปแช่งกลุ่มคนบัดซบฝูงนี้! ในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนไหวของมันก็รวดเร็วขึ้นไปอีกขั้น วัตถุดิบทั้งหมดไหลออกจากมือ ราวกับไม่ได้ใช้จิงสือซื้อหามา

จั่วม่อรู้สึกเหมือนเลือดทุกหยดในร่างกายถูกเผาไหม้ พิโรจโกรธกริ้วถึงที่สุด!

 

“อ๊า! ค่ายกลยังคงขยายตัวขึ้น!”

“มันใหญ่โตขึ้นจริงๆ!”

“เจ้าไม่ได้ยินหนานเหมินหยางกล่าวหรือไร? ต้องใหญ่! ต้องใหญ่! ต้องใหญ่ขึ้นอีก!”

“หากข้าเป็นจั่วม่อ ข้าจะหนีออกมาก่อนเลย เพราะทุกคนติดอยู่ในนั้น! ฮา!”

“หนี? มันยังจะหนีไปที่ใด? ทันทีที่มันออกมาจากค่ายกล ก็เท่ากับแส่หาที่ตาย! ทุกคนที่เหลืออยู่ข้างนอกล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่ามัน ไม่มีค่ายกลคอยปกป้อง มันยิ่งจะตายไวกว่าเดิม”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ไปทั่วทุกมุมเมือง ทุกคนยังงุนงงว่าไฉนค่ายกลของจั่วม่อเริ่มใหญ่โตขึ้น แต่ในการคาดเดาทุกฉบับ ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้ว่าจั่วม่อวางแผนการใดอยู่ หรือว่าจั่วม่อยังคงหลงละเมอเพ้อฝันคิดจัดการกับทุกคนในค่ายกล?

ไม่มีผู้ใดจะคิดเช่นนั้น ภายในค่ายกลมียอดฝีมือมากเกินไป!

ยกเว้นเหวยเสิ้งกับกู่หรงผิงแล้ว ชนชั้นยอดฝีมือทั้งหมดในงานประลองชุมนุมวิจารณ์กระบี่ครั้งนี้ ล้วนอยู่ภายในนั้น!

 

เพียงแค่ยอดฝีมือเหล่านี้สักคน จั่วม่อก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย นับประสาอะไรกับเหล่ายอดฝีมือมารวมตัวกันทั้งหมด ทุกคนเพียงแค่ใช้คนละกระบวนท่าพร้อมกัน ค่ายกลขบวนใหญ่นี้จะต้องแตกสลายอย่างแน่นอน

แตกสลาย?

จั่วม่อทราบกระจ่างว่าผู้คนในค่ายกลคิดอย่างไร ในใจมันยิ้มหยันอย่างเย็นชา สองมือไม่เคยช้าลง ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์เป็นค่ายกลระดับสี่ หากไม่มีความร้ายกาจอยู่บ้าง ไหนเลยจะถูกจัดไว้ในระดับสี่ได้?

บางทีพวกมันอาจสามารถทำลายค่ายกล แต่ไม่ใช่ว่าจะทำลายได้ในหนึ่งหรือสองกระบวนท่าอย่างแน่นอน หากพวกมันหาประตูตายของค่ายกลไม่พบ คิดแก้ค่ายกลหรือทำลายค่ายกลด้วยพลังอย่างซึ่งๆ หน้า อย่าได้เพ้อฝันไปแล้ว

ประตูตายของค่ายกล ไม่ใช่ว่าจะหาพบได้อย่างง่ายดาย...

จั่วม่อลงมือด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้ค่ายกลขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเหล่าซิวเจ่อที่อยู่นอกค่ายกลค้นพบเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่ไม่มีผู้ใดกล้าบุกเข้าสู่ค่ายกลอีก

ค่ายกลในเวลานี้ กลายเป็นพื้นที่อันตรายที่สุดในหอคลื่นสน!

