ตอนที่แล้วChapter 95: การนำพาแห่งความโกลาหล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 97: นี่มันความยุ่งเหยิงอะไรกันวะเนี่ย?

Chapter 96: ใครที่สามารถหยุดฉันได้กัน?


Chapter 96: ใครที่สามารถหยุดฉันได้กัน?

กิลด์ที่มีคนนับหมื่นนั้นใหญ่แค่ไหนกัน?

สำหรับประชากรใน {REBIRTH} นั้นมีผู้เล่นเพียงไม่กี่ล้านคนและในตอนนี้ก็มีผู้เล่นแปดล้านคนเท่านั้นที่กำลังออนไลน์อยู่ มันเป็นความใฝ่ฝันของผู้เล่นที่ไม่สามารถทำได้สำเร็จจากนักออกแบบเกมทั้งหมด

อย่าลืมความเป็นจริงที่ {REBIRTH} นั้นเป็นเกมโอเพนเวิลด์ที่เปิดกว้างมากที่เมืองหลักสามร้อยเมือง ในวันธรรมดาทั่วไปนั้นมันก็ไม่ได้มีผู้เล่นมากกว่าหลายพันคนที่กำลังอยู่ในเมือง

กิลด์ที่มีคนนับหมื่นนั้นก็มีครึ่งหนึ่งของประชากรในเมืองๆหนึ่ง

แม้กระทั่งหลังจากที่รวมไปที่ผู้เล่นที่ไม่ได้ออนไลน์และกำลังร่วมต่อสู้ในสงคราม กิลด์สวรรค์อันไร้ที่ตินั้นก็มีสมาชิกเกือบหนึ่งหมื่นคน

ผู้เล่นนับหมื่นคนนั้นกำลังวุ่นวายอยู่ในสงคราม…

นี่เป็นบางสิ่งที่ไม่เคยมีใครเห็นใน {REBIRTH} มาก่อน

แต่ผู้เล่นพวกนี้นั้นเป็นเพียงแค่กลุ่มของเด็กเรียนที่ไม่ได้รู้กลยุทธ์ของกองทัพ กลยุทธ์เดียวที่พวกเขารู้นั้นก็คือผู้เล่นโจมตีไกลนั้นหลบอยู่ด้านหลังแท็งค์และโจมตี แต่กลยุทธ์นี้นั้นไม่ได้พึ่งพาอะไรมากกว่าจำนวนมากกว่าศัตรู

สงคามมนั้นเป็นความยุ่งเหยิงอย่างสมบูรณ์แบบ

แม้ว่ากิลด์สวรรค์อันไร้ที่ตินั้นมีจำนวนคนมากกว่าและมาจากกิลด์เดียวกันทั้งหมด ความจริงที่พวกเขานั้นเป็นคนนอกและไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ มันก็ทำให้เกิดข้อเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นเมื่อการต่อสู้นั้นถูกลากยาวออกไปและสมาชิกของกิลด์นั้นก็เริ่มตายมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลานั้นเอง ก็มีรูปร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเมืองรัตติกาลและเริ่มเข้าสู่ศูนย์กลางของสนามรบ

แต่มันมีผู้เล่นมากเกินไปด้านนอกเมือง ชายคนนี้ก็ไม่ได้วิ่งออกมาไกลก่อนที่เขาจะสูญเสียความเยือกเย็นและเข้าใส่ผู้เล่นคนอื่นแทน…

“บอสอยู่ที่นี่!!!!”ผู้เล่นจากกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ตินั้นร่าเริงมาก

ชายคนนี้เป็นคนที่พึ่งออกจากเกมไปทานข้าวมา เขาก็คือ ความอาละวาดอันชั่วร้าย

“เทพเจ้ากระทิงเหล็กก็อยู่ทีนี่!”

มันเป็นปฏิกิริยาเดียวกันกับฝูงชนตั้งแต่ที่พวกเขานั้นรู้ว่าหน้าตาของหวังหยู่นั้นเป็นยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพันธมิตรอันนองเลือด....เขานั้นเป็นชายเพียงคนเดียวในเมืองรัตติกาลที่สามารถกระโดดเหยียบหัวใครก็ได้ที่เขาต้องการ

กำลังใจของทั้งสองฝ่ายนั้นเพิ่มสูงขึ้นเมื่อพวกเขาเห็น ‘ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขา’นั้นมาถึงแล้ว แต่ผู้เล่นจากเมืองรัตติกาลนั้นก็ตระหนักได้ว่ามันมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไป

เนื่องจาก ‘เทพเจ้ากระทิงเหล็ก’นั้นกำลังฆ่าผู้เล่นของเมืองรัตติกาลอย่างเหี้ยม

พลังในการต่อสู้ของความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นสูงมาก แต่สงครามที่วุ่นวายนั้นทำให้เขานั้นง่ายขึ้นมากในการจัดการศัตรูรอบๆเขา

