บทที่ 1 เกิดใหม่
อาณาจักรสายฝน ณ ที่พักอาศัยของตระกูลหลิงในเมืองหมอกเมฆา พระจันทร์ได้ลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าในยามกลางคืน
หลิงหานใช้เวลาไป 10 วินาทีเพื่อยืนยันความจริงบางอย่างว่าเขากลับมาเกิดใหม่
หลังจากใช้เวลาไป 10 วินาทีเพื่อยืนยันความจริงสำหรับคนที่แข็งแกร่งจากระดับสวรรค์มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ในเวลาเดียวกัน มันได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
ในชาติที่แล้วของเขา เขาได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้และประสบความสำเร็จวิถีแห่งการปรุงยาที่ไม่เคยมีมาก่อน "ตำราเปลวเพลิงสามดวง" ที่เขาได้คิดค้นขึ้นนั้นทำให้ทฤษฎีการปรุงยาต้องสั่นคลอน และเขาได้รับการยกย่องเป็น "จักรวรรดิปรุงยา"
ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่พึงพอใจ และคิดที่จะก้าวต่อไปให้มากกว่านี้ เพื่อไปให้ถึงระดับตำนานและเพื่อกลายเป็นเซียน! ดังนั้นเขาจึงไปยังโบราณสถานนับไม่ถ้วน และในที่สุดเขาได้เข้าไปในหุบเขาโลหิตทมิฬเพื่อเอาชนะอัตรายนับไม่ถ้วนก่อนที่เขาจะค้นพบหอคอยโบราณ
เขาไม่รู้สึกผิดหวัง ตัวอักษรสีทองที่ปรากฏบนหอคอยโบราณเผยให้เห็นถึงสุดยอมทักษะที่ชื่อว่า คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เมื่อฝึกฝนมันจนในระดับสูงสุดจะทำให้ร่างกายของเขาไม่มีทั้งอายุขัยและไม่เน่าเปื่อยเพื่ออยู่ร่วมกับท้องฟ้าและพื้นปฐพี และมีอายุขัยเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์!
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะเป็นนักรบที่ไปถึงระดับสวรรค์แล้ว หลิงหานยังรู้สึกว่า คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ นั้นช่างยังคลุมเครือและยากที่จะทำความเข้าใจ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังอ่านตำราสวรรค์อยู่ มันเป็นเรื่องที่สูญเปล่าอย่างมาก
เขาบังคับให้ตัวเองจดจำสุดยอดทักษะที่ถูกรวมรวบเอาไว้ และเมื่อเขากำลังจะเริ่มสำรวจหอคอยโบราณ หอคอยได้สั่นสะเทือนเล็กน้อย และได้มีแท่งเสาแสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกมาทำให้ร่างกายมนุษย์ของเขาแตกสลายในทันที อย่างไรก็ตาม มันได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้น วิญญาณของเขาไม่ได้แตกสลายไป และได้เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับไหลนานกว่า 1 หมื่นปี
ในช่วง 1 หมื่นปี วิญญาณของเขายังคงจมปลักเพื่อทำความเข้าใจคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เพราะเขาไม่อาจทำสิ่งอื่นได้ระหว่างช่วงเวลานี้ จนในที่สุด เขาก็เข้าใจส่วนแรกของสุดยอดทักษะที่อธิบายไว้ในคัมภีร์
มันต้องใช้เวลาถึง 1 หมื่นปีเพื่อทำความเข้าใจเพียงแค่ขั้นแรกของทักษะที่อยู่ในคัมภีร์ แม้เขาจะเป็นนักรบระดับสวรรค์ก็ตาม มันเป็นทักษะประเภทไหนกันแน่?
นักรบระดับสวรรค์มีอายุขัยไม่เกิน 1 พันปีเท่านั้น ดังนั้นในสถานการณ์ปกติคงไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่สามารถเรียนรู้เนื้อหาของคัมภีร์สวรรค์ได้ทั้งหมด เพราะก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเข้าใจมัน พวกเขาคงตายด้วยวัยชราเสียก่อน!
