บทที่ 87 การโฆษณาทางอ้อม (อ่านฟรี)
เฝิงหยูต้องอยู่ที่โรงเรียนอย่างเชื่อฟังประมาณ 2-3 วัน ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาการสอบกลางภาค นักเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้ลาหยุด ซึ่งเฝิงหยูขาดเรียนไปบ้าง แต่โชคดีที่มีลี่น่าคอยติวหนังสือให้เขา ทำให้เฝิงหยูเรียนตามเพื่อนคนอื่นๆ ทัน
การเรียนในชั้นม. 4 ไม่ค่อยยากมากนัก แต่ม. 5 เริ่มยากขึ้น แถมยังต้องจำเนื้อหามากมาย เฝิงหยูเป็นคนที่มีความจำดีมาก เขาสอบได้ที่ 10 ในชั้นเรียนในการสอบกลางภาค ทำให้ทั้งครูและเพื่อนร่วมห้องรู้สึกทึ่งไปตามๆ กันเพราะเขาขาดเรียนเยอะขนาดนี้ ยังสามารถสอบได้ที่ 10 อีก เพื่อนๆ ที่ได้คะแนนน้อยกว่าเฝิงหยูแทบอยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียวยกเว้นเหวินตงจุน
สำหรับเหวินตงจุน ตราบใดที่เขายังไม่ได้ที่โหล่ของห้อง เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังมีอีกหลายคนที่ได้คะแนนต่ำกว่าเขา ตอนที่เขาเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม เขาเคยสอบได้ที่โหล่ แต่ตอนนี้ยังมีหลายคนที่ได้คะแนนต่ำกว่าเขา แสดงว่าเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมาก
ในการสอบแต่ละครั้ง เขาก็ค่อยๆ เลื่อนอันดับขึ้นมา พอถึงช่วงสอบเพื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย เขาคงสอบได้ 3 อันดับแรกแน่ๆ
เมื่อเฝิงหยูได้ฟัง “ทฤษฎี” ของเหวินตงจุน เขารู้สึกตกใจมาก เขาไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนว่าตัวเองจะค่อยๆ เลื่อนอันดับขึ้นมาในการสอบแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่เขาเลื่อนอันดับขึ้นมา ก็เพราะว่ามีนักเรียนเพิ่งเข้าเรียนใหม่ ซึ่งมักจะทำคะแนนได้น้อย ถ้าไม่นับนักเรียนพวกนี้ เหวินตงจุนก็สอบได้ที่โหล่อยู่ดี
แต่เอาเถอะ ปล่อยเขาไป ยังไงเฝิงหยูก็มีสิทธ์สอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้แน่ๆ
ครูประจำชั้นคิดว่าเฝิงหยูคงจะไม่ขาดเรียนอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับลาหยุด 1 อาทิตย์หลังจากที่รู้คะแนนสอบกลางภาค แต่ช่างเถอะ เด็กคนนี้ควบคุมไม่ได้จริงๆ
----------------
“บรรณาธิการจาง ยังไงเราก็เป็นเพื่อนเก่าแก่กันมา ค่าโฆษณาของคุณแพงเกินไปหรือเปล่า”
ในช่วงฤดูร้อน ค่าโฆษณาสำหรับหนึ่งหน้ากระดาษเต็มมีราคาเพียงแค่ 10,000 หยวนเท่านั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาก็อยู่ที่ 14,000 หยวน แต่ตอนนี้บรรณาธิการจางคิดค่าโฆษณาสำหรับหนึ่งสัปดาห์เป็นเงินถึง 20,000 หยวน!
“ช่วยไม่ได้ ครั้งที่แล้วตอนฉันช่วยคุณทำโฆษณา ฉันก็โดนหัวหน้าต่อว่ามาแล้ว มาตอนนี้ถ้าคุณไม่มีเงิน 20,000 หยวนก็ลืมเรื่องทำโฆษณาไปได้เลย”
บรรณาธิการจางรู้สึกอิจฉาในความสำเร็จของเฝิงหยูกับการขายพัดลมไฟฟ้ายี่ห้อเฟิงหยู่ของเขาที่ขายดีมากในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา แค่พัดลมไฟฟ้าเท่านั้นแต่เฝิงหยูสามารถหาเงินได้มากมายขนาดนี้ ครั้งที่แล้วเขาขึ้นราคาค่าโฆษณาแต่เฝิงหยูตอบตกลงโดยที่ไม่ได้ต่อรองราคาอะไรเลย มาคราวนี้ เฝิงหยูจะต้องยอมรับราคาใหม่ได้เหมือนเดิมแน่ๆ
ให้ตายเถอะ หัวหน้าคนไหนกันที่จะมาต่อว่าคุณ? ผมตกลงจ่าย 15,000 หยวนสำหรับการโฆษณาเป็นเวลา 7 วันซึ่งเป็นการโฆษณาสำหรับหนึ่งหน้ากระดาษเต็มเท่านั้น ตอนนี้คุณจะมาขอราคา 20,000 หยวน! ถ้าไม่ใช่ว่าหนังสือพิมพ์นี้เผยแพร่ไปทั่วจังหวัด และยังจำหน่ายไปยังจังหวัดหลินด้วย เฝิงหยูคงปฏิเสธและรีบเผ่นไปนานแล้ว เพราะยังคงมีสำนักพิมพ์อื่นๆ อีกมากมาย
