บทที่ 48: วิญญาณร้าย
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
====================
บทที่ 48: วิญญาณร้าย
เจ้าอ้วนลดมือตนลงจากราชครูพร้อมกล่าวว่า “แท้จริงข้ามิได้รู้เรื่องการรักษาความป่วยไข้ อีกอย่างเจ้าไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด สาเหตุของการป่วยในครั้งนี้คือร่างกายของเจ้ามีปราณหยินมากเกินไป ที่ข้าทำเมื่อครู่เพียงกำจัดมันออกไปให้ และเพิ่มเติมปราณหยางขึ้นมาให้สมดุลกันเท่านั้น”
“อา เป็นเช่นนี้เอง!” ราชครูตระหนักได้ดังนั้นจึงร้องออกมา “ข้านึกว่าตนนั้นถูกคุกคามโดยภูตผีพวกนั้นเสียอีก ขอขอบคุณเซียนอาวุโสที่กรุณามาช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นข้าคงตายตกไปในเร็ววัน!”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกเหล่าภูตผีพวกนั้นรังควาญอยู่จริงๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการเอาชีวิตของเจ้า!” เจ้าอ้วนถามต่อ “อา เจ้าเป็นถึงราชครูแห่งจักรพรรดิ เหตุใดจึงมีเหตุให้ไปกระตุ้นเหล่าภูตผีด้วยเล่า?”
“เรื่องนั้น...” ราชครูงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า “เรื่องนั้นข้าไม่ทราบเช่นกันว่าเหล่าภูตผีเข้ามาในบ้านของข้าได้อย่างไร ในอดีตสถานที่แห่งนี้ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน แล้วเหตุใดจึงมีเหล่าภูตผีได้?”
“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้วแน่นพร้อมกล่าวต่อ “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ในที่แห่งนี้เจ้าอยู่ตรงไหนแล้วรู้สึกไม่สบายตัวบ้าง? อีกอย่างเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีเหล่าภูตผีอยู่ในบ้านหลังนี้?”
“มันคือห้องเรียน เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าอยู่ในห้องเรียนแล้วมองเห็นเงาของภูตผี หลังจากนั้นข้าก็ล้มป่วยกระทันหัน!” ราชครูกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ
“ห้องเรียน? ถ้าเช่นนั้นพาข้าไป!” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาเรียบๆ
“เชิญท่านเซียนอาวุโสทางนี้!” ราชครูกล่าวอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับนำทางเจ้าอ้วนไปด้วยตนเอง และเหล่าลูกชายกับลูกสะใภ้ของเขาเดินตามหลังมา
หลังจากผ่านมาสักพัก พวกเขาได้มาถึงตึกไม้ไผ่ธรรมดา ราชครูชี้ไปที่นั่นพร้อมกล่าวว่า “ที่นี่คือห้องเรียนและอาจจะมีผีอยู่ในนี้!” จากท่าทางของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาหวาดกลัวสถานที่นี้อย่างแท้จริง ชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการเดินนำเข้าไปก่อน
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เจ้าอ้วนเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ที่แห่งนี้หรือมีภูตผี? งั้นข้าจะเข้าไปดูข้างในสักหน่อย” หลังจากกล่าวจบ เขาผลักประตูห้องโถงพร้อมเดินเข้าไปอย่างห้าวหาญ
นับว่าห้องโถงนี้มีความใหญ่โตยิ่งนัก ขนาดของมันใหญ่มากกว่าห้าสิบถึงหกสิบฟุต เต็มไปด้วยชั้นวางของวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตำราเรียนโบราณถูกจัดเก็บไว้อย่างดีที่ด้านบนของชั้น บนฝาผนังเต็มไปด้วยรูปภาพโบราณมากมาย ทำให้บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้เหมาะสมกับการเรียนรู้อย่างแท้จริง
เจ้าอ้วนรวบรวมปราณจิตวิญญาณไว้ที่ตาทั้งสองข้าง พร้อมกับมองไปรอบบริเวณครั้งหนึ่ง เขาสะดุดไปที่รูปภาพ ‘จันทร์กระจ่างบนสายน้ำผุด’ เขากล่าวออกมา “จงออกมา! หรือจะให้ข้าลงมือ?”