แต่หลิงหานได้ผ่านเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เขาได้เข้าใจส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์แล้ว และตอนนี้เขายังกลับมาจุติใหม่ในร่างของชายหนุ่มที่มีอายุแค่ 16 ปีเท่านั้นที่มีชื่อเดียวกับเขา หลิงหาน
มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก!
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าได้กลับมาจุติแล้ว!"
ถึงแม้ร่างกายของเขาจะอยู่เพียงแค่ขั้นที่ 2 ของระดับขัดเกลาร่างกาย และคงไม่มีเรื่องไหนย่ำแย่ไปกว่านี้แล้ว ครั้งหนึ่งข้าเคยเป็นถึงนักรบระดับสวรรค์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศิลปะทั้งมวล และเป็นปรมจารย์นักปรุงยา! ถ้าสภาพร่างกายของข้าน่าสมเพชขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะใช้เม็ดยาเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของตน! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่มีทางกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้งได้
นอกจากนี้ ในที่สุดข้าก็สามารถฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ได้แล้ว! นี่คือคัมภีร์ที่ได้รวมรวบสุดยอดทักษะไว้...มันอาจไม่ได้มาจากโลกมนุษย์ใบนี้ แต่มันอาจมาจากโลกของเซียนในตำนาน! มิฉะนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ข้าต้องใช้เวลาถึง 1 หมื่นปีและเข้าใจเพียงแค่ส่วนแรกเท่านั้น?
ในชีวิตนี้ ข้าจะต้องก้าวข้ามคนเหล่านั้น และกลายเป็นเซียน!
แล้วร่างกายนี้มันคืออะไรกัน? อายุ 16 ปี แต่กลับบรรลุแค่ขั้น 2 ของระดับขัดเกลาร่างกาย? เป็นไปได้ไหมว่าศิลปะการต่อสู้แห่งเต๋าในยุคสมัยนี้กำลังถึงจุดจบ?
"ปัง!"
ความทรงจำนับไม่ถ้วนได้หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขา มันคือความทรงจำของหลิงหานที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้ และหลังจากนั้นจิตใจทั้งสองได้หลอมรวมกันกลายเป็นหนึ่ง
"ข้าเข้าใจแล้ว"
หลิงหานได้พยักหน้ากับสิ่งที่เขาคิด สาเหตุที่เขาบรรลุแค่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 2 มันเป็นเพราะรากฐานวิญญาณของเขามันต่ำเกินไป
สิ่งที่จำเป็นเพื่อฝึกฝนเป็นนักรบคือต้องมีรากฐานวิญญาณ ด้วยรากฐานวิญญาณจะทำให้สามารถดูดซับพลังปราณจากสวรรค์และโลกเพื่อฝึกฝนร่างกายได้ และยังสามารถเปลี่ยนพลังปราณเพื่อเป็นพลังของตัวเองได้
รากฐานวิญญาณของบางคนสามารถดูดซับพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้ที่มีรากฐานวิญญาณต่ำจะทำให้พวกเขาดูดซับพลังปราณได้ช้ามาก เพื่อแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างพวกมัน รากฐานจิตวิญญาณจึงถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ : สวรรค์, โลก, ทมิฬ และเหลือง ทุกระดับจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้น : สูง กลาง และต่ำ ประเภทที่ดีที่สุดคือระดับสวรรค์ขั้นสูง และประเภทที่ต่ำสุดคือระดับเหลืองขั้นต่ำ
ระดับรากฐานวิญญาณถูกตัดสินโดยความบริสุทธิ์ ยิ่งบริสุทธิ์เท่าไหร่ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น รากฐานวิญญาณของหลิงหานนั้นเละเทะเป็นอย่างมากเพราะเขามีถึง 5 ธาตุอยู่ในตัว ในโลกของการต่อสู้ เขาถือเป็นคนที่มีรากฐานวิญญาณที่ย่ำแย่ที่สุด มันไม่ถูกนับว่าอยู่ในระดับเหลืองเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงบรรลุแค่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 2 ทั้งทั้งที่เขาอายุ 16 ปี ขณะที่คนอื่นในวัยเดียวกับเขาอย่างน้อยที่สุดพวกเขาได้อยู่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 4 หรือ 5 แล้ว
ในชีวิตที่แล้วของหลิงหานเขาได้ครอบครองรากฐานวิญญาณระดับสวรรค์ขั้นสูง นั่นคือรากฐานวิญญาณเพลิงเก้าหยาง นอกจากนี้แล้วเขายังมีความสามารถในการปรุงยา และใช้เม็ดยาเพื่อสนับสนุนการบ่มเพาะพลังของเขา เขาใช้เวลาเพียงแค่ 200 ปีเท่านั้นเพื่อไปถึงระดับสวรรค์ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยบรรลุถึงขั้นนั้นได้ในอดีต
รากฐานวิญญาณห้าธาตุผันผวนคือรากฐานที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร่างกายของเขาถึงบรรลุแค่ระดับขัดเกลาร่างกายขั้น 2 ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนหนักแค่ไหนก็ตาม สำหรับข้า รากฐานห้าธาตุผันผวนเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยเม็ดยาข้าต้องการเวลาแค่ 4 ปีเพื่อที่จะกลับไปอยู่จุดสูงสุดให้ได้มากที่สุด!
“หืม?”
หลิงหานอุทานอยู่ในใจ และใบหน้าของเขาได้แสดงออกถึงความไม่น่าเชื่อออกมา เขาใช้จิตใจที่แข็งแกร่งของเขาตรวจสอบดูรากฐานวิญญาณในตันเถียนของเขาอีกครั้ง มันทำให้เขาถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นสีหน้าที่ตกตะลึงของเขากลายเป็นสีหน้าที่มีความสุข
นี่มันไม่ใช่รากฐานวิญญาณห้าธาตุผันผวน! แท้จริงแล้วธาตุทั้งห้ามันมีความสมดุลกันอย่างสมบูรณ์ และก่อเป็นรูปทรงดอกบัว! นั่นหมายความว่า...นี่คือดอกบัวห้าธาตุแห่งหายนะ มันเป็นรากฐานวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันหายากยิ่งกว่ารากฐานวิญญาณเพลิงเก้าหยางเสียอีก! นี่คือรากฐานวิญญาณที่ถูกยกย่องว่าเป็นรากฐานวิญญาณระดับเซียน!
เจ้าของเดิมร่างกายของข้ามีการพัฒนาที่เชื่องช้า แต่มันเป็นเพราะรากฐานวิญญาณระดับเซียนที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะเพื่อเข้าถึงพลังที่แท้จริงของมัน และ...โชคดีที่ข้าได้ครอบครองทักษะที่เหมาะสมกับดอกบัวห้าธาตุแห่งหายนะ ทักษะห้าธาตุระดับสวรรค์!
100 ปี! ไม่ ข้าขอเวลาแค่ 50 ปี และข้าจะกลับไปสู่ระดับสวรรค์อีกครั้ง!
แม้เขาจะมีสถานะเป็นถึงนักรบระดับสวรรค์ในชาติที่แล้ว หลิงหานก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของเขาได้ ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสุข รากฐานวิญญาณเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิด มันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ในชีวิตที่แล้วของเขา เพื่อที่จะทำลายช่องว่างและกลายเป็นเซียน เขาได้ไปยังโบราณสถานต่างๆ และได้รับทักษะลับมากมาย รวมถึงเทคนิคการบ่มเพาะพลัง และทักษะห้าธาตุระดับสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น!
ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้ยืนอยู่บนจุดสูงสองของโลกแห่งการต่อสู้ และในชีวิตนี้ เขาจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งและสร้างตำนานที่ไม่มีวันถูกลืมเลือน!
เจ้าของร่างนี้ตายได้ยังไง?