 

ซู่เมื่อเข้าสู่ค่ายกล นางรู้สึกในสายตาพร่าเบลอ จากนั้นก็มาอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แสงจันทร์เย็นอาบไล้ลงมาดั่งสายน้ำ นางรู้สึกคล้ายล่องลอยอยู่ในความฝัน

กวาดตามองรอบด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างเลือนราง ไม่มีที่สิ้นสุด นางกลับไม่ทราบว่าจะเริ่มจากที่ใด

เจ้าคนบัดซบที่กินข้าวต้ม! ไฉนไม่ปล่อยนกกระเรียนกระดาษออกมา?

นางในใจกระวนกระวายถึงที่สุด! กลับลืมเลือนไปอย่างสิ้นเชิง ว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ จั่วม่อยังไม่เคยพึ่งพานาง และไม่ได้รับประทานข้าวต้มอีกด้วย

(*เกี่ยวกับผู้ชายที่กินข้าวต้ม ใช้เปรียบเทียบกับคนที่เกาะภรรยากินตามที่อธิบายในตอนที่แล้ว เพิ่มเติมคือ หมายความว่ามันขี้เกียจกระทั่งจะเคี้ยวข้าวสวยนั่นแหละ จึงต้องต้มข้าวต้มให้กิน มันจะได้ไม่ต้องเคี้ยว)

 

หนานเหมินหยางเมื่อบุกทะลวงเข้าสู่ค่ายกล ก็ตกอยู่ในความรู้สึกคลั่งไคล้การต่อสู้ มันเร่งเร้าเคล็ดวัชระจนถึงขีดสุด ตลอดทั้งร่างห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง รวมกับร่างสูงใหญ่กำยำ แทบไม่ต่างอันใดกับเทพนักรบลงสู่โลกหล้า!

มันกู่ก้อง กระบี่ผ่าภูผาสับฟันอย่างรุนแรง!

กระบี่นี้ฟันใส่กลุ่มวงแหวนแสงบนท้องฟ้า

ปราณกระบี่ที่กร้าวแกร่งสุดขั้วพวยพุ่งออกจากกระบี่ เปล่งเสียงคำราม ทะยานเข้าหาฝูงวงแหวนแสงกลางเวหา

เสียงระฆังดังสะท้อนสะท้านไร้ที่สิ้นสุด ประหนึ่งขวดแก้วนับไม่ถ้วนแตกกระจายติดต่อกัน

 

กุ่ยฟงผู้ที่เพิ่งจะเข้ามา เห็นฉากนี้เข้าพอดี พลันสะดุ้งสุดตัว กระบวนท่าอหังการกระไรเช่นนี้! หากกระบี่นี้ฟันใส่มัน ไม่ว่าจะต้านรับหรือหลบหลีก ล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายดาย!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้มันประหลาดใจ คือแม้แต่กระบี่ที่มันยังรู้สึกยากรับมือ กลับไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อค่ายกลแม้แต่น้อย ราวกับกระบี่อันแหลมคมรุนแรงแทงใส่ผิวน้ำ หลังจากระลอกคลื่นผ่านพ้นไป ผิวน้ำก็กลับราบเรียบเป็นปกติ

กุ่ยฟงยังพบความแปลกประหลาดอย่างรวดเร็ว มันไล่ติดตามซู่เข้ามาในทันที แต่ไม่พบเงาร่างของซู่ กลับพบพานยอดบุรุษหนานเหมินหยางแทน

ค่ายกลนี้มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายผู้คนหรือไม่?

จิตสำนึกของมันก็ถูกรบกวนโดยระลอกที่มองไม่เห็น ใช้การไม่ได้ภายในค่ายกลแห่งนี้

กุ่ยฟงหัวใจเย็นเฉียบ

แตกต่างจากผู้อื่น มันไม่ได้ดูถูกจั่วม่อแม้แต่น้อย ตัวมันเชี่ยวชาญทักษะปกปิดและซ่อนเร้น และไม่ได้เดินไปในแนวทางอันเที่ยงธรรม แม้พลังบำเพ็ญเพียรสูงส่งกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าชนะอย่างแน่นอน

เห็นผู้คนมากมายถึงเพียงนี้บุกเข้าสู่ค่ายกล แต่ไม่มีผู้ใดค้นพบประตูตาย ต้องการออกจากค่ายกลสมควรไม่ง่ายดายอย่างที่คิด

เช่นนั้นประตูตายอยู่ที่ใด?

