ตอนที่ 51 พิษเยือกแข็งพันปี !
แปลโดย : Roping
– – – – – – – – – – – –
นางแอบมองจากหลังต้นไม้ ประหลาดใจที่เห็นลุงถือกระบี่ยาวต่อสู้กับชายชุดดำอยู่ ตัวกระบี่นั้นกว้างราวสามนิ้ว รังสีดาบอันคมกริบเปล่งประกายวูบวาบ ทั่วทั้งร่างของเขาแผ่รัศมีพลังออกมาจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นไม่ใช่พลังปราณ ทว่าเป็นพลังจิตวิญญาณ !
อย่างไม่ต้องสงสัย เขาเป็นผู้ฝึกวิถีเซียน !
ทว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักมากที่จะฝืนทนต่อผลกระทบที่เกิด ผลึกสีขาวชั้นแล้วชั้นเล่าก่อตัวขึ้นบนเคราและคิ้วของเขา เป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากผลึกน้ำแข็งเย็นอันยะเยือกที่ก่อตัวขึ้น!
[เกล็ดน้ำแข็ง? เหตุใดเกล็ดน้ำแข็งจึงได้ก่อตัวขึ้นบนร่างเขา?]
“อั่ก!”
นักฆ่าชุดดำคนสุดท้ายร้องออกมาขณะที่ถูกแทงทะลุอกด้วยกระบี่ยาวที่แผ่คลื่นพลังอันเย็นยะเยือกออกมา นักฆ่าทรุดกายลงไปคุกเข่ากับพื้น เลือดสดๆ กระอักออกมาจากปาก ราวกับว่าเขาพยายามจะเอ่ยบางอย่าง ทว่ามิอาจทำได้สำเร็จ ในท้ายสุดเขาสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วล้มลงแน่นิ่งไป
ขณะนั้นร่างกายของหลิงโม่หานไม่ขยับเขยื้อนไปชั่วครู่ราวกับว่าถูกแช่แข็ง เขายืนอยู่ตรงนั้นดุจเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็ง เกล็ดน้ำแข็งแผ่ออกมาจากทั่วร่างนั้นหนาวเหน็บดุจผลึกน้ำแข็งพันปี มันเย็นจนกระทั่งแม้แต่เฟิ่งจิ่วที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไปกว่าสิบเมตรก็ยังสามารถสัมผัสได้
‘พลั่ก!’
ร่างอันแข็งทื่อของหลิงโม่หานล้มลงไปกระแทกผืนดิน และเริ่มสั่นอย่างรุนแรงขณะที่เขาขดตัวกลม ไม่เพียงเท่านั้น ทว่าเกล็ดน้ำแข็งบนใบหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์ดูไม่สู้ดี นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ลุง? ลุง! อาการเป็นยังไงบ้าง?” นางเอ่ยถามขณะที่ย่อตัวลงข้างๆหลิงโม่หาน และพยายามจะพยุงตัวเขาขึ้นมา ทว่าเมื่อเพียงสัมผัสตัวเขาแค่เล็กน้อยก็ทำให้มือของนางถูกน้ำแข็งกัดในทันที
“โอ๊ย! เย็นเป็นบ้า!”
นาชักมือออกโดยสัญชาติญาณ และตกตะลึงขณะที่สบตากับดวงตาคู่นั้นของเขาที่มองมาที่นาง [เหตุใดร่างเขาจึงเย็นขนาดนี้? หากปล่อยไว้เขามิแข็งตายเลยรึ?]
หลังจากที่ส่งสายตามองดูแว่บหนึ่ง เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาเริ่มที่จะกลายเป็นสีม่วง
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ นางกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดจากน้ำแข็งกัดและวางนิ้วลงบนข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร ผลที่ได้ทำให้นางตกตะลึง
“นี่มัน…. พิษเยือกแข็งพันปี?” ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกใจกลัวและไม่อยากเชื่อ
ชีพจรของเขามีกระแสพลังเย็นยะเยือกพลุ่งพล่านอยู่ภายใน กระแสพลังเย็นจัดนี้เองที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ซึ่งเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกเสียจากพิษเยือกแข็ง และนี่ไม่ใช่แค่พิษเยือกแข็งธรรมดา ทว่าเป็นพิษเยือกแข็งพันปี!
ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงแสกสากดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามราตรี และสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งมาที่พวกเขา เมื่อกะดูจากปริมาณการเคลื่อนไหวที่นางได้ยิน พวกที่ไล่ตามมาน่าจะมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบหรือสามสิบคน
นัยน์ตาของนางหรี่ลงขณะที่คำนวณอย่างรวดเร็วในใจ บริเวณนี้ไม่มีที่ใดให้ซ่อนตัวได้ นางจึงถ่ายเทพลังปราณลงไปที่นิ้วอย่างรวดเร็วและจี้ลงไปที่ขมับของหลิงโม่หาน ชั่วพริบตาถัดมานางก็ดึงตัวเองเข้าไปในมิติของแหวนและลากเอาหลิงโม่หานเข้ามาด้วย
หลังจากทั้งสองหายไปจากที่นั่น ชายชุดดำกว่าสามสิบคนพร้อมกระบี่ในมือก็เข้าล้อมบริเวณนั้นในทันที เมื่อหัวหน้ากลุ่มเห็นร่างของชายชุดดำกว่าสิบคนถูกฟันจนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ขมวดคิ้วในทันที และออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยความโกรธแค้น
“ดูจากกลิ่นอายพลังแล้วเมื่อครู่ก่อนเขายังอยู่ที่นี่ ด้วยพิษเยือกแข็งเขาไม่มีทางไปไหนได้ไกล! ค้นหาเขา!”
“รับทราบ!” ชายชุดดำขานรับอย่างพร้อมเพรียง แล้วแยกย้ายออกไปเป็นกลุ่มย่อยเพื่อค้นหาโดยรอบบริเวณ
ขณะเดียวกันภายในมิติของแหวน หงส์ไฟน้อยมองเฟิ่งจิ่วอย่างขุ่นเคือง ไม่คาดคิดว่านางจะเอาผู้ชายที่ปล่อยไอเย็นออกมาจากร่างเข้ามาเยี่ยงนี้
เวลานี้เฟิ่งจิ่วไม่มีเวลาไปใส่ใจเด็กชายตัวน้อย เนื่องจากนางกำลังง่วนอยู่กับการใช้พลังปราณปกป้องชีพจรหัวใจของหลิงโม่หาน หากชีพจรหัวใจถูกแช่แข็ง เขาก็อยู่ไม่ไกลจากความตายซักเท่าไหร่แล้ว
หงส์ไฟน้อยกอดอกและหรี่ตามองคนแปลกหน้าที่รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของเขา เสียงแบบเด็กๆนั้นเย็นชาและเต็มไปด้วยความริษยาในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า “นี่มันพิษเยือกแข็ง พลังงานที่เย็นจัดที่สุดในใต้ฟ้า พลังปราณจิ๊บจ๊อยของเจ้าไม่พอให้ปกป้องชีพจรหัวใจเขาไว้ได้หรอก ชายคนนี้ก็เหมือนตายไปแล้วนั่นแหละ”