หลิงหานตรวจสอบดูในความทรงจำของเขา อย่างรวดเร็ว ความโกรธแค้นได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เจ้าของร่างนี้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของหัวหน้าตระกูลหลิง หลิงตงชิง แม่และปู่ของเขาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ตระกูลหลิงเป็นตระกูลนักรบ สมาชิกทุกคนในตระกูลล้วนรู้จักศิลปะการต่อสู้ และภาคภูมิใจไปกับมันมาก แล้วคนอย่างหลิงตงชิงกลายเป็นหัวหน้าตระกูลได้อย่างไร? นั่นเป็นเพราะเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และได้รับตำแหน่งโดยการต่อสู้!
แต่หลิงหานเป็นเพียงเศษขยะของตระกูลตั้งแต่วัยเด็ก เพราะรากฐานวิญญาณของเขา ทำให้เขาถูกคนรอบข้างเยาะเย้ย
เพื่อให้ลูกชายของเขามีอนาคตที่สดใส หลิงตงชิงจึงทำข้อตกลงกับสำนักหู่หยาง ดังนั้นสำนักหู่หยางจึงรับหลิงหานเป็นศิษย์ และเอาใจใส่ฝึกฝนเขาแลกกับให้หลิงตงชิงเข้าไปในหุบเขาแสงสีม่วงเพื่อค้นหาบางอย่างที่สำนักหู่หยางได้ทำสูญหายไปเมื่อหลายปีก่อน
สำนักหู่หยางเป็นสำนักที่อยู่ภายใต้การดูแลของราชวงศ์แห่งอาณาจักรสายฝน ซึ่งครอบครองทรัพยากรนับไม่ถ้วน ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะทุ่มเทฝึกฝนให้หลิงหาน แม้ว่าเขาจะอ่อนแอถึงขั้นเป็นเศษขยะ เขาก็สามารถบรรลุถึงระดับรวมธาตุได้
แต่คนที่มาจากสำนักยู่หยางไม่ใช่คนที่โง่เขลา ถ้าสิ่งที่พวกเขาต้องการมันหาได้ง่ายดายขนาดนั้น เช่นนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงได้ให้เงื่อนไขที่ใจกว้างขนาดนี้?
หุบเขาแสงสีม่วงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย เพียงแค่ก้าวเดินผิดพลาดเพียงก้าวเดียวมันอาจนำไปสู่ความตาย แต่เนื่องจากเขามีลูกชายของเขาเป็นเดิมพัน หลิงตงชิงจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นทันทีเมื่อ 7 วันก่อนโดยปราศจากความลังเล
วันก่อน ผู้คนจากสำนักยู่หยางได้มาที่ตระกูลหลิง และบอกกับตระกูลหลิงว่าพวกเขาได้มาตามสัญญา และจะพาตัวหลิงหานไป แต่ในตอนนั้นหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลหลิง หลิงฉงควน ได้เข้ามาพูดคุยกับหลิงหานคนก่อนว่า เขาต้องการให้เขายกโอกาสนี้ให้กับหลานชายของเขา หลิงมู่หยุน
เหตุผลคือ หลิงมู่หยุนคืออัจฉริยะที่มีโอกาสมากมายไม่สิ้นสุด และโอกาสที่ยอดเยี่ยมนี้ไม่อาจสูญเปล่าไปกับเศษขยะอย่างเขาได้
แน่นอนว่าหลิงหานคนก่อนไม่เห็นด้วย เพราะพ่อของเขาใช้ชีวิตของตัวเองเป็นการแลกเปลี่ยน! อย่างไรก็ตามถึงแม้หลิงฉงควน ะมาเพื่อพูดคุย แต่เขากลับไม่ฟังความเห็นของหลิงหานคนก่อนเลยแม้แต่น้อย
หลิงหานคนก่อนจึงทนไม่ไหว แต่หลิงฉงควนเป็นถึงนักรบระดับหลอมรวมธาตุ เขาใช้เพียงแค่นิ้วเดียวก็สามารถเอาชนะเขาได้แล้ว แล้วเขาจะต่อต้านได้อย่างไร?
แต่ด้วยฝ่ามือเดียวของเขา มันทำให้หลิงหานคนก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกกักขังอยู่ภายในห้องของเขา เห็นได้ชัดว่าหลิงฉงควนไม่ต้องการให้เขาสร้างปัญหาต่อหน้าผู้คนจากสำนักหู่หยาง เมื่อหลิงตงชิงกลับมาเรื่องทุกอย่างคงจบไปแล้ว
หลิงหานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงตายไปพร้อมกับความโกรธแค้น
หลิงหานเค้นเสียงออกมา พวกมันจะมากเกินไปแล้ว พ่อของเขาได้ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อสร้างโอกาสนี้ให้กับเขา แต่หลิงฉงควนและหลานชายของเขากลับกล้าที่จะช่วงชิงโอกาสของเขาไปทั้งแบบนั้น?
พวกสุนัขไร้ยางอาย!
ข้าไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้!
จากนั้นหลิงหานได้ลุกขึ้นจากเตียง เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายของเขา แม้เขาจะมีชีวิตใหม่ แต่อาการบาดเจ็บที่ร่างกายได้รับยังไม่หายไป
"หืม? รากฐานวิญญาณมันได้รับความเสียหาย!" หลิงหานขมวดคิ้ว การโจมตีของหลิงฉงควนมันทำให้รากฐานวิญญาณของเขาได้รับความเสียหาย หากรากฐานวิญญาณได้รับความเสียหายมันเป็นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เม็ดยาทั่วไปไม่อาจฟื้นฟูได้
ตามความเข้าใจของข้า มันมีเม็ดยาอยู่ 7 ประเภทที่สามารถฟื้นฟูรากฐานวิญญาณได้ มันมี 4 ประเภทที่ต้องใช้วัตถุดิบที่มีราคาแพงมาก แม้จะขายตระกูลหลิงทั้งหมดก็ไม่เพียงพอที่จะซื้อมัน ยิ่งไปกว่านั้น แต่ทว่ารากฐานวิญญาณของข้าได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดยาระดับสูง
ส่วนเม็ดยา 3 ประเภทที่เหลืออยู่ มันมี 2 ประเภทที่ต้องปรุงมันขึ้นมาให้กลายเป็นเม็ดยา นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับระดับขัดเกลาร่างกายขั้นที่ 2 อย่างข้า ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงมีแค่ทางเลือกเดียว นั่นคือ ผงฟื้นฟูแก่นวิญญาณ มันสามารถสร้างได้จากวัตถุดิบที่ถูกต้องและปรุงมันให้กลายเป็นเม็ดยา
ข้าจะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของข้าก่อนเป็นอย่างแรก และไปหยุดหลิงฉงควนกับหลานชายของเขา แม้ว่าข้าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แต่ข้าไม่มีทางยอมให้โอกาสที่พ่อของข้าต้องใช้ชีวิตแลกมาเพื่อให้ปู่และหลานชายที่ไร้ยางอายคู่นี้ได้รับประโยชน์!
จากนั้น หลิงหานได้นั่งสมาธิ และเริ่มโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโคจรเทคนิคบ่มเพาะพลังนี้ ซึ่งอาจเป็นวิธีของระดับเซียน แต่นั่นเป็นเพราะเขาได้เรียนรู้มันมานับหนึ่งหมื่นปีแล้ว ตอนนี้มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
"ปัง ปัง ปัง!" สัญญาณชีวิตที่ทรงพลังได้ปรากฏอยู่ในร่างกายของเขา พลังของเขาถูกเผาผลาญไปจนหมด แต่บาดแผลของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาไม่กี่นาที เขาก็ฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
"สมกับที่ชื่อว่า คำภีร์สวรรค์นิรันดร์!" ข้าเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนมันเท่านั้นก็รู้สึกทึ่งขนาดนี้แล้ว นี่มันแตกต่างจากเทคนิคบ่มเพาะพลังประเภทอื่นอย่างสิ้นเชิง เทคนิคบ่มเพาะพลังทั่วไปจะใช้รากฐานวิญญาณเพื่อดูดซับพลังปราณจากสวรรค์และโลกเพื่อเปลี่ยนเป็นพลัง และคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์กลับตกกันข้าม มันได้ใช้พลังในร่างกายเพื่อฟื้นฟูร่างกายและรักษาอาการบาดเจ็บ!
หากข้าฝึกฝนมันได้ถึงระดับสูงสุด การบรรลุกลายเป็นเซียนคงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกเรียนว่า คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ น่าเสียดายที่ระดับในตอนนี้ของข้ามันยังไม่มากพอ มิฉะนั้น ข้าจะใช้คัมภีร์สวรรค์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของข้า
หลิงหานได้ลืมตาขึ้น และจ้องมองไปที่แสงไฟที่อยู่นอกหน้าต่าง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ตอนนี้ ข้าจะไปเผชิญหน้ากับหลิงฉงควนตาแก่ผู้ไร้ยางอาย และทำให้เขาต้องตกตะลึง!"
เขาสวมรองเท้าของเขาและเดินตรงไปที่ประตูแล้วเปิดประตู
ด้านหน้าประตูมีร่างกายที่สูงใหญ่ขวางทางเขาอยู่ ชายผู้นี้ชื่อ จางหยวน หนึ่งในข้ารับใช้ของหลิงจงขวง
"นายน้อยหาน วันนี้หัวหน้าพ่อบ้านได้สั่งให้ท่านอยู่ภายในห้อง!" จางหยวนกล่าวพร้อมกับหัวเราะ แม้ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเขาจะเป็นลูกชายของหัวหน้าตระกูล แต่เขาถูกพิจารณาว่าเป็นเศษขยะของตระกูล ทำให้หลิงหานเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของเขา
สายตาของหลิงหานกลายเป็นเยือกเย็น และกล่าว "เจ้ากล้าขวางทางข้า?"
หัวหน้าพ่อบ้านได้บอกกับเขาว่าไม่หลิงหานออกมาข้างนอกไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ถ้าเกิดเขาออกมา เขายังได้รับอนุญาตให้โจมตีเขา! ดังนั้น จางหยวนจึงยิ้มออกมาและพูดว่า "นี่คือคำสั่งจากหัวหน้าพ่อบ้าน นายน้อยหาน ได้โปรดอย่าทำให้ข้าต้องลำบากเลย"
"เจ้าแก่หลิงฉงควนช่างรอบคอบยิ่งนัก เขาทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขายังรู้สึกว่าแค่นั้นมันยังไม่เพียงพอ ถึงขั้นมอบหมายให้ใครบางคนมาเฝ้าประตู" หลิงหานคิด นอกจากนี้มันยังแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญกับลิงฉงควนต่อหลานชายของเขาเพื่อให้เขาได้เข้าสำนักหู่หยาง ถ้าหากโอกาสนี้ถูกขัดขวาง มันคงจะจิตนาการถึงความสิ้นหวังและความโกรธของเขาได้
"ออกไปให้พ้นทางข้า!" หลิงหานกล่าวอย่างเย็นชา
"นายน้อยหาน นี่คือคำสั่งของหัวหน้าพ่..."
"เพี๊ยะ!"
หลิงหานยกมือขึ้นและตบหน้าเขา แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้ามัวทำอะไรอยู่? ข้าบอกให้เจ้าออกไปให้พ้นทางข้า แต่เจ้ากลับไม่ทำเช่นนั้น?"
อะไรนะ เขาถูกเศษขยะของตระกูลตบหน้า? ใบหน้าของจางหยวนถูกปกคลุมไปด้วยความตกตะลึง เศษขยะของตระกูลกล้าที่จะต่อต้านเขา นี่มันเป็นเรื่องตลกอะไรกัน?
เขาโกรธเกรี้ยวมาก และนึกถึงคำพูดของลิงฉงควน: ถ้าเกิดเรื่องขึ้น เขาอนุญาตให้โจมตีได้! เขาไม่อาจหยุดยั้งความโกรธเกรี้ยวนี้ได้ และกล่าวออกไปอย่างรวดเร็วว่า "นายน้อยหาน ท่านเป็นคนบังคับให้ข้าต้องท...."
"เพี๊ยะ!"
หลิงหานยกมือขึ้นและตบหน้าของเขาอีกครั้ง