เช่นเดียวกับหนานเหมินหยาง หลายคนพอเข้าสู่ภายในค่ายกล สิ่งแรกที่พวกมันกระทำคือลงมือจู่โจม อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ลงมือล้วนประหลาดใจ พวกมันคล้ายโจมตีลงไปในทะเล ไม่มีผลแต่อย่างใด

ยอดฝีมือที่เฉลียวฉลาดบางคน หยุดการโจมตีที่ไร้ประโยชน์ทันที แต่เริ่มคิดหาวิธีแก้ค่ายกลแทน

 

จงหมิงเอี้ยนไม่ได้คาดคิด ว่าผู้คนมากมายจะบุกเข้ามาในค่ายกลพร้อมกัน มันอดขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่ได้

คนเหล่านี้ช่างน่ารำคาญจริงๆ! อย่างกับฝูงแมลงวัน! มันยังไม่ทันจะแก้ค่ายกลได้สำเร็จ แต่คนเหล่านี้ก็สอดมือเข้ามาร่วมสนุกกลางคัน ในใจมันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่ามันจะยังค้นไม่พบประตูตายของค่ายกลนี้ แต่จงหมิงเอี้ยนไม่เชื่อว่ามันจะโค่นศิษย์ด่านจู้จีผู้หนึ่งไม่ได้

แต่เวลานี้ สถานการณ์ถูกรบกวนโดยสมบูรณ์ คนเหล่านี้ไม่ทราบแห่กันมาจากที่ใด แต่ละคนคล้ายสติฟั่นเฟือน พอเข้ามาก็โจมตีไปทุกทิศทุกทาง

ระงับความขุ่นเคืองในใจ จงหมิงเอี้ยนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา เก็บกระบี่เจ็ดดอกเหมย

กลุ่มคนโง่เง่า! ลองให้ข้าชมดูว่าพวกเจ้าจะกระทำอันใดได้!

เมื่อทดลองไปกระบี่หนึ่ง จงหมิงเอี้ยนแน่ใจว่าค่ายกลนี้ไม่ง่ายดายอย่างที่คิด

ในใจมันตื่นตะลึงไม่น้อย ค่ายกลอันร้ายกาจเช่นนี้ ซิวเจ่อด่านจู้จีสามารถก่อตั้งได้ด้วยหรือ? มันแทบเชื่อไม่ลง แต่ความเป็นจริงก็ยืนยันอยู่ต่อหน้าต่อตามันนี่เอง มิหนำซ้ำมันเองยังลองทดสอบมาแล้ว

บางที ใช้คนเหล่านี้เป็นเบี้ยทดสอบเสียเลย อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

จงหมิงเอี้ยนดวงตาเย็นเยือกกว่าเดิม

 

จั่วม่อยังคงฝังตัวอยู่กับการก่อตั้งค่ายกล ความคืบหน้าของมันรวดเร็วมาก มันมาถึงค่ายกลย่อยค่ายที่หกสิบสามแล้ว กล่าวอีกอย่างก็คือ เหลืออีกเพียงเก้าค่ายกลย่อย มันก็จะก่อตั้งค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์เจ็ดสิบสองค่ายกลย่อยสำเร็จ

ค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์ กับเจ็ดสิบสองค่ายกลย่อย!

ฮึ่ม ฮึ่ม พวกเจ้ารอคอยลิ้มรสชาติของดีเถอะ!

กำลังเหน็ดเหนื่อยสุดขีด จั่วม่อจู่ๆ ก็รู้สึกร่างกายเต็มไปด้วยเรี่ยวแรง สองมือขยับเร็วขึ้นอีก กระทำการขยายค่ายกลต่อไป

มันคาดหวังอย่างสูงกับค่ายกลวงแหวนฟ้าสำเนียงจันทร์เจ็ดสิบสองค่ายกลย่อย แม้ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อนก็ตาม! จะมีพลานุภาพถึงขั้นใด? ไม่มีสถานที่ทดสอบที่ดีกว่านี้อีกแล้ว!

ในเวลานี้เอง ภายในค่ายกล ทันใดนั้น เกิดเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถดังกึกก้อง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด