ตอนที่ 11 คนเดียว (อ่านฟรี)
เที่ยงของวันถัดมา มาร์วินตื่นขึ้นด้วยความหิวโหย
เขาลุกขึ้นเงียบๆและเห็นหญิงสาวลูกครึ่งเอลฟ์ยังคงนอนหลับอยู่ข้างเตียงเขา ท่านอนของเธอดูงดงามมาก ขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
เขารีบทำความสะอาดตนเองโดยไม่รบกวนแอนนาและเดินผ่านประตูไป เขามีสิ่งต่างๆมากมายให้จัดการ
มาร์วินออกจากโรงแรมอินทรีย์เขาดำและเดินไปยังตลาดเพื่อค้นหาช่างตีเหล็กจากครั้งที่แล้ว เขาซื้อมีดโค้งทั่วไปเหมือนกันมา 2 เล่มก่อนจะออกมา
แม้ว่าเขาจะใช้มีดเล่มเดิมที่เขาเคยใช้ แต่มันไม่สามารถแสดงคุณสมบัติของการใช้อาวุธคู่ได้ สำหรับมีดเล่มที่ 3 มันถูกเก็บไว้ยามจำเป็น
นักสู้ที่มีประสบการณ์จะเตรียมอาวุธพิเศษเพื่อใช้ในสถานการณ์ต่างๆ
จากนั้นเขาเดินทางไปสลัมที่อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ซึ่งมีขอทานมากมายที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเหรียญเงินไม่กี่เหรียญ รวมถึงข้อมูลต่างๆ มาร์วินต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา
เขากลับมาจากสลัมและเหลือเพียง 30 เหรียญเงินเศษในกระเป๋า
เขาซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นจากร้านขายของชำ ก่อนที่จะเดินกลับโรงแรม
เมื่อมาร์วินกลับห้อง แอนนาตื่นแล้ว เธอกำลังขยี้ตาที่ง่วงนอนของเธอและตกใจกับสิ่งของมากมายในมือของมาร์วิน “นายน้อยมาร์วิน พวกเราจะไปต่อสู้กับแก๊งอาเชรอนงั้นรึ?”
“มีเพียงแค่เรา 2 คนเท่านั้นหรือ?”
แอนนาไม่ได้กลัวตัวเองบาดเจ็บ แต่กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมาร์วิน
มาร์วินยื่นขนมปังอบเนยให้กับเธอและกระซิบ “พวกเราไม่โดดเดี่ยวหรอก เมืองนี้ดำมืดกว่าที่พวกเราคิด บางทีการขอความช่วยเหลือในครั้งแรกอาจเป็นเรื่องผิดพลาด ไม่มีใครช่วยพวกเราหรอก การเอาดินแดนของพวกเรากลับคืนมา พวกเราต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของพวกเราเอง กินนี่ก่อน เมื่อเจ้ากินเสร็จ ข้าต้องการให้เจ้าไปแถบชนบท”
แอนนารู้สึกประหลาดใจขณะดื่มน้ำ เธอตอบกลับ “ไปแถบชนบท?”
“หมู่บ้านกรีนและหมู่บ้านฟ็อก เพียงแค่อังเดรและพวกพ้องไม่สามารถจัดการได้แน่” มาร์วินพูดอย่างเฉยเมย เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างและกำลังมองผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน
“ท่านรู้ได้อย่างไร....?” แอนนารู้สึกตกใจมากกว่าเก่า
“ข้าเห็นเขา วันนั้นอังเดรได้ลอบเข้ามาในเมืองและค้นหาเจ้า ความคิดของเขาคือต้องการใช้กองทัพของตนยึดดินแดนคืนกลับมา”
มาร์วินส่ายศีรษะและพูดขึ้น “น่าสงสารที่เจ้ายังคิดว่าจวนเจ้าเมืองจะส่งความช่วยเหลือมาช่วย เจ้าถึงยังใจเย็นได้ ใช่ไหม?”
ประกายตาของแอนนาเริ่มเปลี่ยนสี “นายน้อยมาร์วิน ข้าพอเข้าใจความคิดของท่าน ถ้าทหารสามารถเข้ามาได้ แก๊งอาเชรอนก็ไม่เป็นปัญหา เพียงแต่....เมืองริเวอร์ชอร์ไม่ให้พวกนั้นติดอาวุธเข้ามาแน่”
“ให้พวกเขาปลอมตัวและลอบเข้ามาในเมืองริเวอร์ชอร์ เรื่องอาวุธข้ากำลังคิดหาวิธีอยู่” มาร์วินคว้าไปที่ขนมปังชิ้นหนึ่งและส่งมันเข้าปาก “ข้าให้เวลาเจ้า 10 วัน”
“10 วันหลังจากนี้ ข้าต้องการเห็นหุบเขาริเวอร์ไวท์พร้อมทั้งทหาร 20 คนยืนอยู่ต่อหน้าข้า”
แอนนารู้สึกตื่นเต้น
มาร์วินเพิ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเจิดจรัสอย่างแท้จริง! การรวบรวมกองทัพส่วนตัวในเมืองริเวอร์ชอร์ แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนาง แต่ยังถือเป็นการยั่วยุต่อเมืองริเวอร์ชอร์! แต่มีเพียงนายน้อยมาร์วินเท่านั้นที่ทำให้แอนนาเห็นถึงความหวังที่น้อยนิด
มีเพียงวิธีนี้ที่ทำให้เขายุติชีวิตที่น่าอดสูในเมืองริเวอร์ชอร์แห่งนี้ได้
นายน้อยมาร์วินเป็นขุนนาง แต่ที่นี่เมืองริเวอร์ชอร์ จวนเจ้าเมืองหลอกเขา คาสิโนหลอกเขาและพ่อค้าร่ำรวยยังจ้างแก๊งอันธพาลมาฆ่าเขาอีก!
ความอัปยศอดสูเหล่านี้ เธอเก็บไว้ในหัวของเธอตลอด เหตุผลเดียวที่เธอยังไม่ระเบิดมันออกมา เพราะนายน้อยมาร์วินของเธอ
ตอนนี้มาร์วินได้เปลี่ยนไปแล้ว เขามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจ แอนนาไม่สามารถมองเขาเป็นเด็กที่คอยตามหลังเธอตั้งแต่เด็ก เพื่อเรียนรู้การบริหารดินแดน
“แต่...ถ้าข้าออกไป...” แอนนามองมาร์วินอย่างลังเล
เธอเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของมาร์วิน
“ข้าจะซ่อนอยู่ในโรงแรม เจ้าควรเชื่อในความสามารถของข้า ไม่มีใครสามารถตามหาข้าเจออย่างแน่นอน”
มาร์วินยิ้มอย่างมั่นใจ “ไปเถอะ! ข้าจะรอฟังข่าวดี”
…
ช่วงบ่ายของวันนั้น ด้วยการปลอมตัวเป็นหญิงชนบท แอนนาออกจากเมืองริเวอร์ชอร์เพียงคนเดียวมุ่งหน้าสู่ทิศใต้
ด้วยคำแนะนำของนายน้อยมาร์วิน ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นมาก
มาร์วินมองดูออกไปเงียบๆ เขาแค้นยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่แกร่งกล้า
การส่งแอนนาออกไปมีจุดประสงค์ 2 อย่าง หนึ่งเขาต้องกองทัพที่แข็งแกร่ง และเขาต้องการลงมือคืนนี้ เขาไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงทั้งหมดได้เมื่อแม่บ้านสาวคอยอยู่เคียงข้าง ตัวอย่างเช่นขณะจัดการกับโจรปล้นสุสาน แอนนาเกือบจะทำแผนของเขาพัง
บางครั้ง การฆ่าก็เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจ้าวแห่งรัตติกาลเป็นคนลงมือ
มาร์วินไม่ได้แสดงพลังออกมา เขารู้ว่าเวลาไหนควรลงมือคนเดียวและเมื่อไหร่ควรเพิ่มประสิทธิภาพของกองทัพ เหตุผลที่เขาส่งแอนนาไปยังชนบทก่อนคือเพื่อรวบรวมทหารไปปกป้องคนในหมู่บ้าน
หลังจากที่หุบเขาริเวอร์ไวท์ถูกยึดครอง ประชาชนจำนวนมากต่างหลบหนีไปยังหมู่บ้านกรีน , หมู่บ้านฟ็อกและทะเลสาบดิสวอเทอร์ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของมาร์วิน หมู่บ้านเหล่านั้นต่างอยู่บนภูเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหลบหนีจากการบุกของโนลส์ เนื่องจากกฎหมายของเมืองริเวอร์ชอร์ มีเพียงมาร์วินและแม่บ้านเท่านั้นที่สามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือได้ กองทหารของเขาอยู่ได้เพียงแถบชนบท
เด็กหนุ่มเหล่านั้นไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน พวกเขาต้องการฆ่าพวกมันและรอเพียงคำสั่งของมาร์วิน
พวกเขาเป็นชายที่กล้าหาญ หนุ่มแน่นและแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่พอ
มาร์วินรู้ว่ามีเงาจำนวนมากอยู่เบื้องหลังการรุกรานของเหล่าโนลส์ ชายหนุ่ม 20 คนไม่สามารถต้านทานกองทัพโนลส์ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี เขาต้องรวบรวมกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้น
และก่อนหน้านั้น เขาต้องหาคนที่เล็งเป้ามาที่เขาก่อน
มันอาจจะเป็นลุงมิลเลอร์ที่ตระหนี่ แต่อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้
ในเวลาสั้นๆ หลังจากคืนนี้ ทุกอย่างจะชัดเจน
...
ตกดึก ก่อนที่ช่วงเคอร์ฟิวของเมืองริเวอร์ชอร์เป็นเวลาที่ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยพลังอำนาจชั่วร้าย
แก๊งอันธพาลทุกแก๊งเริ่มนับกำไรที่ทำได้ของวันและโจรมือใหม่ส่วนใหญ่จะถูกทุบตีโดยคนที่ทำได้ครบโควต้ารายวัน
ที่ผ่านมา พวกมันต้องเรียนรู้ผ่านความเจ็บปวดเพื่อปรับปรุงมือของตนเองให้ว่องไวมากขึ้น ในเวลานั้นพวกเขาต้องแบกรับความเจ็บปวดทางกายแต่ส่วนแบ่งที่พวกเขาได้รับยังเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขา
นี่คือพื้นที่สีเทาของการอยู่รอด
โสเภณีที่แต่งตัวงดงามยืนอยู่ในซอยข้างถนนสายหลัก แป้งที่หนาทาทั่วไปหน้า บางครั้งการใช้เครื่องสำอางราคาถูกก็ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้น แต่ใช้เพื่อปกปิดรอยสิว แต่ไม่มีอะไรในงานประเภทนี้เลวร้ายไปกว่า การตั้งท้องและล้มป่วย ทั้งสองสิ่งนี้หมายความว่าพวกเขาได้สูญเสียงานของพวกเขาไปแล้ว
...
บาร์ไพรอซีน ชั้นใต้ดิน
แสงเทียนส่องสว่างอยู่บนร่างของหญิงสาวที่กำลังเต้น ชาย 2 คนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ทำจากหนังเสือและหัวเราะเสียงดัง
“นายน้อยฟาร์ม่า ข้าพบหญิงสาวให้ท่านได้ลิ้มลองแล้ววันนี้ ตอนนี้ท่านต้องสนุกกับตัวเอง”
ในบรรดาพวกเขา ชายร่างสูงชี้ไปที่หนึ่งในนักเต้นที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงาม
มีรอบแผลเป็นระหว่างคิ้วทำให้เขาดูโหดเหี้ยม
เขามีร่างเตี้ยและมีแววตาชั่วร้ายพร้อมด้วยถุงใต้ตา คนประเภทนี้หมดพลังงานไปกับไวน์และผู้หญิง
เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนักเต้นคนนั้นได้และพยักหน้า “ดี ดี! ไดเฟียส ตราบใดที่เจ้าสามารถกำจัดขยะนั่นได้ เมื่อข้ากลับไป ข้าจะบอกสิ่งนี้กับพ่อของข้าและให้เขาสนับสนุนเจ้า”
ไดเฟียสพูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณมากขอรับ นายน้อยฟาร์ม่า เด็กน้อยที่ชื่อมาร์วินนั่นไม่สามารถหลบหนีไปจากพวกเราได้หรอกขอรับ พวกเราส่งทีมขนาดเล็กไปตามล่ามัน ดังนั้นไม่นานหัวของมันจะลอยอยู่บนแม่น้ำไพน์โคนอย่างแน่นอน”
“ถึงตอนนั้น หุบเขาริเวอร์ไวท์จะตกเป็นของท่านพ่อ!” ฟาร์ม่าพูดอย่างโหดเหี้ยม “ยีนและลูกชายของมันได้ขโมยดินแดนของพ่อข้ามาเป็นเวลานานและถึงเวลาที่จะเอาสิ่งที่ควรเป็นของข้ากลับคืนมา!”
“แน่นอน” ไดเฟียสหัวเราะออกมา “กลุ่มของโนลส์มีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก เพียงแค่ส่งอาหารให้กับพวกมันและเมื่อมาร์วินตาย ทุกอย่างจะดีขึ้น”
ทั้งสองหัวเราะอย่างชั่วร้าย ขณะนั้น ชายในชุดคลุมสีดำเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาหมอบและกระซิบไปที่ข้างหูของไดเฟียส
ใบหน้าของไดเฟียสไม่ได้เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินรายงาน “สองอีก 2 ทีมเข้าไปช่วย เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ทำไมข้าต้องให้ความสนใจ?”
ชายชุดดำเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ไดเฟียสจะพูดสิ่งใด ฟาร์ม่าลุกขึ้นทันที ทิ้งให้หญิงสาวข้างกายงุนงง
ฟาร์ม่ากอดนักเต้นและลากเธอไปยังห้องด้านข้าง
นักเต้นดิ้นรนและพูดด้วยความกลัว “ท่านไดเฟียส ไหนท่านบอกข้าว่านี่เป็นแค่การเต้น?!”
ไดเฟียสตอบกลับอย่างไม่แยแส “ขอโทษด้วย เปลี่ยนแผนแล้ว”
ปัง!
ประตูของห้องเล็กปิดลง เสียงกรีดร้องของนักเต้นดังออกมา ตามด้วยเสียงของฟาร์ม่าที่หัวเราะอย่างชั่วร้าย
...
ไดเฟียสขมวดคิ้ว ความรู้สึกของเขาค่อนข้างตึงเครียด
‘ทีมที่ 1 ส่งไปนานมากแล้ว ทำไมยังไม่มีข่าวกลับมา? เกิดอะไรขึ้น?’
ในเวลานั้น ชายชุดคลุมดำกลับมา หลังจาที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ เขากระซิบออกมา “มีข่าวร้าย 2 ข่าวขอรับ ทีม 1 ที่เราส่งไปถูกพบที่ริมฝั่งแม่น้ำไพน์โคน ทั้งหมดตายแล้วขอรับ ศัตรูใช้มีดโค้งและมีทักษะในการสังหารระดับสูง”
ไดเฟียสขมวดคิ้ว
“นอกจากนี้คลังสินค้าของพวกเราในบริเวณท่าเรือถูกไฟไหม้และเกิดการต่อสู้ขึ้นที่คาสิโนฝั่งตะวันออก พวกเราไม่สามารถควบคุมได้”
ไดเฟียสจ้องมองออกไป “ใครมันเป็นคนเริ่มการต่อสู้?”
“อาจจะเป็นคนของงูทะเลหรือไม่ก็คนของนกยูงขาวขอรับ” ชายในชุดคลุมดำตอบอย่างเป็นกังวล “พวกเราขยายอำนาจเร็วเกินไป พวกมันตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา”
“ไม่ว่ามันเป็นใคร การขยายตัวของอาเชรอนจะต้องเกิดขึ้น” ไดเฟียสยืนขึ้นบนโซฟาและสั่ง “ส่งทีมที่ 3 เข้าไปจัดการกับเรื่องวุ่นวายนี้และฆ่าทุกคนที่มีปัญหา”
“แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น จะเหลือเพียง 2 ทีมในบาร์ไพรอซีนนะขอรับและก็สมาชิกระดับล่าง” ชายชุดดำพูด
“ใครกลัวกัน ข้าอยู่ที่นี่!” ไดเฟียสเดินไปที่กำแพงและหยิบขวานขึ้นมา
ในขณะนั้นสาวน้อยคนหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน
“ไม่ดีแล้ว! หัวหน้า! มีใครบางคนอยู่ด้านบน เขาฆ่าคนของเราไปเยอะมาก!”
“พวกมันมีเท่าไหร่!?” ชายชุดคลุมดำตะโกนถามเสียงดัง
หญิงสาวตอบอย่างเกรงกลัว
“…คนเดียว!”