ตอนที่แล้วบทที่ 91 การเรียนเชิญที่คาดไม่ถึง (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 93 เฝิงซิ่งไท่จะเปิดบริษัทอีกครั้ง (อ่านฟรี)

บทที่ 92 ใช้เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนหุ้น (อ่านฟรี)


 

 

แม้ว่าจางรุ่ยเฉียงได้ให้สัญญากับเฝิงหยูแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ค่อยพอใจ  คนพวกนี้ อย่างเช่น ซงเหล่าซื่อ และหวังขาเป๋ ก็ยังคงเสวยสุขได้อีก 2 ปี แม้ว่าเวลาจะลดน้อยลง แต่มันก็ยังไม่พอ

คนรวยส่วนมากชอบบริจาคเงินให้ตำรวจและรัฐบาลเพื่อพัฒนาการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้น นั่นก็เพราะว่าคุณอาจจะไม่ลงรอยกับพวกอันธพาลเหล่านี้เข้าสักวัน แม้ว่าคุณจะรวยและสามารถจ้างบอดี้การ์ดได้มากมายก็ตาม

เช่นเดียวกับ ซุปเปอร์แมนหลี่ เศรษฐีที่รวยที่สุดของฮ่องกง เขาเป็นคนมีอิทธิพล แต่ลูกชายของเขากลับถูกลักพาตัวอย่างง่ายดาย ซึ่งกลุ่มคนที่ลักพาตัวยังไปที่บ้านของเขาเพื่อเรียกร้องเงินค่าไถ่ตัวจำนวนหนึ่งร้อยล้าน

หลังจากนั้น ซุปเปอร์แมนหลี่ ได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับตำรวจและรัฐบาลเพื่อพัฒนาระบบควบคุมดูแลและอุปกรณ์ของตำรวจ แล้วมันเกิดประโยชน์อะไรละ? เงินหนึ่งร้อยล้านก็เสียไปแล้ว แถมทุกคนก็รู้เรื่องนี้ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของบริษัทของซุปเปอร์แมนหลี่ตกลงอย่างฮวบฮาบ

เฝิงหยูไม่อยากเป็นแบบนั้น เขาชอบการรักษาความปลอดภัยของเมืองใหญ่ในสมัยก่อนที่ไม่มีปืนและผู้คนก็ไม่ต้องมาเสี่ยงชีวิตด้วย

“นายากเทศมนตรีจาง ผมอธิบายชัดเจนไปหมดแล้ว ถ้าคุณอยากให้ผมยอมรับราคาต่ำขนาดนั้น คุณก็ต้องพัฒนาการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้น ถ้าไม่มีกฎหมายและระเบียบที่เข้มงวด ใครเขาจะกล้ามาลงทุนที่นี่? นี่มันคือธุรกิจ ถ้าคุณทำตามความต้องการของผมไม่ได้ งั้นคุณก็ต้องให้ราคาที่ผมพอใจ ผมไม่มีทางยอมรับเงินไม่กี่ล้านหยวนหรอก”

“คุณอาจจะเสนอเงื่อนไขอื่นก็ได้ เช่น ลดภาษีเงินได้ หรือภาษีนิติบุคคล”

“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมยินดีจ่ายภาษีที่ต้องจ่ายโดยที่ไม่ต้องลดราคาสักเซ็นต์เลย”

“ไม่ถูกมั้ง เท่าที่ผมทราบมา บริษัทคุณขายรถมือสองด้วย และก็เป็นรถหรูๆ ทั้งนั้น แต่ไม่เคยมีประวัติว่าบริษัทของคุณนำเข้ารถยนต์มือสองเลย และก็ไม่มีบันทึกการจ่ายภาษีสำหรับรถพวกนี้ด้วย” จางรุ่ยเฉียงเริ่มเปิดไพ่ของเขาออกมา

จางรุ่ยเฉียงรู้เรื่องนี้แล้วหรอ? เฝิงหยูยังคิดว่าตัวเองเจ๋งที่สามารถปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ และคิดว่ากว่าความลับนี้จะถูกเปิดโปง เขาคงขายรถยนต์ล๊อตสุดท้ายหมดเรียบร้อยแล้ว

“ผมนำเข้าพวกอะไหล่รถและเศษโลหะ ซึ่งผมก็จ่ายภาษีหมดแล้ว ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรอ? รถยนต์ที่บริษัทผมขายก็ถูกประกอบขึ้นเอง กรมยานพาหนะก็ตรวจสอบรถยนต์และอนุญาตให้ผมขายแล้ว” เฝิงหยูเถียงตอบ

จริงๆ แล้วเขาใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย แต่ถ้ารัฐบาลเมืองจะสืบเรื่องนี้จริงๆ เขาก็คงไม่รอด แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำธุรกิจนี้ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่ได้กำไรมากมายขนาดนี้

“คุณใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย เมืองนี้ไม่ได้ตามเรื่องนี้กับคุณ”

“ธุรกิจของผมถูกกฎหมาย! ถ้ามีกฎหมายไหนบอกว่าผมกำลังทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย เอามาเลย” เฝิงหยูโต้กลับ

“เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ถ้าคุณมีเงื่อนไขอื่น ลองว่ามาซิ”

“ผมเสนอเงื่อนไขอื่นได้จริงหรอครับ?” เฝิงหยูถาม

จางรุ่ยเฉียงตอบกลับอย่างระวัง “ต้องไม่ผิดกฎหมาย และต้องไม่ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายด้วย”

“โอเค เทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญจะถูกส่งไปที่โรงงานเครื่องจักรโดยทีไม่ต้องเสียเงินสักเซ็นต์ แต่.....ผมต้องการแลกเปลี่ยนกับหุ้น”

เทคโนโลยีพวกนั้นมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านหยวน และจะมาขอให้เฝิงหยูขายในราคาไม่กี่ล้านงั้นหรอ? เขาจะตอบตกลงข้อเสนอแบบนี้ไปได้อย่างไร? ถ้าคุณต้องการเทคโนโลยีพวกนั้น คุณก็ต้องให้ผมไปเป็นผู้ถือหุ้น เราจะได้แบ่งผลกำไรด้วยกัน

“คุณว่าอะไรนะ? แลกเปลี่ยนกับหุ้นงั้นหรอ?”

“ใช่แล้วครับ ตอนนี้มีบริษัทและโรงงานที่ถือหุ้นร่วมทุนมากมาย แล้วทำไมโรงงานเครื่องจักรของเมืองปิงจะใช้ระบบการถือหุ้นร่วมบ้างไม่ได้ละครับ? ผมจะเอาเทคโนโลยีของผมมาแลกเปลี่ยนหุ้นของโรงงาน แบบนี้โรงงานก็ประหยัดเงิน แถมยังได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรอีกด้วย ต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

“เอ่อ...ผมเกรงว่าจะไม่ได้”

จางรุ่ยเฉียงส่ายหน้า โรงงานของรัฐจะปล่อยให้บุคคลธรรมดาเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นได้อย่างไร? แม้ว่าจะไม่มีอะไรผิดตามกฎหมายและก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม แต่พวกนั้นเป็นนักลงทุนต่างชาติ และธุรกิจพวกนั้นก็ขาดทุน แถมยังเป็นปัญหาขัดแย้งอย่างมาก ตอนนี้โรงงานเครื่องจักรยังทำกำไรได้อยู่ รัฐบาลเมืองก็ได้ปันผลกำไรจำนวนมากทุกปี

ด้วยระบบการถือหุ้นและการอัดฉีดเงินทุนของภาคเอกชน นั่นหมายความว่าเฝิงหยูจะกลายเป็นคนคุมบังเหียนของโรงงานเครื่องจักรได้อย่างนั้นหรอ? แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเฝิงหยูเป็นคนที่มีความสามารถมาก แต่ในสายตาของผู้นำในรัฐบาลเมือง เฝิงหยูก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น มันน่าตลกมากที่จะปล่อยให้เด็กกลายมาเป็นหนึ่งในหัวหน้าใหญ่ของโรงงานเครื่องจักร

จางรุ่ยเฉียงกล่างอย่างเป็นกังวล แต่เฝิงหยูกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลย เขาขอถามจางรุ่ยเฉียงสามคำถามดังนี้

1. ถ้าโรงงานไม่มีเทคโนโลยีและมีเพียงแค่เครื่องจักรที่ล้ำสมัยเท่านั้น โรงงานจะกลายเป็นโรงงานชั้นนำที่ดีที่สุดในประเทศจีนได้นานแค่ไหนกัน?
2. เขาเป็นเจ้าของเทคโนโลยี และถ้าเขาตัดสินใจขายให้กับบริษัทอื่น รัฐบาลเมืองจะห้ามอะไรเขาได้?
3. โรงงานเครื่องจักรจะกลายเป็นโรงงานชั้นนำที่ดีที่สุดในประเทศจีนด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้และผู้เชี่ยวชาญสามคนนี้หรอ?

เฝิงหยูคอยพูดเน้นย้ำว่าประเทศจีน ตาของจางรุ่ยเฉียงเบิกโตขึ้น เฝิงหยูรู้แค่ว่าจางรุ่ยเฉียงถูกย้ายไปที่รัฐบาลเมืองเพื่อดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลนักลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ และยังรับผิดชอบเรื่องการปฏิรูปธุรกิจ

นอกจากนี้ เมื่อตอนต้นปีมีกิจการที่รัฐเป็นเจ้าของประมาณ 600-700 รายซึ่งถูกเปลี่ยนไปใช้ระบบการถือหุ้น และยังมีกิจการบางส่วนที่มีขนาดใหญ่กว่าโรงงานเครื่องจักรหลายเท่า และธุรกิจเหล่านั้นก็ไมได้ขาดทุนทั้งหมด

จางรุ่ยเฉียงยังวางแผนที่จะจัดทำโครงการนำร่องโดยเปลี่ยนกิจการที่รัฐเป็นเจ้าของบางส่วนในเมืองปิงไปเป็นระบบการถือหุ้น แต่เขาไม่เคยพิจารณาถึงโรงงานเครื่องจักรที่สามารถสร้างผลกำไรได้แห่งนี้เลย หลังจากที่เฝิงหยูถามคำถามทั้งสามนั้นไปแล้ว เขามั่นใจว่าถ้ามีการปฏิรูปโรงงานเครื่องจักร โรงงานจะต้องเป็นโรงงานที่ดีที่สุดในประเทศจีนอย่างแน่นอน สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว!

“ถ้ารัฐบาลเมืองตกลงตามนี้ คุณจะลงทุนเท่าไรและต้องการหุ้นจำนวนเท่าไร?” จางรุ่ยเฉียงถาม

“ผมจะไม่ออกเงินสักเซ็นต์เลย ผมจะใช้เทคโนโลยีพวกนี้และผู้เชี่ยวชาญอีกสามคนเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับหุ้น ผมต้องการหุ้นมูลค่า 3 ล้านรูเบิ้ล ผมเข้าใจเรื่องงบการเงินเป็นอย่างดี และหุ้นของผมจะต้องเป็นไปตามสัดส่วนของมูลค่าทั้งหมดของโรงงาน ผมจะไม่เอาหุ้นมากกว่าหรือน้อยกว่าสัดส่วนที่ต้องได้รับ ถ้าคุณอยากลองเล่นตลกกับผมและแก้ไขตัวเลข ข้อตกลงนี้ถือว่าสิ้นสุดทันที ผมจะขายข้อมูลทางเทคนิคให้กับโรงงานเครื่องจักรในจังหวัดหลิน ร ผมยอมเรื่องราคาของเครื่องจักรให้คุณก็ได้ ถ้าเมืองนี้ยังไม่ยอมตกลงตามนี้อีก ก็ไม่มีโอกาสต่อไปอีกแล้ว”

ต่อไปหรอ? จางลุ่ยเฉียงมองหน้าเฝิงหยู เหมือนเฝิงหยูพูดเป็นนัยว่าเขายังสามารถจัดการกับเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยอื่นๆ ได้อีกหรอ?

ถ้างั้น เฝิงหยูก็ถือเป็นขุมทรัพย์เลยทีเดียว โรงงานเครื่องจักรมีมูลค่าในการลงทุนสำหรับรัฐบาลเมือง ในอนาคต โรงงานจะมีศักยภาพในการนำผลกำไรอย่างมากมาสู่เมือง

เงินลงทุนเพียงแค่ 3 ล้านรูเบิ้ลเท่านั้น รัฐบาลเมืองสามารถอัดฉีดเงินทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในโรงงานเครื่องจักรให้มากกว่า  3 ล้านรูเบิ้ล และจากนั้นค่อยเอาเงินทุนคืนภายหลัง

“ตกลง ผมจะลองไปคุยกับรัฐบาลเมืองดู และจะติดต่อคุณกลับไปภายในหนึ่งสัปดาห์”

“3 วันครับ ผมจะรอเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ถ้าคุณไม่ติดต่อผมกลับมาภายใน 3 วัน ผมจะไปจังหวัดจี๋ เพราะที่นั่นก็เร่งรอฟังคำตอบจากผมเหมือนกัน

เฝิงหยูก็กำลังกดดันจางรุ่ยเฉียงเหมือนกัน ถ้าหลังจาก 7 วันคุณติดต่อกลับมาเพื่อขอคุย และขอเลื่อนไปอีก 7 วัน แล้วก็อีก 7 วันแบบนี้ไปเรื่อยๆ มูลค่าของเทคโนโลยีพวกนี้ก็จะยิ่งลดลงเรื่อยๆ เขาต้องบังคับให้เมืองตัดสินใจโดยเร็วที่สุด

จางรุ่ยเฉียงกัดฟันและพูดว่า “ตกลง 3 วัน!”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด