ตอนที่35 โค้ชระดับ3ขั้นสูง
ณ โรงเรียนกีฬา ห้องของครูใหญ่
ครูใหญ่ลู่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร เขาไม่พอใจกับผลการทดสอบคุณสมบัติในครั้งนี้
มีแค่40%ของเด็กนักเรียนจากคลาสฝึกโรงเรียนกีฬาที่ผ่านการทดสอบนี้ ถ้าเทียบกับอัตราการผ่าน30%ของโรงเรียนม.ปลายอื่น นี้ก็เป็นผลลัพท์ที่ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางระบบการฝึกที่เหนือกว่าโรงเรียนอื่นๆ แต่ถึงอย่างงั้น ไอ้ความได้เปรียบมันเป็นแค่ทางข้อมูลเท่านั้นละ มันไม่ได้ช่วยให้เข้ามหาลัยที่มีการสอบเข้าแข่งขันได้เลย
ในเมืองโหยวฮาว มันมีเด็กที่เรียนจบม.ปลายมากกว่า1000คนต่อ1โรงเรียนทุกปี แต่ภายในเด็กเกือบ1000นึง จะมีแค่30-40คนเท่านั้นที่จะเป็นนักเรียนความสามารถกีฬา ดังนั้น อัตราการผ่านที่เพิ่มขึ้น10%นั้นหมายถึงเด็กอีก3-4คนผ่านการทดสอบคุณสมบัติ แต่การเพิ่มจำนวน3หรือ4คนนี้มาจากจำนวนนักเรียน1000คน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เห็นความต่างในการเพิ่มอัตราการรับเข้าเรียนของมหาลัยเลย
ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่เพิ่มอัตราการผ่าน10% แต่เป็นการคัดเลือกรับเข้าเรียนแบบอิสระตั่งหาก นักเรียนความสามารถกีฬาที่ถูกรับเลือก จะได้เข้าไปเรียนในมหาลัยโดยไม่ต้องสอบด้วยซ้ำ คำโฆษณาแบบนี้ ดูดีกว่าคำว่าอัตราการสำเร็จสูงซะอีก
ลองคิดดูซิ โรงเรียนเฉพาะทางที่บ่มเพาะนักเรียนมหาลัยที่ไม่ต้องสอบเข้า ไม่ดีรึไง ถึงแม้ว่าการเอาเด็กเข้ามหาลัยมันเป็นเหมือนโปรเจ็คที่ฟุ้งเฟ้อก็ตาม แต่มันก็ทำให้ประวัติการทำงานของครูใหญ่ลู่ดูดีขึ้น เขามารับตำแหน่งนี้ได้2ปี แล้วตอนนี้เขาต้องการรางวัลความสำเร็จอะไรซักอย่างเพื่อรวมพลังและเสริมสร้างชื่อเสียงของเขา ตามที่ลู่ประมาณการไว้ โรงเรียนจะได้อย่างน้อย1ที่นั่งในมหาลัย หรือบางทีอาจจะได้2 แต่ความเป็นจริงที่โหดร้ายคือ เขาไม่ได้ซักที่นั่งเดียว พูดง่ายๆคือ ครูใหญ่รู้ไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเลย
ด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้นี้ ครูใหญ่รู้ได้โทรไปสอบถาม ว่าใครกันที่ได้ทั้ง2ที่นั่งในมหาลัย แล้วคำตอบมันก็เป็นเหมือนยาขมที่ยากจะกลืน 2ที่นั่งในมหาลัยนั้นถูกเอาไปโดยโค้ชของนักเรียน2คนนั้น ไอ้โค้ชนั้น ไต้หลี่ ไอ้คนที่เคยเป็นโค้ชผู้ช่วยในโรงเรียนกีฬาของลู่ แล้วหลังจากนั้นก็โดนไล่ออก