แสงสว่างนั้นปรากฏขึ้นทุกแห่งในสนามรบ ตรงที่ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นผ่านไป ฉากที่เกิดขึ้นนั้นเป็นที่น่าพึงพอใจมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติที่เริ่มรวมกลุ่มกันและโจมตีสวนกลับอย่างก้าวร้าว

“ไอเหี้... เขาไม่ใช่ ‘เทพเจ้ากระทิงเหล็ก!”ผู้เล่นตะโกนออกมาเมื่อพวกเขานั้นพยายามที่จะวิ่งหนี

ผู้เล่นจากพันธมิตรอันนองเลือดนั้นกำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แล้วพวกเขาก็ตะโกนขึ้น “ฉันสามารถที่จะยืนยันได้เลยว่าผู้เล่นคนนั้นคือกระทิงเหล็ก!”

ผู้เล่นจากกิลด์พันธมิตรอันนองเลือดนั้นเคยพูดกับหวังหยู่มาก่อนและเคยเผชิญหน้าในการต่อสู้กับเขามาด้วย สไตล์การต่อสู้ที่ดุร้ายของหวังหยู่นั้นเป็นฝันร้ายที่พันธมิตรอันนองเลือดนั้นไม่มีวันลืมได้

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นิกายซวนเฉินมีผู้ช่วยมากขนาดนี้กัน?”ผู้เล่นคนอื่นโต้เถียงกลับไป

“เหี้...! ไอ้กิลด์ที่หน้าด้านและทุจริตแบบพวกมันก็มีวิธีการซ่อนเร้นที่หมายถึงการขอความช่วยเหลือแบบนี้อย่างแน่นอน!”

“เหี้...! นิกายซวนเฉินแม่งทรยศพวกเรา!”

ผู้เล่นจากเมืองรัตติกาลนั้นดุด่ากันอย่างดังก้อง

“ไอ้พวกโง่นี่แม่ง….ผมเดาว่าพวกเราไม่สามารถที่จะเดินโชว์ใบหน้าไปรอบๆเมืองรัตติกาลหลังจากเรื่องไร้สาระนี่เกิดขึ้นได้แน่…”ขุนนางครอทถอนหายใจ

“แต่มันเป็นเรื่องเด่นชัดนี่นาว่าไม่ใช่ลุงกระทิง!”ความทระนงตัวบ่นอย่างไม่มีความสุข

“เหมือนกับว่าจะมีใครยอมเชื่อนายละ!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิหัวเราะ

“แต่มันจะต้องมีใครบางคนที่รุ้ความจริงอย่างแน่นอน!”

“หนุ่มน้อย ผู้คนที่รู้ความจริงนั้นก็ตัดสินใจที่จะเมินเฉยกับมันและโกหกกับผู้อื่น คนพวกนี้นั้นเป็นประเภทที่นายจะต้องระวังตัวกับพวกเขามากที่สุด”รัศมีฤดูใบไม้ผลิถอนหายใจ

แม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยกันทั้งคู่ ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นก็จัดการผู้เล่นอย่างโหดร้ายมากกว่าหวังหยู่ และเลือกวิธีฆ่าศัตรูที่โหดร้ายที่ซึ่งทำให้พวกเขานั้นไม่มีกำลังในการต่อต้านการโจมตีของเขา

กำลังใจของผู้เล่นจากเมืองรัตติกาลนั้นถดถอยลงอย่างต่อเนื่องเมื่อพวกเขานั้นสันนิษฐานว่านิกายซวนเฉินนั้นทรยศพวกเขา กิลด์ส่วนใหญ่นั้นเริ่มที่จะเตรียมแผนการหลบถอยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพันธมิตรอันนองเลือดที่ได้รับการสูญเสียจากมือของหวังหยู่มาก่อนหน้านี้

แม้ว่าพันธมิตรอันนองเลือดนั้นหวาดกลัวหวังหยู่ แต่ซิมโฟนีที่ล้มเหลวนั้นไม่ได้หวาดกลัว

2012 นั้นไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดาทั่วไป เขานั้นเป็นนักธนูที่มีติดสิบอันดับแรกของกระดานจัดอันดับที่เป็นผู้นำของกิลด์ใหญ่ มันไม่ได้มีผู้เล่นมากซักเท่าไหร่ที่แข็งแกร่งกว่าเขา ซึ่งมันทำให้เขานั้นมีความหยิ่งยโสกับมันอย่างมาก

2012 นั้นไม่มีความสุขเมื่อเขาเห็นความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เฮ้ มึงอะ กล้าที่จะดวลกับกูไหม?” 2012ชี้ไปที่ความอาละวาดอันชั่วร้าย เมื่อเขานั้นท้าประลอง

“โอ้? เพียงแค่นายอะนะ?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“ไม่จำเป็นที่จะต้องโอ้อวด! พ่อมึงคนนี้มีชื่อว่า 2012 เป็นผู้เชี่ยวชาญบนกระดานจัดอันดับ! มันจะเป็นเรื่องยากซักแค่ไหนกันเชียวในการจัดการกับมึงหน่ะ!”

“เลิกพูดยืดยาวได้แล้ว มาสู้กัน!”ความอาละวาดอันชั่วร้ายตอบกลับอย่างไม่แยแส เมื่อเขานั้นพุ่งเข้าใส่ 2012

2012 นั้นดึงคันธนูออกมาและร่าย [ลูกศรติดตาม] สองรอบก่อนที่ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นจะมาถึงตำแหน่งเดิมของเขา

2012นั้นเป็นคนที่มีรูปร่างเตี้ยและอ้วน การกระทำของเขานั้นก็เหมือนลูกบอลเนื้อที่กำลังกลิ้งไปรอบๆและมันเป็นเรื่องที่น่าตลกอย่างมาก

แม้ว่าการกระทำของเขานั้นจะดูเหมือนกับเป็นพวกขี้ขลาด มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งมันเป็นสไตล์การต่อสู้ส่วนมากของนักธนู

ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาแล้วเขาก็ตบไปที่ลูกศรที่กำลังลอยมาหาเขา แล้วเขาก็เริ่มที่จะไล่ตาม 2012 ต่อ

แม้ว่านักต่อสู้นั้นจะไม่ใช่อาชีพที่มีความคล่องแคล่วสูงมาก พวกเขานั้นก็มีความเชี่ยวชาญพิเศษที่อาชีพอื่นไม่มี ซึ่งนั้นก็คือการโจมตีในขณะที่พวกเขานั้นกำลังกระโดดอยู่ การโจมตีในขณะที่กระโดดไปด้วยนั้นทำให้พวกเขานั้นทำความเสียหายมากกว่าปกติที่พวกเขาทำจากสกิลได้ซะอีก

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นักต่อสู้จำนวนมากนั้นจะกระโดดโจมตีเมื่อพวกเขานั้นกำลังต่อสู้กับผู้เล่นอยู่ แม้กระทั่งอาชีพที่ไร้ประโยชน์มากที่สุด็ยังคงมีความเชี่ยวชาญพิเศษบางอย่าง...

แม้ว่าความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นจะไม่ได้เป็นนักต่อสู้ธรรมดาทั่วไป เขาก็ยังคงชอบที่จะกระโดดโจมตีในขณะที่เขานั้นกำลังร่ายสกิลเช่น [เข่าลอย] หรือ [หมัดกระแทก] ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะทำให้เขานั้นทำความเสียหายได้เพิ่มมากขึ้น แต่เขาก็สามารถที่จะใช้มันร่นระยะระหว่างเขาและคู่ต่อสู้ได้ นี่คือกลยุทธ์ในการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

2012นั้นวิ่งหนีออกมาประมาณสิบเมตร หลังจากที่ยิงไปที่ความอาละวาดอันชั่วร้าย แต่ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นก็ตามเขาทันในชั่วพริบตาอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้

โดยปราศจากการที่จะปล่อยโอกาสให้เขานั้นยืนอย่างมั่นคง ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นก็ตีไปที่ด้านหลังหัวของ 2012และก็กระแทกหน้าเขาจมกับพื้นดิน และทำรอยแตกที่ลึกไปมากกว่าหนึ่งเมตร.... ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นก็ยกขาของเขาขึ้นและกระทืบไปที่ลำคอของ 2012 และเปลี่ยนเขากลายเป็นแสงสีขาว

การกระทำที่โหดเหี้ยมความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นทำให้กำลังใจในการต่อสู้ของผู้เล่นจากเมืองรัตติกาลนั้นหมดลง และทำให้พวกเขานั้นเริ่มที่จะหลบหนีไปที่ประตูเมือง

“เหอะ ผู้เชี่ยวชาญอะไรวะ เมืองรัตติกาลยังมีผู้เล่นที่สามารถหยุดฉันได้อีกไหม?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายหัวเราะอย่างเย่อหยิงเมื่อเขามองไปที่คู่ต่อสู้ที่กำลังหลบหนีอยู่

“ก็ได้ มันถึงเวลาที่พวกเราจะต้องไปแล้ว!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิหัวเราะ เมื่อเขานั้นนำสมาชิกคนอื่นของนิกายซวนเฉินออกมาจากประตูเมืองและเข้าร่วมสนามรบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด