บทที่ 49: ดาบแห่งมโนธรรม
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 49: ดาบแห่งมโนธรรม
“อืม ความยุติธรรมคงไม่สามารถพึ่งพาได้ สวรรค์ไม่อาจจัดการเรื่องนี้ได้ ทางเดียวที่มีคือพึ่งพาตนเองเท่านั้น!” เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะที่กล่าวออกมา
“ท่านเซียนอาวุโส ท่าน… อย่าบอกข้านะว่าท่านจะชำระหนี้แค้นครั้งนี้ให้ข้า?” เมื่อซางเตอหลงได้ยินเช่นนั้น เขาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ในตอนนี้ ข้าได้นำปราณจิตวิญญาณของข้าใส่ในร่างกายของราชครู แม้ว่าจะไม่ได้มากมายนักแต่ด้วยกำลังของเจ้าคงไม่สามารถทำสิ่งใดกับเขาได้อีกต่อไป!” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าควรทำเช่นไร?” ซางเตอหลงกล่าวอย่างหมดหวัง
“ไม่ต้องกังวล ในตอนนี้ข้าถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว ให้ข้าทำมันจนจบเถิด! ตามข้ามา!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาพร้อมกับเดินออกไปข้างนอก
ราชครูและบุคคลภายนอกเห็นว่าเจ้าอ้วนได้เดินออกมาจากด้านใน ราชครูยิ้มออกมาอย่างอ่อนน้อมพร้อมกล่าวว่า “ท่านเซียนอาวุโส ด้านในมีภูตผีหรือไม่?”
“ข้าพบผีตนหนึ่งอยู่ภายในนั้น มันเรียกตนเองว่าซางเตอหลง!” เจ้าอ้วนจ้องตาราชครูผู้ยิ่งใหญ่ในขณะที่พูด
หลังจากได้ยินสามคำสุดท้าย ใบหน้าของราชครูถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียว จากนั้นเขากลับสู่ใบหน้าเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “ซางเตอหลง? เขาคือใคร? เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน?” เขาหันไปถามคนรอบข้างอย่างรวดเร็ว
ผู้คนบริเวณรอบตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินที่เจ้าอ้วนกล่าว แต่หลังจากที่พวกเขาได้รับสัญญาณเตือนจากราชครู เขาทั้งหมดจึงกลับสู่สถานการณ์ปกติทันที พร้อมส่ายหัวและกล่าวว่า “พวกข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!” แม้พวกเขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่การแสดงออกของเขาทั้งหมดล้วนทรยศคำพูดของตนจนหมดสิ้น
ได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดเช่นนั้น เจ้าอ้วนหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “เรื่องนี้จริงเท็จเพียงใด? ซางเตอหลง เจ้าจงอธิบาย!”
“พวกมันโกหก!” ซางเตอหลงโผล่ออกมาจากเงามืด เขาไม่สนใจแสงแดดด้านนอกแม้แต่น้อยพร้อมชี้นิ้วไปที่หน้าของราชครูพร้อมตะโกนว่า “ไอ้แก่สารเลว เพียงแค่ภาพวาดที่มีชื่อเสียงในบ้านของข้าเท่านั้น เจ้าถึงกับส่งตระกูลของข้าทั้งหมดไปสู่ความตาย! ข้าจะชำระแค้นกับเจ้าในวันนี้!” หลังจากกล่าวจบ เขาวิ่งออกไปทันที
“อ๋า…” ราชครูช็อคไปทันทีหลังจากที่ฟังซางเตอหลงพูด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีดเมื่อเห็นว่าซางเตอหลงกำลังวิ่งมา เขาไม่มีเวลามากพอที่จะหลบจึงทำได้เพียงร้องตะโกนออกมา “เซียนอาวุโส ปกป้องข้า ปกป้องข้าด้วย!”
เจ้าอ้วนรู้สึกว่าสิ่งพวกนี้น่ารำคาญ เขาจึงอยู่เฉยๆเพียงเพราะขี้เกียจจะทำสิ่งใด อีกอย่างเขาเห็นว่ายังไม่เกิดสิ่งใดขึ้นกับราชครู ทันทีที่ซางเตอหลงสัมผัสกับร่างกายของราชครู เขาถูกผลักออกมาทันทีด้วยพลังปราณที่อยู่ในตัวราชครู ในเวลาเดียวกันเขาร้องออกมาเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเขาถูกปราณจิตวิญญาณเล่นงาน
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ราชครูแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่เขาก็รู้สึกสุขใจ หลังจากนั้นเขาจึงเย่อหยิ่งขึ้นมา ด้วยไร้ซึ่งความหวาดเกรง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ข้ามีปราณหยินป้องกันแล้ว ภูตผีเช่นเจ้าไม่อาจทำสิ่งใดข้าได้!”
“เขาไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แต่ถ้าหากเป็นข้าล่ะ?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ
“อ๊ะ?” หลังจากที่ราชครูได้ยิน เขาถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านมาที่แห่งนี้ก็เพื่อปกป้องข้า หรือไม่ใช่?”
“เป็นถึงราชครู แต่เจ้ากลับฆ่าครอบครัวของเขาทั้งหมดเพียงผลประโยชน์ของตัวเอง บุคคลน่ารังเกียจเช่นเจ้ายังมีหน้ามาเรียกร้องให้ข้าปกป้องงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนเผยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวต่อ “เจ้าคิดว่านักบวชของวัดเสวียนเทียนเป็นบุคคลที่สามารถซื้อได้งั้นหรือ?”
“เซียนอาวุโส ข้าผิดไปแล้ว!” เมื่อสถานการณ์กำลังเปลี่ยน ราชครูรีบกล่าวทันที “ท่านเซียนอาวุโสเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและปฏิบัติตามกฏแห่งสวรรค์ ในมุมมองของสวรรค์ภูตผีเป็นสิ่งที่อันตรายกับเหล่ามนุษย์ ท่านเป็นถึงเซียนอาวุโสควรจะกำจัดสิ่งชั่วร้ายในโลกนี้ ในมุมมองของศีลธรรม ข้ากับวัดเสวียนเทียนนั้นมีสัมพันธ์อันดีต่อกันและเคยช่วยเหลือกันมากมาย สิ่งเหล่านี้บอกว่าท่านควรช่วยเหลือข้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะมองมุมใดท่านก็ควรจะต้องช่วยข้า เซียนอาวุโสควรจะยืนอยู่ข้างมนุษย์ไม่ใช่ยืนอยู่ข้างภูตผีที่ชั่วร้าย!”
“เหอะ สมแล้วที่ท่านคือราชครู!” เจ้าอ้วนได้ยินฝั่งตรงข้ามอธิบายเรื่องราวอย่างหมดหวัง เขาฟังอย่างช่วยไม่ได้และอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “เจ้ากล่าวได้อย่างถูกต้องสำหรับหนทางของสวรรค์และมนุษย์!”
“ท่านเซียนอาวุโสชมข้าเกินไปแล้ว มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น!” เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนแสดงอาการที่ผ่อนคลายมากขึ้น ราชครูเริ่มคิดแผนการที่จะชักชวนเขา จึงรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านเซียนอาวุโสช่วยข้าในอันตรายครั้งนี้ ข้ารู้สึกขอบคุณท่านจริง ๆ จากใจ แน่นอนว่าข้าจะตอบแทนท่านอย่างเต็มกำลัง!” เขากล่าวขณะที่ปรายตามองซางเตอหลงที่อยู่ในเงามืดอย่างเย็นชา สื่อถึงความหมายอย่างชัดเจนว่าหากเจ้าอ้วนช่วยเหลือเขา เจ้าอ้วนจะได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่หากช่วยเหลือภูตผีแม้แต่แดงเดียวก็ไม่ได้เชยชม ทุกสิ่งชัดเจนขนาดนี้แล้ว เจ้าอ้วนจะเลือกทางไหน?
เมื่อเผชิญหน้ากับการล่อลวงครั้งใหญ่ของราชครู เจ้าอ้วนไม่ได้ตอบกลับตรง ๆ เขาไขว้แขนไว้ด้านหลังแล้วเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “หนทางแห่งสวรรค์และโลก พวกมันไม่ใช่แนวทางข้า ไม่แม้แต่จะใช่วิถีแห่งเต๋า!”
เมื่อราชครูได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่พร้อมกับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขารีบถามออกมา “ท่านเซียนอาวุโส เต๋าหมายถึงสิ่งใด?”