“บรรณาธิการจาง ขนาดตีพิมพ์ทั้งประเทศยังไม่ถึงราคา 20,000 หยวนเลย ตอนนี้หนังสือพิมพ์รายวันของพวกเราก็มีหน้าเพิ่มขึ้นอีก 4 หน้าไม่ใช่หรอ ก็เท่ากับว่าต้องได้ค่าโฆษณาเพิ่มอีกตั้งเยอะ เนื้อหาเดิมก็ไม่ได้ลดลง ราคามันก็ต้องถูกลงสิ”
ปัจจุบันสำนักพิมพ์เพิ่มจำนวนหน้าในหนังสือพิมพ์รายวันอีก 4 หน้า ทำให้รายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แถมพวกเขายังได้ขึ้นราคาค่าโฆษณาโดยการอ้างอิงถึงการโฆษณาพัดลมไฟฟ้ายี่ห้อเฟิงหยู่อีกด้วย
เสียดายที่มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครพูดถึงความมหัศจรรย์ของโฆษณาพัดลมไฟฟ้ายี่ห้อเฟิงหยู่บนหนังสือพิมพ์อีกแล้ว บรรณาธิการจางกำลังรอให้เฝิงหยูสร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์ครั้งใหม่ เพราะเขาจะได้พิสูจน์ให้ผู้ซื้อขายโฆษณาคนอื่นๆ เห็นได้
ไม่ใช่ว่าหนังสือพิมพ์ของเราไม่ดี แต่มันอยู่ที่สินค้าของคุณ ลองดูคนอื่นสิ โฆษณาทีนึง ทำเงินได้ตั้งมากมาย!
“ตอนนี้ที่ไหนๆ ก็คิดราคานี้หมดแหละ ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองไปถามที่อื่นดูสิ อีกอย่างตอนนี้ธุรกิจของตระกูลเฝิงก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก แค่เงินสองหมื่นคงไม่เดือดร้อนหรอกมั้ง?”
ช่างพูดจาเย่อหยิ่งอะไรเช่นนี้ เงินเดือนของบรรณาธิการจางอย่างมากสุดก็ 1,000 หยวนต่อปี ตอนนี้เขากำลังพูดถึงเงินหมื่นสองหมื่นราวกับว่าเป็นเงินเพียงแค่ 10 หรือ 20 เซ็นต์
“บรรณาธิการจาง ถ้าคุณอยากจะหาเงินได้มากขึ้น ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่อย่างน้อยคุณก็ควรเพิ่มจำนวนวันโฆษณาให้ผมบ้าง เอาแบบนี้ดีมั้ย? ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจนถึงวันก่อนปีใหม่ ผมจะให้เงินคุณ 50,000 หยวน วันหนึ่งก็มากกว่า 1,000 หยวนแล้ว”
“ไม่ได้ๆ โฆษณาหนึ่งหน้าเต็ม 40กว่าวันแค่ 50,000 หยวนอย่างงั้นหรอ? เอางี้ 100,000 หยวนละกันแล้วฉันจะให้คุณโฆษณาได้ 2 เดือน” แม้ว่าค่าโฆษณาจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็มีคนไม่เยอะนักที่เต็มใจจะจ่ายค่าโฆษณา นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครลงโฆษณาเกินหนึ่งอาทิตย์ บรรณาธิการจางกดดันมากเกินไปแล้ว
“2 เดือน 100,00 หยวน? เอางี้ ผมให้ 4 เดือน 200,000 หยวนแต่ช่วงวันก่อนปีใหม่ วันปีใหม่ วันก่อนตรุษจีนและวันตรุษจีน คุณต้องลงโฆษณาให้ผมสองหน้าเต็ม ถ้าไม่ตกลงตามนี้ ผมจะไปหาสำนักพิมพ์อื่นละ”
“ตกลง! คุณเฝิงนี่เป็นคนตรงไปตรงมาดีจริงๆ ผมไม่กล้าต่อรองเพิ่มละ ตกลงว่าผมจะลงเพิ่มให้อีกหนึ่งหน้าเต็มในช่วงวันหยุด ไม่มีปัญหาแน่นอน เรามาเซ็นสัญญากันเลยดีมั้ยครับ?” บรรณาธิการจางรู้สึกดีใจมาก เขาไม่คิดว่าเฝิงหยูจะใจกว้างขนาดนี้ยอมจ่ายเงินจำนวน 200,000 หยวน ปีนี้สำนักพิมพ์ต้องจ่ายโบนัสงามแน่ๆ
“ไม่มีปัญหา ข้อตกลงก็เหมือนกับครั้งก่อน ถ้าข้อความโฆษณาไม่ขัดต่อกฎหมาย ผมจะทำอย่างไงก็ได้ตามที่ต้องการ คุณไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ผมสามารถเปลี่ยนสินค้าที่โฆษณาเป็นตัวอื่นที่จำหน่ายโดยบริษัทของผมได้ตามสะดวก หากมีการผิดสัญญาเกิดขึ้น พวกคุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินสองเท่าของค่าโฆษณา ซึ่งเท่ากับ 400,000 หยวน”
เพื่อป้องกันไม่ให้บรรณาธิการจางกลับคำในภายหลังเพราะรู้สึกอิจฉา จึงต้องพูดให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้ เฝิงหยูไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ คนพวกนี้ไม่ยอมทำตามสัญญาและมักจะทำอะไรตามที่พวกเขาต้องการ
“ไม่มีปัญหา เราทำงานร่วมกันมาแล้วตั้งกี่ครั้ง ผมเคยปฏิเสธไม่ให้คุณเปลี่ยนแปลงคำโฆษณาและรูปภาพหรอ? มาๆๆ คุณเฝิง มาลองชิมชาผูเอ๋อที่หัวหน้าผมให้มากัน”
......
ช่วงกลางเดือนตุลาคม ผู้คนในจังหวัดหลงเจียงต่างไปทำงานกันตามปกติ คนพวกนี้มักซื้อหนังสือพิมพ์กันเป็นประจำเพื่อคอยดูข่าวสารที่เกิดขึ้นในจังหวัดหลงเจียง
บทความนี้ช่างน่าสนใจ มันเกี่ยวข้องกับคำแนะนำในการใช้ชีวิต ส่วนแรกมีรายชื่ออาหารที่ไม่ควรนำมาปรุงอาหารเพระอาจเป็นพิษได้ ส่วนที่สองของบทความยิ่งน่าสนใจกว่าเดิม มีการอธิบายถึงวิธีการทำน้ำมันถั่วเหลืองสำหรับปรุงอาหาร เป็นกระบวนการแบบดั้งเดิมในการกรองและกระบวนการสกัดน้ำมันจากถั่วเหลืองที่กำลังนิยมในปัจจุบัน
โอโห้ อันนี้เกินไปแล้ว น้ำมันถั่วเหลืองที่ผลิตโดยใช้กระบวนการกรองถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์เคมี มีการใช้แก๊สโซลีนในการสกัดน้ำมันจากถั่วเหลือง แก๊สโซลีนมาจากน้ำมันดิบไม่ใช่หรือ? แล้วแบบนี้จะกินได้หรอ?
ไม่แปลกใจเลยที่ราคาเนื้อจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสองปีมานี้ แต่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองยังคงเหมือนเดิม จริงๆ แล้วนวัตกรรมการสกัดน้ำมันรูปแบบใหม่ก็คือการผลิตน้ำมันที่เป็นพิษนั่นเอง
วิธีการโฆษณาทางอ้อมแบบนี้ที่เฝิงหยูใช้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในปีต่อมา มีการนำไปใช้บนอินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ และอีกหลายแห่ง ซึ่งได้ผลค่อนข้างดีด้วย
เฝิงหยูไม่ได้เขียนว่าน้ำมันถั่วเหลืองประเภทนี้ไม่สามารถรับประทานได้ หรือว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทั้งหมดนั่นคือข่าวลือที่แพร่กระจายไปเอง แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็รับประทานน้ำมันประเภทนี้มาเป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แถมระบบภูมิคุ้มกันของเขายังดีขึ้นด้วย แม้แต่น้ำมันจากท่อระบายน้ำเขาก็ไม่กลัว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนถึง แต่เขาชี้ประเด็นว่าแก๊สโซลีนสกัดมาจากน้ำมันดิบ แล้วแบบนี้น้ำมันดิบกินได้หรอ? ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
วันต่อมา หัวหน้าเรียกพบบรรณาธิการจางเพื่อต่อว่าเขาว่าเขาตีพิมพ์บทความแบบนี้ออกไปได้อย่างไรกัน กระบวนการกรองเป็นวิธีการสกัดน้ำมันที่ทันสมัยที่สุดทั่วโลก ทุกคนที่โรงงานกู๊ดออยล์ก็รับประทานน้ำมันชนิดนี้ ถ้าวิธีการเช่นนี้มีปัญหา แล้วพวกนั้นจะยังกินอยู่อีกหรอ? เรื่องนี้ต้องชี้แจงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด
ก่อนที่บรรณาธิการจางจะเรียนเฝิงหยูมาพบ เฝิงหยูก็มาเขาก่อนพร้อมกับบทความสำหรับวันต่อไป
บทความนี้กล่าวว่ากระบวนการกรองใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการสกัดน้ำมัน และไม่น่าจะมีสารที่เป็นอันตรายตกค้างเหลืออยู่ มิเช่นนั้น รัฐบาลก็คงไม่อนุมัติให้ใช้วิธีการนี้หรอก
เท่านี้ก็เป็นการชี้แจงข่าวลือเกี่ยวกับกระบวนการกรองให้กระจ่างชัดแล้ว อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แล้วคนก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ดี บทความกล่าวว่าไม่น่าจะมีสารที่เป็นอันตรายตกค้างเหลืออยู่ ซึ่งหมายความว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ยังมีสารพิษหลงเหลืออยู่ใช่หรือไม่?