บทที่ 51: ส่งมอบมรดก
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 51: ส่งมอบมรดก
หลังจากหวังฉีหวู่ได้กลับออกไป ฉิงเฟิงซีไม่รู้ว่าเขาต้องทำหน้าเช่นไร เขามองไปที่เจ้าอ้วนพร้อมกล่าวว่า “อ้วนน้อย เจ้าเก่งมาก! วันแรกที่เจ้ามาถึงที่แห่งนี้ เจ้าได้ส่งครอบครัวของราชครูทั้งหมดไปสู่ความตาย เจ้าช่างเป็นคนเลือดร้อนเสียจริง ช่างรุนแรงยิ่งนัก!”
“เหอ เหอ” เจ้าอ้วนรับรู้ได้ว่าอาจารย์ลุงของเขาไม่พอใจอยู่ เขาจึงรีบอธิบายออกมา “อาจารย์ลุง ข้าไม่ใช่คนใจร้อน แต่เพียงเพราะสิ่งที่ราชครูกระทำมันโหดเหี้ยมเกินไป ข้าเลยฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพราะความโกรธ หากท่านพบสถานการณ์เช่นนี้ ท่านจะทานทนไหวหรือไม่?”
“เรื่องนั้น…” เมื่อฉิงเฟิงซีได้ยิน เขาไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา เพียงแต่คิดอยู่ภายในใจ ‘ทำไมเจ้าหนูนี้สามารถโยนเรื่องนี้มาให้ข้าได้? หากเป็นข้างั้นหรือ ข้าจะทำสิ่งใด? มันช่างยากเย็นจริง ๆ ถ้าข้าไม่ฆ่ามัน ก็เท่ากับว่าข้าเลือกศัตรู การกระทำที่ชั่วช้าของราชครูอาจทำให้ชื่อเสียงของข้าได้รับผลกระทบ ถ้าหากข้ากล่าวออกไปว่าเลือกที่จะฆ่าเขา ก็กลายเป็นว่าข้ายอมรับการกระทำของเด็กอ้วนนี่งั้นหรือ?’
“เฮ้อ!” ฉิงเฟิงซีทำได้เพียงคิดในใจของเขา ‘ข้ากำลังสับสนในใจเพียงเพราะเจ้าหนูนี่สินะ!’
เมื่อเขาไตร่ตรองดูแล้ว เขาหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “เจ้าหนู ฝีปากเจ้าเยี่ยมยอดจริง ๆ! เจ้าทำให้ข้าหมดคำจะกล่าวแล้ว! เจ้าพูดถูก ถ้าหากเป็นข้าก็คงจะไม่อาจละเลยเรื่องนี้ได้! อา แต่อีกอย่างข้าไม่เหมือนเจ้า ที่จะฆ่าแค่ครอบครัวของเขา! เราไม่ควรจะปล่อยให้ลูกหลานของมันหลุดลอยไปด้วยซ้ำมิใช่หรือ?”
“อาจารย์ลุง พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนร่วมกับโศกนาฏกรรมในคราวนั้น การฆ่าคนที่ชั่วช้าเพียงคนเดียวแค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเสียงเบา
เมื่อฉิงเฟิงซีได้ยินเช่นนั้น เขาตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าช่างเหมือนกับบิดาของเจ้ายิ่งนัก และไม่มีใครสามารถอดทนต่อประกายในดวงตาของเจ้าได้ ถ้าหากเห็นความอยุติธรรมที่ใดแน่นอนว่าเขาจะต้องมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน! เจ้าเด็กน้อยจงจำคำข้าเอาไว้ ผู้ใดที่กล้าเสี่ยง มักจะตายก่อน!”
“ขอรับ ศิษย์ผู้นี้เข้าใจแล้ว!” เจ้าอ้วนรู้ดีว่าอาวุโสผู้นี้กำลังกังวลเกี่ยวกับตัวเขา เขาจึงตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“อา ดีมากหากเจ้าเข้าใจ!” ฉิงเฟิงซีนึกบางอย่างขึ้นได้อย่างกะทันหัน “เพียงวันแรกที่เจ้าเข้ามาที่แห่งนี้ การขยับตัวของเจ้าได้สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมา ข้าจะทำสิ่งใดกับเจ้าได้บ้างในอนาคต?”
เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาพลันนึกสิ่งใดออกจึงรีบกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ลุง ข้าสัญญากับผีซางเตอหลงไว้ว่าข้าจะนำรูปภาพนี้ไปมอบให้กับลูกพี่ลูกน้องของเขา จะเป็นอะไรไหมหากท่านจะให้ข้าพักสักสองถึงสามวันเพื่อจัดการเรื่องนี้? ข้าจะจัดการมันให้เสร็จสมบูรณ์”
เมื่อฉิงเฟิงซีได้ยินเช่นนั้น เขาปรับท่าทางของตนพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดีมากเจ้าหนูที่เจ้าไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เจ้าทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตายไปแล้วอย่างแท้จริง นี่คือการกระทำของเหล่าผู้ฝึกตนแห่งเต๋า ก่อนอื่นเจ้าต้องเข้าใจว่าเราเป็นผู้ฝึกตน ท่ามกลางเส้นทางการฝึกตนมักจะมีปีศาจในใจมากมายมาคอยขัดขวาง แต่เจ้าจะต้องยึดเส้นทางของตนไว้ให้ดี! ด้วยหัวใจของเจ้าเช่นนี้จะไม่ถูกเหล่าปีศาจพวกนั้นล่อลวงให้เดินผิดทาง! หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ในภายภาคหน้าอนาคตของเจ้าจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!”
“ศิษย์ผู้นี้เข้าใจแล้วขอรับ!” เจ้าอ้วนรีบคุกเข่าทำความเคารพในคำสอน
“ประเสริฐ เช่นนั้นเจ้าย่อมได้ทุกอย่างที่เจ้าหวัง!” ฉิงเฟิงซีเผยยิ้มและกล่าวต่อ “นอกจากนี้เจ้ายังได้สร้างปัญหาให้ศิษย์พี่ของเจ้าออกหน้ารับแทนความอับอายทั้งหมดนี้!”
“แหะแหะ ศิษย์ผู้นี้ละอายใจยิ่งนัก!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ
“ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้ารู้สึกผิดอย่างแท้จริง ช่วยลดปัญหาในอนาคตที่อาจจะมีตามมาด้วย!” ฉิงเฟิงซีกล่าวออกมาในขณะที่หัวเราะอย่างจนปัญญา พร้อมโบกมือให้เจ้าอ้วนอย่างไม่ยี่หระ
เจ้าอ้วนโค้งคำนับให้เขาพร้อมเดินออกมา
ขณะที่เขาออกมาจากถ้ำ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและพบว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น เขาต้องการจะไปยังสถานที่พักผ่อนของตนในวัดเสวียนเทียน แต่ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเขาพลันนึกขึ้นได้ว่าเขาได้ฆ่าครอบครัวของราชครูและโยนภาระทั้งหมดให้กับหวังฉีหวู่โดยสมบูรณ์
ด้วยสาเหตุเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าหวังฉีหวู่รู้จักกับราชครู ทั้งสองมีการติดต่อกันเป็นการส่วนตัวเพราะว่าราชครูได้ส่งคนมาบอกให้หวังฉีหวู่นำนักบวชไปปราบปรามภูตผี หวังฉีหวู่แนะนำเจ้าอ้วนให้กับเขา แต่เจ้าอ้วนกลับฆ่าครอบครัวของเขาทั้งหมด แน่นอนว่าหวังฉีหวู่คงเป็นสหายกับพวกเขาอย่างแน่นอน มิแปลกใจหากว่าเขาจะกังวลเช่นนั้น!
แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่ได้สนใจในตัวของหวังฉีหวู่ผู้ไร้อนาคตเช่นนั้น จริงอยู่ที่ไม่อาจตัดสินหวังฉีหวู่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าอ้วน ถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะต่อสู้ขึ้นมา เจ้าอ้วนก็เพียงแค่โยนลูกบอลสายฟ้าออกไป เพียงเท่านั้นก็จะเป็นการส่งเขาไปเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม หวังฉีหวู่ยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลในแคว้นแห่งนี้ หากทำร้ายเขาคงจะเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจเกินไป ตอนนี้เจ้าอ้วนรู้สึกรังเกียจที่จะอยู่ในดินแดนแห่งนี้เสียแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากใจในตอนนี้ เจ้าอ้วนจึงตัดสินใจใช้ดาบบินเพื่อบินไปยังบ้านเก่าของซางเตอหลง
บ้านของซางเตอหลงอยู่ในเมืองสีตี้ ซึ่งมันไกลมากถึงหนึ่งพันลี้จากวัดเสวียนเทียน อยู่สุดชายแดนของแคว้นหลานเย่ว์ ด้วยระยะทางที่ไกลเช่นนี้ อีกทั้งยังมีภูเขาสูงใหญ่และแม่น้ำตลอดทาง หากมนุษย์จะเดินทางไปด้วยตนเองต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นเดือน แต่เจ้าอ้วนบินด้วยดาบบินนั้นใช้เวลาเพียงสองชั่วโมง ซึ่งเป็นความสามารถของดาบบินอินทรีย์ทองระดับห้า แต่เนื่องจากเจ้าอ้วนไม่สามารถดึงความสามารถของดาบออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นเขาคงใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงเพื่อไปยังสถานที่นั้น
ความเร็วของดาบบินทำให้เจ้าอ้วนมาถึงเมืองสีตี้ในขณะที่ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เขาลังเลว่าจะไปพบลูกพี่ลูกน้องของซางเตอหลงที่นามว่า ซางเต๋อชิง ก่อนดีหรือไม่ หรือเขาควรจะพักผ่อนก่อนในคืนนี้แล้วค่อยค้นหาเขาในวันพรุ่งนี้?
หากว่าเขาเข้าไปในเวลากลางคืน เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป แต่ถ้าเขาอยู่ที่นี่ ในยามค่ำคืนก็เกรงว่าจะล่าช้าไม่ทันการ หลังจากคิดได้ครู่หนึ่งเขาตัดสินใจว่าจะไปพบเขาทันที เจ้าอ้วนไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดให้พวกเขาฟัง เพียงแต่ยื่นของสิ่งหนึ่งให้แล้วก็จากไป คงใช้เวลาเพียงไม่นาน เวลานี้พวกเขาคงยังไม่เข้านอน!
หลังจากคิดได้เช่นนั้น เขาพบคนที่ข้างถนนจึงได้ไถ่ถามทางเพื่อไปยังบ้านของซางเต๋อชิง เขารีบมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
ในระยะเวลาสั้น ๆ เจ้าอ้วนมาถึงบ้านของซางเต๋อชิง เขาพบประตูหนาและหัวสิงโตขนาดใหญ่หน้าประตู แสดงให้เห็นว่าตระกูลของเขายังร่ำรวยอยู่มาก
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอ้วนจะต้องนำมาใส่ใจ เขาไม่คิดสิ่งใดให้มากความ หลังจากนั้นจึงเดินไปเคาะประตู
ชายอายุราวสามสิบปีเปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็ว เขาเหลือบมองเจ้าอ้วนเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “อาวุโสเต๋า ท่านกำลังมองหาใครอยู่งั้นหรือ?”
“ข้าต้องการพบซางเต๋อชิง!” เจ้าอ้วนกล่าวหนักแน่น
“อา? นายท่านงั้นหรือ?” คนรับใช้ตกใจที่เจ้าอ้วนกล่าวชื่อเจ้านายของเขาออกมาตรง ๆ หากเป็นเช่นนั้นเขาต้องมีพื้นเพอยู่บ้าง คนรับใช้ไม่รอช้าเขารีบถามอย่างรวดเร็ว “ท่านคือนักบวชลัทธิเต๋าใช่หรือไม่? ท่านรู้จักนายท่านด้วยงั้นหรือ?”
“ไม่สำคัญว่าข้าคือใคร ข้าเพียงต้องการให้เขาทราบว่าข้ามาที่แห่งนี้ในนามของซางเต๋อหลง!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างใจเย็น