ถ้าเกิดไต้หลี่ลาออกด้วยตัวเอง ลู่ก็อาจจะยังหาข้ออ้างให้ตัวเองได้ว่าไต้หลี่อาจจะดูถูกโรงเรียนกีฬา แต่นี้ไต้หลี่โดนไล่ออก มันเหมือนกับว่าโรงเรียนกีฬาสร้างเสี้ยนหนามให้ตัวเองแถมยังเอาปืนยังขาตัวเองด้วย
ครูใหญ่ลู่ไม่มีความสุขเลย เขาโทรหาหัวหน้าฝ่ายบุคคลให้เขามาหาเขาในออฟฟิศทันทีเพื่อถามเรื่องการโดนไล่ออกของไต้หลี่ เขายืนต่อหน้าครูใหญ่ ท่าทางของครูใหญ่ดูเกรี้ยวกราดมาก
“ครูใหญ่ลู่ครับ ผมไม่ได้มีความคิดจะไล่ไต้หลี่ออกเลยนะครับ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลพยายามจะอธิบาย
“ไม่ใช่คุณเหรอ? งั้นบอกผมหน่อยซิว่าใครเป็นคนทำได้อีก? คุณ เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลนะ!” ครูใหญ่ลู่จริงจังมากกว่าเดิม
หัวหน้าฝ่ายลังเล เขาพึ่งสังเกตว่าครูใหญ่ลู่กำลังจะฟิวขาด(โมโหจัด) เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง เขาจึงต้องบอกความจริง “เป็นความคิดของผอ.ฮาวจากแผนกฝึกครับ เขาต้องการให้ไต้หลี่โดนไล่ออก เขาบอกว่าไต้หลี่ดีเกินไปสำหรับโรงเรียนของเรา นั้นเป็นเหตุผลที่เขาไล่หลี่ออกครับ”
ตอนนี้ลู่ดูน่ากลัวมาก คำแก้ตัวของฮาวเป็นอะไรที่ห่วยแตกมาก แม้แต่เด็กยังไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เลย ลู่สัมผัสได้ว่ามันอาจจะมีเรื่องขัดแย้งส่วนตัวกันระหว่างฮาวกับหลี่ ฮาวใช้อำนาจของตัวเองเพื่อตอบสนองความแค้นส่วนตัว ครูใหญ่ฮาวอาจจะยังพอรับได้กับการใช้อำนาจในทางที่ผิดของฮาว แต่ที่เขารับไม่ได้เลยคือสิ่งที่ฮาวทำความเสียหายต่อโรงเรียน แถมยังทำให้ลู่พลาดโอกาสที่จะได้ความสำเร็จครั้งใหญ่ไปด้วย
ลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ “คุณรับผิดชอบในส่วนของฝ่ายบุคคล ถ้ามันมีอะไรผิดพลาด คุณควรที่จะแจ้งผมโดยตรง ไม่ใช่ว่าไปทำตามคำสั่งของคนอื่น”
“ครูใหญ่ลู่ครับ ผู้คนคุยๆกันว่าผอ.ฮาวจะได้รับเลือกเป็นรองประธานต่อจากคนเก่าที่เกษียณอายุไป เขาจะกลายเป็นรองประธานคนต่อไป นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องฟังคำสั่งของฮาวครับ ผมไม่อยากปฏิเสธเขา” หัวหน้าฝ่ายบุคคลโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผอ.ฮาวคนเดียวเพือที่ตัวเองจะได้ปลอดภัยจากการถูกลงโทษ
“เขาอยากเป็นรองประธานคนใหม่งั้นเหรอ? หื้มม!” ครูใหญ่ลู่จบประโยคด้วยการหายใจอย่างแรง
หัวหน้าฝ่ายบุคคลตัวหด ดูเหมือนผอ.ฮาวจะสูญเสียแรงสนับสนุนสำคัญไปแล้ว ตอนนี้ฮาวลำบากแน่
...