“ลัทธิเต๋าของข้า มิใช่หนทางแห่งสวรรค์ มิใช่หนทางของผู้คน แต่มันคือวิถีของข้าเอง ข้าเพียงผู้เดียวที่จะตอบคำถามในใจนี้ และดาบนี้คือคำตอบในใจข้า!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ เมื่อกล่าวจบเขาไม่เปิดโอกาสให้ราชครูกล่าวสิ่งใดไร้สาระอีก จากนั้นเขายกมือขึ้น ดาบอินทรีย์ทองปรากฏขึ้นเป็นลำแสงสีทองยาวสิบฟุต วาดผ่านราชครู บุตรชายทั้งสามและลูกสะใภ้ทั้งหกคน และผู้คนอื่น ๆ ภายในบ้านหลังนี้ถูกสังหารทั้งหมด!
หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดถูกคมดาบ พวกเขายังไม่ได้ตายตกไปในทันที มันทั้งหมดต่างพากันร้องคร่ำครวญและกลิ้งไปมาอย่างทรมาน อวัยวะภายในและเลือดของพวกมันนองอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ราชครูจ้องตาของเจ้าอ้วนพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้า เจ้าเก่ง…” ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เขาได้สูดลมหายใจครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดพวกมันก็ตายเสียที!” เมื่อซางเตอหลงเห็นดังนั้น เขาตื่นเต้นมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขากระโดดตัวโยนท่ามกลางแสงแดด โดยลืมไปว่าแสงแดดจะส่งผลร้ายต่อจิตวิญญาณของเขา
เป็นเจ้าอ้วนที่เห็นเช่นนั้น เขาถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “ซางเตอหลง เจ้าดีใจที่ได้ชำระหนี้แค้นของเจ้า ความหวังของเจ้าทั้งหมดที่พังทลายได้รับการรักษา ข้าเกรงว่าตอนนี้เจ้าจะไม่สามารถรักษาร่างนี้ได้อีกต่อไป!”
“ฮ่าฮ่า สิ่งนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นผีอีกต่อไป ในตอนนี้ข้าจะไปพบครอบครัวของข้าที่รออยู่ด้านบน!” เมื่อซางเตอหลงกล่าวจบ เขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกล่าวว่า “ผู้มีพระคุณ! ซางเตอหลงผู้นี้ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนท่าน ภาพวาดนี้เป็นสิ่งเดียวที่ข้ามีและยินดีจะมอบมันให้กับท่าน ผู้มีพระคุณ!”
“เจ้ามองข้าต่ำเกินไป!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างใจเย็น “ถ้าหากว่าเป็นสมบัติ ข้าสามารถได้รับมันมากมายหากช่วยเหลือราชครูโดยการฆ่าเจ้า!”
“ถูกต้อง ถูกต้องแล้ว ข้ารู้ แต่ถ้าหากท่านไม่นำภาพนี้ออกไป ข้ากลัวว่ามันจะตกอยู่ในมือของญาติพี่น้องของราชครู ข้า ข้าไม่อาจวางใจได้!” ซางเตอหลงกล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น เจ้ามีญาติหรือไม่?” เจ้าอ้วนกล่าว “จันทร์กระจ่างบนสายน้ำผุดเป็นมรดกของตระกูลเจ้า ข้าสามารถนำมันไปส่งให้กับพวกเขาได้!”
“ผู้มีพระคุณ ความกรุณาทั้งหมดที่ท่านได้มีต่อครอบครัวของข้า ข้าจะไม่มีวันลืม!” ซางเตอหลงกล่าวเสริม “ข้ามีญาติพี่น้องอยู่ที่บ้านเก่า ซึ่งสามารถนับได้ว่าเป็นตระกูลเดียวกับกับข้า เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ถ้าหากเขารู้ว่าท่านทำสิ่งใดให้แก่ตระกูลของเรา เขาจะตอบแทนท่านแม้ว่าเขาจะได้รับมรดกทั้งหมด!”
“อย่างที่ได้บอก ข้าไม่ต้องการของขวัญใดจากเจ้า สิ่งของที่มนุษย์ชื่นชอบไม่มีประโยชน์กับผู้ฝึกตนเช่นข้า เหตุผลที่ข้าทำเช่นนี้เพียงเพราะข้าอยากทำเท่านั้น” เจ้าอ้วนตัดบท เขาไม่ต้องการกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม แต่กลับถามถึงที่อยู่ของญาติของซางเตอหลงพร้อมเก็บจันทร์กระจ่างบนสายน้ำผุดและบินออกไปด้วยดาบบิน
ส่วนซางเตอหลงเมื่อหนี้แค้นของเขาถูกชำระล้างจนสิ้นแล้ว ความโกรธาทั้งหมดของเขามลายหายไป เพียงชั่วครู่จิตวิญญาณของเขาก็ค่อย ๆ หายไปจากโลกมนุษย์