หลังจากเจ้าอ้วนกล่าวจบ ควันดำพวยพุ่งออกมาจากภาพวาดโบราณ จากนั้นมันกลั่นตัวหลอมรวมเป็นรูปร่างพ่อค้าที่อ้วนท้วนอายุราวสี่สิบปี
ตอนนี้อีกฝ่ายมีร่างกายจากจิตวิญญาณแล้ว เป็นธรรมดาที่มันจะรับรู้ปราณจิตวิญญาณขนาดใหญ่จากร่างกายของเจ้าอ้วน มันรู้ตัวทันทีว่าบุคคลผู้นี้สามารถทำลายมันให้หายไปได้เพียงพลิกฝ่ามือ มันไม่รีรอสิ่งใดอีกต่อไป มันคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกล่าวอ้อนวอนทันที “ท่านเซียน ท่านเซียนอาวุโส ข้ารู้ว่าท่านคือผู้มีพลังที่ราชครูจ้างวานมาเพื่อจัดการข้า ข้าไม่อาจกล้าขอให้ท่านเซียนอาวุโสช่วยเหลือ แต่ได้โปรดช่วยฟังคำวิงวอนจากข้าเพียงครู่! แม้ว่าข้าจะต้องไปเกิดเป็นวัวเป็นม้าในคราถัดไป ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน!”
“ฮ่า” เจ้าอ้วนรู้สึกขบขันเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาสั่นศีรษะอย่างอดไม่อยู่พร้อมกล่าวออกมาอย่างขื่นขม “เจ้าตัวชั่วช้า เจ้าทรมานราชครูจนเขาเกือบจะเดินไปถึงหลุมศพของตนเอง เช่นนั้นเจ้ายังมีหน้ามีร้องทุกข์อีกงั้นหรือ?”
“เซียนอาวุโส ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะสร้างความลำบากให้แก่เขา แต่เป็นเขาที่ทำให้ครอบครัวของข้าแตกสลาย ครอบครัวของข้ามีทั้งหมดยี่สิบแปดคน เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานถึงแปดสิบปี แม้แต่เด็กทารกที่ไม่รู้ประสายังถูกฆ่าโดยไม่ได้รับความเมตตาจากเขา ข้าผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวไม่สามารถชำระหนี้แค้นในยามมีชีวิตได้ จึงกลายเป็นผีเร่ร่อนเพื่อตามทวงหนี้แค้นนี้!”
“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าอ้วนตกใจทันที แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผีมาก่อนแต่ทว่างานเขียนในนิกายได้บันทึกหลายสิ่งอย่างเอาไว้ เขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ชัดเจนนัก เจ้าอ้วนรู้ดีว่าจิตวิญญาณนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นเพราะว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่เขาเต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างมาก มนุษย์เมื่อตายแล้วจะไม่กลายเป็นภูตผีหากได้รับการช่วยเหลือของผู้ฝึกตน เว้นเสียแต่ว่าเขาถูกผู้ฝึกตนประเภทเลี้ยงภูตผีช่วยเหลือ แต่ลักษณะที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้เหมือนกับว่าธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมา แสดงว่าในตอนนั้นเขาเต็มไปด้วยความโกรธาอย่างถึงที่สุดในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชครูผู้ยิ่งใหญ่จึงต้องทำร้ายปลาซิวปลาสร้อยเช่นนี้ เขาถามออกไปอย่างสงสัย “จงเล่าเรื่องราวในวันนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เซียนอาวุโส เรื่องราวมันค่อนข้างจะยาว แท้จริงแล้วต้นเหตุของมันเกิดขึ้นเพียงเพราะภาพวาดใบนี้ จันทร์กระจ่างบนสายน้ำผุด!” ผีตนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้นและเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า
ชายผู้นี้ชื่อว่า ซางเตอหลง เขาเป็นพ่อค้าขายข้าวในแคว้นหลานเย่ว์ เขาคือรุ่นที่สามของกิจการค้าขายในตระกูล ในตอนนั้นธุรกิจได้ถูกเปลี่ยนมือมาถึงรุ่นของเขา เขาคิดกับตนเองว่าเขาจะต้องร่ำรวยอย่างแน่นอน พี่น้องทั้งห้าแต่งงานและมีบุตรสืบสกุล ครอบครัวของพวกเขานั้นมีความเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่นและมีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่
แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ได้สร้างทางเดินที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบให้แก่มนุษย์ ดั่งคำพูดที่ว่า ‘แม้ว่าจะนั่งเงียบงันอยู่แต่ในบ้านของตน แต่สวรรค์ยังสามารถสร้างเหตุการณ์ร้ายให้ได้’ บิดาของซางเตอหลงได้ซื้อภาพวาดนี้ไว้เมื่อสิบปีก่อน มันคือภาพวาดของศิลปินชื่อดัง ราคาของมันสูงมาก เหล่าผู้คนมากมายต้องการจะครอบครองมัน
ที่จริงตระกูลซางเก็บงำความลับเรื่องภาพวาดนี้ไว้เป็นความลับ พวกเขากลัวว่ามันจะนำพาปัญหามาถึงตัว แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าราชครูแห่งจักรพรรดิจะสืบจนรู้ว่าตระกูลของเขาครอบครองมันอยู่และได้ส่งลูกน้องมาที่บ้านของเขาบ่อยครั้ง
ราชครูแห่งจักรพรรดิกำเนิดในตระกูลนักปราชญ์ พวกเขาคิดว่าภาพวาดที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ควรเป็นสมบัติของเหล่านักปราชญ์ การที่มันไปตกอยู่ในมือของพ่อค้านับว่าเป็นการหยามเกียรติ แต่ซางเตอหลงไม่คิดว่าราชครูจะดื้อดึงอยากครอบครองภาพนี้ถึงเพียงนั้น พวกเขาเก็บเรื่องที่ได้ครอบครองภาพนี้มาเนิ่นนานหลายทศวรรษ อาจจะมีข่าวลือออกมาบ้างแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นฝีมือของราชครูอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังโกหกราชครูว่าเขาไม่ได้ครอบครองภาพวาดนี้
สุดท้ายแล้วราชครูหมดความอดทน ในตอนท้ายเขาส่งลูกน้องให้ไปขอภาพนั้นมาเพราะว่าได้รู้ข่าวจากลูกหลานของตระกูลโดยตรงว่ามีภาพอยู่จริง เมื่อเขาแน่ใจที่อยู่ของภาพ เขาได้ส่งคนไปทันที ท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้เขาโกรธคือการที่ถูกโกหกซ้ำ ๆ จากพวกพ่อค้าต่ำต้อย
การมีตำแหน่งที่สูงส่งเป็นถึงราชครูแห่งจักรพรรดิ การไปยื้อแย่งสิ่งของจากพ่อค้าตัวเล็กๆสิ่งนั้นจะสามารถยอมรับได้อย่างไร? ดังนั้นเขาจึงให้ลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาจัดการเรื่องนี้
เหล่าหนุ่มสาวไม่อาจรอคอยราชครูได้อีกต่อไป ในตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว แน่นอนว่าเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุด ในตอนท้ายพวกเขาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กลุ่มในการยัดเยียดข้อหาต่าง ๆ เพื่อจัดการตระกูลซาง ซางเตอหลงและเหล่าพี่น้องของเขาทั้งหมดถูกประหารชีวิต รวมถึงมารดาและภรรยาของพวกเขาด้วย ทั้งยี่สิบแปดคนถูกทรมานและต้องจบชีวิตลงในที่สาธารณะ ส่วนภาพวาดนั้นถูกส่งไปยังบ้านของราชครูหลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดจบลง
หลังจากเขาตาย ซางเตอหลงไม่พอใจอย่างมากจึงเกิดเป็นความแค้นมาสิงสู่ในภาพวาด และทรมานราชครูเรื่อยมาจนกระทั่งเจ้าอ้วนโผล่มา
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าของเจ้าอ้วนแทบกลายเป็นเถ้าถ่าน ย้อนไปยังประสบการณ์ในวัยเด็กของเขาที่ส่งผลกระทบให้เขาต้องยืนอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุด ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวของซางเตอหลง เขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้ พร้อมกล่าวออกมาอย่างมีอารมณ์ทันที “ราชครู เรื่องนี้คืออะไร? บ้านเมืองนี้ไม่มีกฎหมายงั้นหรือ? ความยุติธรรมอยู่หนใด?”
“กฎหมาย? คำพูดของเขาคือกฎหมาย! ส่วนความยุติธรรม อะไรคือความยุติธรรมกัน!?” ซางเตอหลงกล่าวออกมาพร้อมกับร่ำไห้อีกครั้ง