ในขณะที่การสนธนาระหว่างหัวหน้าฝ่ายกับครูใหญ่ลู่ดำเนินไป ไต้หลี่กำลังอยู่บนรถไฟไปเมืองเฉิงตู
ไฮหยางเฉิน ฉิงเหลียงซูและนักเรียนคนอื่นทั้งหมดยังคงอยู่ในรายการฝึกของเขา แต่เมื่อพวกเขาไม่ได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอจากไต้หลี่ พวกเขาจะถูกถอดออกจากรายการฝึกโดยอัตโนมัติ นั้นหมายความว่า พวกเขาจะไม่สามารถเพลิดเพลินกับกับผลของวงแหวนระเบิดพลังได้อีกต่อไป แต่หลี่ก็ไม่ได้แคร์เท่าไร เป้าหมายในการฝึกของนักเรียนพวกนั้นคือได้ใบยืนยันคุณสมบัตินักกีฬาลำดับ2 แล้วตอนนี้พวกเขาก็ทำได้แล้ว หลี่ปิดจ๊อบเรียบร้อย เขาได้เงินค่าฝึกจากพวกเขาแล้ว หลังจากนี้พวกเขาคงไม่ต้องจ่ายแล้ว เพราะพวกนั้นคงไม่หวังพึงไต้หลี่ตลอดไปหรอก
ถ้าคนๆนั้นไม่ตั้งเป้าว่าจะเป็นนักกีฒามืออาชีพแล้วละก็ วงแหวนระเบิดพลังก็ไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้นหรอ ผู้คนเลือกที่จะเป็นนักเรียนความสามารถกีฬาเอาจริงเพราะว่าพวกเขามองหาวิธีการเข้าเรียนมหาลัยที่ง่ายกว่าเดิม แทนที่จะเป็นความฝันว่าจะไปเป็นนักกีฬาแข่งมืออาชีพ ใบประกาศยืนยันนั้นจะเป็นตัวช่วยเบิกทางให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขาสอบผ่านการสอบที่สำคัญๆในชีวิต
สำหรับการสอบพิเศษที่ต้องใช้ก่อนที่พวกเขาจะเข้ามหาลัย ตราบใดที่พวกเขาผ่าน เขาก็ได้รับเลือกเข้าเรียนเเล้ว หลี่เชื่อในนักเรียนของเขา พวกเขาสามารถทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีวงเเหวนด้วย
ระหว่างไฮหยางเฉินกับฉิงเหลียงซู คนนึงระดับC+ส่วนอีกคนอยู่ระดับC 2คนนั้นมีความสามารถมากพอที่จะไปเป็นนักวิ่งมืออาชีพได้ เเต่การที่จะกลายเป็นนักกีฬาที่มีคุณสมบัติ สิ่งที่พวกเขาต้องมีจริงคือการผสมผสานระหว่างพรสวรรค์กับพรเเสวงไม่ใช่วงเเหวน ตามความจริง หลังจากการทดสอบคุณสมบัติ หลี่ไม่ใช่โค้ชของพวกเขาอีกต่อไป พวกเขาถูกเปลี่ยนถ่ายไปหาคนอื่น มันถึงเวลาต้องบอกลา
...
เมืองเฉิงตูไม่ใช่เป็นเเค่เมืองหลวงเเต่เป็นเมืองท่าด้วย ด้วยความได้เปรียบเรื่องทรัพยากร เศรษฐกิจของเมืองเฉิงตูนั้นนำหน้าเมืองลำดับ2ไปไกลลิ่ว เเล้วกำลังจะกลายเป็นเมืองลำดับ1 ในฐานะเมืองใหญ่ เมืองเฉิงตูเป็นเมืองที่มีพัฒนาการของอุสาหกรรมกีฬาดีมาก สำหรับการศึกษาด้านกายภาพ นอกเหนือจากมหาลัยกีฬาประจำเขตกับโรงเรียนกีฬาเเล้ว พวกเขายังมีโรงเรียนฝึกปิงปอง โรงเรียนฝึกบาสเก็ตบอล เเละก็โรงเรียนฝึกฟุตบอล ซึ่งยากที่จะเห็นที่อื่น ในฐานะที่เป็นกีฬาเศรษฐกิจ ที่นี้มีทีมบาสเก็ตบอลมืออาชีพซึ่งเหมาะสมสำหรับลีคเลเวลA พวกเขายังมีทีมฟุตบอลอาชีพสำหรับการเเข่งซุปเปอร์ลีคในประเทศกับลีคอันดับ1
เมืองนี้ยังให้โอกาสงามๆในการพัฒนาอนาคตของโค้ชอีกด้วย แต่สำหรับมือใหม่อย่างไต้หลี่ ประสบการณ์การทำงานถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในตอนท้ายของ1เดือนช่วงคุมพฤติกรรมแล้วเซนสัญญา1ปีแล้ว ไต้หลี่จะได้เป็นพนักงานประจำในมกข.
เมืองเฉิงตูถือเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพที่สูงกว่าเมืองโหยวฮาว แต่มันก็แลกมาด้วยรายได้ที่มากขึ้นเช่นกัน ไต้หลี่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในวิทยาเขตุ ปรกติเขาก็กินข้าวที่โรงอาหารของม. ซึ่งค่าอาหารถูกกว่านอกม.เยอะ เขาอยู่ในหอ
เเล้วเขายังพักอยู่ที่หอพักปริญญาเอก4เตียง หอนี้มันดีกว่าหอเก่าที่เขาอยู่ตอนเรียนมหาลัยเยอะมาก ในฐานะที่เป็นพนักงานภายใต้สัญญาของบริษัท เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้อยู่หอเดี่ยวเหมือนครูทั่วไปเเต่เเค่นี้เขาก็พอใจ ไต้หลี่พึ่งออกจากมหาลัยของเขามาได้เเค่ไม่กี่เดือน เเล้วตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าช่วงเวลาเหล่านั้น ในตอนที่เขาอยู่มหาลัย ได้กลับมาอีกครั้ง อยู่ในหอ กินในโรงอาหาร เข้าเเล้วก็ออกห้องรียนตามเวลา เล่นเกมคอมเเล้วก็คุยกับรูมเมทในช่วงเวลาว่าง
อาชีพโค้ชผู้ช่วยนั้น งานของหลี่ง่ายมากโค้ชเฉินจะให้ตารางฝึกรายสัปดาห์กับเขา หลังจากนั้นไต้หลี่ก็จะเป็นคนที่ฝึกให้นักกีฬาจริงๆ อย่างพวกการนำยืดเส้นหรือการฝึกกำลังก็เป็นหน้าที่ของหลั่ โค้ชเฉินนั้นยุ่งเกินกว่าจะมาดูเเลนักกีฬาทุกคน เขาจะมาให้คำเเนะนำที่สำคัญบางครั้งเท่านั้น ไต้หลี่ที่เป็นเจ้าของระบบโค้ช ทำให้ไม่เเปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงฝึกได้มีประสิทธิภาพมากกว่าโค้ชผู้ช่วยคนอื่นๆ กาลเวลาผ่านไป โค้ชเฉินเริ่มยืนยันการฝึกของเขา เเล้วให้งานฝึกกับหลี่มากขึ้นไปอีก
ไต้หลี่นั้นกระตือรือร้นที่จะได้มีส่วนร่วมในทุกการฝึกเท่าที่จะทำได้ ในมหาลัยกีฬาเเห่งนี้ เขาได้ฝึกนักกีฬามืออาชีพหลายคน ทำให้ค่าประสบการณ์นั้นพุ่งเร็วกว่าเด็กม.ปลายเยอะ
ต้องขอบคุณพวกมืออาชีพพวกนี้ ค่าประสบการณ์ของหลี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลา3เดือน เขาได้เเต้มครบ3000เเต้มตามที่เขาต้องการสุดท้ายไต้หลี่ก็กลายเป็นขั้นผู้อาวุโสของโค้ชระดับ3